ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 83 วาโยเย็นฉ่ำ จันทร์กระจ่าง (1)
ข้าหยิบกระดาษสาที่ต่งเชวียส่งให้ขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด ดูพลางบันทึกส่วนหนึ่งของเนื้อหาบนนั้นลงบนกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง ต่งเชวียเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ข้าฟังจนจบ แม้วิธีการสะสางแค้นของต่งเชวียจะโหดร้ายอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกันแล้ว วิธีการของข้าโหดร้ายยิ่งกว่า ดังนั้นข้าจึงไม่ตำหนิต่งเชวีย แม้ไม่กล่าวถึงความแค้นล้ำลึกดั่งมหาสมุทรระหว่างเขากับหลี่หันโยว ข้าก็คิดเสมอว่าคนทุกคนต่างสมควรรับผิดชอบสิ่งที่ตนกระทำ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าคิดว่าแทนที่จะรอสวรรค์ลงโทษ มิสู้ตนลงมือเอง มิเช่นนั้นไยข้าต้องหาเรื่ององค์รัชทายาทของแคว้นหนึ่งด้วยเล่า
เมื่อข้าสรุปรายชื่อพรรคพวกลับของสำนักเฟิงอี้ที่จะส่งต่อให้ยงอ๋องจัดการเสร็จแล้วก็ให้คนไปเชิญยงอ๋อง ก่อนยงอ๋องมา ข้ามีเวลาว่างครู่หนึ่งจึงเอ่ยกับเสี่ยวซุ่นจื่อว่า “เจ้าว่าเรื่องใต้เท้าเหวยสมควรจัดการเช่นไร”
เสี่ยวซุ่นจื่อขบคิดแล้วตอบว่า “ข้าคิดว่าในเมื่อเหวยอิงใจเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ เก็บใต้เท้าเหวยไว้ก็ไม่มีประโยชน์อันใด ยิ่งไปกว่านั้น บิดากับบุตรย่อมผูกพันกันล้ำลึก กลัวว่าเขาคงมิอาจต่อกรกับเหวยอิงได้เต็มกำลัง มิสู้สังหารใต้เท้าเหวยเสีย ให้กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วได้ความไว้วางใจจากสำนักเฟิงอี้ดีกว่า มิทราบว่าคุณชายคิดเห็นเช่นไร”
ข้าครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “แม้เหวยกวนไม่ได้เข้าร่วมกบฏ แต่เขาเป็นผู้นำของขุนนางฝ่ายบุ๋น ปกครองครอบครัวไม่เข้มงวด ตามเหตุผลสมควรลงโทษ แล้วข้าก็คิดว่าเรื่องเหวยอิง มิใช่ว่าเขาไม่รู้อย่างสิ้นเชิง เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเหวยอิงจะเข้าร่วมก่อกบฏก็เท่านั้น
การสืบทอดราชบัลลังก์ของรัชทายาท หากสำเร็จ ตัวเขาเองก็ยินดี เหวยอิงนับว่าฉลาด หากเหวยกวนมีชีวิตอยู่ ถ้าเช่นนั้นเขาย่อมต้องจัดการเหวยอิง สละครอบครัวเพื่อความภักดี แต่หากเหวยกวนตาย ลูกศิษย์มิตรสหายของบิดาเขาที่มีอยู่มากมายอาจเห็นแก่สหายเก่าเหลือไมตรีให้เหวยอิงอยู่บ้าง
ทว่าเหวยอิงถือดีว่าตนฉลาดมากเกินไป กล่าวกันว่าคนจากจร ชาเย็นชืด ไมตรีระหว่างสหายเก่าพรรค์นั้นมิอาจส่งผลต่อสถานการณ์โดยรวม อย่างมากที่สุดก็เป็นประโยชน์ยามสำนักเฟิงอี้ถอยออกจากต้ายงครานี้เล็กน้อยเท่านั้น มิหนำซ้ำเมื่อยงอ๋องชี้ปลายดาบจ่ออยู่ ผู้ใดจะกล้าเห็นแก่ความสัมพันธ์ส่วนตัวเล่า เอาเช่นนี้เถิด ให้เหวยกวนปลิดชีพตนก็แล้วกัน ไม่จำเป็นต้องทำอันใดมากมาย เพียงให้องครักษ์ที่เฝ้าจับตาเขาหย่อนยานสักหน่อย จากนั้นเล่าข่าวลือให้ฟังสักสองสามประโยค ยังจะกลัวเหวยกวนปลิดชีพตนไม่ลงหรือ”
ตอนนี้เอง เสี่ยวซุ่นจื่อพลันส่งสายตาให้ ข้าทราบว่ายงอ๋องมาถึงแล้วจึงไม่พูดต่ออีก แต่ลุกขึ้นออกไปรับ ไกลออกไป ยงอ๋องกำลังเดินมาพร้อมสืออวี้กับเซี่ยโหวหยวนเฟิง เพียงเห็นสีหน้าของยงอ๋องก็ทราบว่าเขาอารมณ์ดียิ่งเป็นแน่ ข้าก้าวเข้าไปคำนับแล้วเอ่ยว่า “ลำบากองค์ชายเดินมาหา กระหม่อมสมควรตาย” ข้าขออภัยพลางมองไปทางเซี่ยโหวหยวนเฟิง ยงอ๋องไว้ใจเขาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด
ยงอ๋องเห็นสายตาคลางแคลงของเจียงเจ๋อก็นึกเสียใจเล็กน้อย เสียใจว่าตนไม่ควรพาเซี่ยโหวหยวนเฟิงเดินมาด้วย แต่หลายวันที่ผ่านมาคนผู้นี้ช่วยงานได้มากยิ่งนัก ด้วยความช่วยเหลือของเขา การกวาดล้างอำนาจของรัชทายาทในราชสำนักกับในพระราชวังจึงดำเนินไปอย่างราบรื่นอย่างยิ่ง สิ่งที่หายากที่สุดก็คือคนผู้นี้ช่างรู้ใจ สองวันก่อนเจียงเจ๋อเข้าวังโดยพลการ หากมิใช่เซี่ยโหวหยวนเฟิงส่งข่าวมาบอก เขาก็คงมาไกล่เกลี่ยไม่ทัน ดังนั้นพักนี้เขาจึงค่อยๆ ให้เซี่ยโหวหยวนเฟิงเข้ามาอยู่ในหมู่คนสนิท พวกสืออวี้ต่างไม่พอใจเรื่องนี้ หรือว่าเจียงเจ๋อก็จะไม่พอใจเรื่องนี้เหมือนกัน ยงอ๋องยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแล้วเอ่ยว่า “สุยอวิ๋น หลายวันนี้ท่านรักษาตัวเป็นอย่างไรบ้าง ข้ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับท่านหน่อย”
หลังจากข้าเชิญพวกยงอ๋องนั่งลงแล้ว ข้าก็ส่งรายชื่อที่เรียบเรียงเสร็จแผ่นนั้นให้ยงอ๋องแล้วกล่าวว่า “องค์ชาย นี่คือพรรคพวกลับๆ ของสำนักเฟิงอี้ที่กระหม่อมสืบมาได้ องค์ชายโปรดหาจังหวะเฝ้าจับตาพรรคพวกลับเหล่านี้ไว้ แต่ดีที่สุดอย่าเพิ่งลงมือทันที ป้องกันมิให้สำนักเฟิงอี้สงสัยสายลับของกระหม่อม”
ยงอ๋องรับรายชื่อมาดูพักหนึ่งก็ถอนหายใจ “สุยอวิ๋น สายลับในมือท่านเหมือนจะเก่งกาจยิ่งกว่าสายลับในมือเสด็จพ่อกับข้าเสียอีก พรรคพวกในที่ลับเหล่านี้ข้ารู้เพียงสามสี่ส่วนในสิบส่วนเท่านั้น แล้วก็เพิ่งหาพบเมื่อไม่กี่วันก่อนอีกด้วย”
ข้าฟังเจตนาในถ้อยคำของยงอ๋องออก เขาหมายตาสายลับในมือข้า แต่หอกลไกสวรรค์กับกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วยังไม่เหมาะจะมอบให้ยงอ๋องตอนนี้ เพราะไม่ว่าอย่างไร หากถูกผู้อื่นค้นพบว่าสองกลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับยงอ๋องย่อมไม่มีประโยชน์ เพื่อให้ยงอ๋องล้มเลิกความคิดและเพื่อเบี่ยงประเด็น ข้าจึงนั่งลงสะบัดพัดเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “ตำราพิชัยสงครามซุนวูกล่าวไว้ การใช้จารชนมีห้า มีจารชนถิ่น มีจารชนใน มีจารชนซ้อน มีจารชนตาย มีจารชนเป็น
หากกล่าวถึงศาสตร์การใช้จารชน เดิมองค์ชายก็ชำนาญอย่างยิ่งอยู่แล้ว เคยได้ยินท่านต่งเล่าว่ายามองค์ชายเคลื่อนทหารเดินทัพ ทุกครั้งเมื่อไปถึงสถานที่หนึ่งจักต้องเรียกคนท้องถิ่นมาสอบถามด้วยตนเอง กล่าวได้ว่าชำนาญการใช้จารชนถิ่น ในอดีตต้ายงส่งเหลียงหวั่นมาอยู่ในหนานฉู่ เรียกได้ว่าจารชนตาย ต้ายงซื้อตัวขุนนางหนานฉู่ที่ยอมสยบต่ออำนาจ เรียกได้ว่าจารชนใน
แรกเริ่มตอนองค์ชายก่อตั้งกองทัพองครักษ์ขึ้นก็ตั้งค่ายทหารสอดแนมในกองทัพ รับผิดชอบสอดแนมข่าวการทหารของศัตรูโดยเฉพาะ นี่เรียกว่าจารชนเป็น ส่วนจารชนซ้อน ในอดีตคราอยู่สู่จง องค์ชายมิใช่ว่าใช้แผนจารชนซ้อนหรอกหรือ ถึงบีบเต๋อชินอ๋องให้รีบร้อนโจมตีเมืองลั่วได้”
หลี่จื้อเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ความสามารถในการใช้จารชนของข้าจะเทียบกับสุยอวิ๋นได้เช่นไรเล่า” เขาเหลือบมองเซี่ยโหว เรื่องบางอย่างอย่าให้เขารู้จะดีกว่า คิดดังนี้จึงไม่พูดต่อ
ความจริงแล้วเขานับถือความสามารถในการใช้จารชนของเจียงเจ๋ออย่างหมอบราบคาบแก้ว หากมิใช่เพราะเจียงเจ๋อจัดการ รัชทายาทจะเสื่อมคุณธรรมเช่นนี้ได้อย่างไร หากมิใช่เจียงเจ๋อจัดการ จะใช้งานพวกเซี่ยโหวหยวนเฟิงเพื่อประโยชน์ของตนจนพลิกสถานการณ์สำเร็จได้อย่างไร นับแต่โบราณมา แม่ทัพผู้โด่งดังล้วนแล้วแต่ชำนาญการใช้งานกำลังฝ่ายตน ทว่าเจียงเจ๋อกลับเชี่ยวชาญการใช้กำลังของศัตรูทำงานให้ตน ฝีมือการใช้จารชนอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้ หลี่จื้อย่อมเลียนแบบมิได้
ข้าหัวเราะ “จุดที่ยังบกพร่องในการใช้จารชนขององค์ชายก็คือทรงใช้เฉพาะกับศัตรูเท่านั้น ดังนั้นองค์ชายจึงสืบเรื่องราวรอบตัวรัชทายาทได้อย่างชัดเจน แต่กับใต้เท้าเหวยที่เป็นกลาง หรือเรื่องราวฝั่งแม่ทัพใหญ่ฉินกลับไม่ทราบมากนัก ดังนั้นจึงพลาดท่าเสียทีในการก่อกบฏที่พระราชวังเลี่ยกง ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น วันนี้องค์ชายก็สมควรทราบแล้วว่ากระหม่อมมีความลับบางอย่างไม่ได้รายงานองค์ชายมาตลอด แต่องค์ชายมิเคยสงสัย แม้การเลือกใช้คนแล้วไม่แคลงใจจะเป็นข้อดีขององค์ชาย แต่วันหน้าองค์ชายจะกลายเป็นเจ้าแผ่นดินแห่งต้ายง ผู้คนในใต้หล้าล้วนแต่จะมาพึ่งพาองค์ชาย องค์ชายจะไม่คลางแคลงคนที่เลือกใช้ ไม่เลือกใช้คนที่คลางแคลงได้ทุกกรณีหรือ
ดังนั้นกระหม่อมเสนอให้องค์ชายตั้งกรมกองสักกรมหนึ่งในวัง ส่งหูตาไปไว้ทั่วราชสำนักและแผ่นดิน ทำหน้าที่ตรวจการในหมู่ขุนนางและประชาชนโดยเฉพาะ เช่นนี้จึงจะรับประกันความมั่นคงของอำนาจจักรพรรดิและความสงบสุขของแผ่นดินได้”
สืออวี้ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “หากทำเช่นนั้น ไยมิใช่ทำให้เหล่าขุนนางและราษฎรทั้งหลายอกสั่นขวัญแขวน ยิ่งไปกว่านั้น หากทำเช่นนี้ ผู้ที่คุมอำนาจตรวจการย่อมมีอำนาจมากเกินไป” เขากล่าวพลางมองข้าด้วยแววตาเคลือบแคลง สงสัยว่าข้าคิดจะควบคุมหน่วยงานที่ว่านี้อย่างเห็นได้ชัด
ข้ายิ้มละไมแล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้ต้องดูว่าองค์ชายจะจัดการเช่นไร ขอเพียงองค์ชายแบ่งอำนาจตรวจการกับอำนาจลงโทษออกจากกัน กรมกองนี้ก็จะไม่มีอำนาจเหนือใต้หล้า ส่วนจะทำให้ผู้คนหวาดหวั่นจนพบพานบนถนนได้แต่สบตาหรือไม่ ก็ต้องดูว่าองค์ชายดำเนินการอย่างไร ขอเพียงองค์ชายไม่ใช้ข่าวสารที่สืบมาลงโทษผู้คนตามใจ ถ้าเช่นนั้นคนจะหวาดหวั่นขวัญผวาได้เช่นไรเล่า หากมิเกี่ยวข้องกับเรื่องใหญ่หรือมิใช่การก่อกบฏ องค์ชายก็เพียงอ่านข่าวกรองเหล่านั้นแล้วคลี่ยิ้มปล่อยผ่านไป แต่หากเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเช่นนั้นย่อมซ่อมหลังคาได้ก่อนฝนลง”
หลี่จื้อฟังอย่างตั้งใจยิ่งนัก ดวงตามีประกายวูบไหวเป็นระยะ เมื่อข้ากล่าวจบ เขาก็เอ่ยปากว่า “ข้าเองก็ตั้งใจจะก่อตั้งกรมตรวจการอยู่นานแล้ว สุยอวิ๋นยินดีเป็นผู้ดูแลหรือไม่”