ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 17 พี่น้องพบหน้า (3)
แม้แทบทุกคนจะหลบเลี่ยงสายตาน่าเกรงขามของฉีอ๋อง แต่ก็มีบางคนไม่หวาดกลัวอำนาจบารมีของฉีอ๋อง ลู่ช่านเป็นหนึ่งในนั้น หลังจากเขาได้ยินว่าฉีอ๋องมาถึง แรกสุดก็ตกใจเล็กน้อย แต่จากนั้นก็กลับมาสงบ เขาเพียงปรายตามองฉีอ๋องเรียบเฉย ดวงตาฉายแววประเมินและชื่นชม
ทว่าชิ่งอ๋องหลี่คังกลับสีหน้าเย็นยะเยือก เขาไม่พอใจฉีอ๋องเป็นอย่างมาก ก่อนนี้ยามฉีอ๋องเป็นพวกเดียวกับรัชทายาท เขาไม่เคยเห็นชิ่งอ๋องอยู่ในสายตา ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาของเขาก็เป็นศิษย์สำนักเฟิงอี้ เรื่องเหล่านี้ก็พอให้ชิ่งอ๋องเกลียดชังเข้ากระดูกดำแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้หลี่คังชิงชังที่สุดก็คือหลี่เสี่ยนน้องหกผู้หยิ่งยโสคนนี้ แม้แต่ในสถานการณ์วันนี้ก็ยังมิก้มหัวให้ตน ตามศักดิ์แล้ว ตนเป็นชินอ๋อง หลี่เสี่ยนเป็นจวิ้นอ๋อง ตนเป็นคนสำคัญในราชสำนัก สูงศักดิ์เป็นอันดับหนึ่ง ส่วนหลี่เสี่ยนวันนี้มีความผิดต้องสงสัยก่อกบฏติดตัว แต่กระนั้นก็ยังทำตัวเช่นนี้ หลี่เสี่ยนมิเคยเห็นหลี่คังอยู่ในสายตา
ปีนี้หลี่จื้อขึ้นครองบัลลังก์ หลี่คังเคยปรึกษาเรื่องนี้กับหลี่จื้อเป็นการลับ กล่าวว่าหลี่เสี่ยนหยิ่งยโสไร้มารยาทเกินไป แต่หลี่จื้อกลับยิ้มเจื่อนตรัสเพียงว่า “น้องหกอยู่ต่อหน้าข้าก็เป็นเช่นนี้ดุจเดียวกัน เขาก็นิสัยเช่นนี้ น้องสามอย่าผิดใจกับเขาเลย” ประโยคนี้ทำให้หลี่คังเข้าใจโดยพลัน หากหลี่เสี่ยนไม่ตาย เขาไม่มีวันอยู่เหนือกว่าหลี่เสี่ยนได้เด็ดขาด เมื่อเห็นบรรดาแม่ทัพนายกองของกองทัพกับขุนนางใหญ่ในราชสำนักเหล่านั้นพินอบพิเทาต่อหลี่เสี่ยน แต่กลับวางตัวเย็นชาห่างเหินกับตน หลี่คังก็ยิ่งเกลียดชังหลี่เสี่ยนล้ำลึก อาศัยอะไร เจ้าคนโอหังเคยทำความผิดมหันต์เช่นนี้จึงกดหัวตนไว้เหมือนเป็นเรื่องถูกต้องชอบธรรม นี่คือความเคียดแค้นที่ซุกซ่อนอยู่ลึกสุดหัวใจของหลี่คัง
แต่ต่อหน้าคนนอกมากมายเช่นนี้ หลี่คังย่อมไม่เผยความชิงชังนี้ออกมา แม้แต่ในราชสำนักเอง เขาก็เพียงแสดงความไม่พอใจออกมาเล็กน้อยเท่านั้น เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้งแล้วบังคับตัวเองให้คลี่ยิ้ม “น้องหกก็มาด้วย รับบัญชาฝ่าบาทมาหรือ”
หลี่เสี่ยนมองหลี่คังแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้ามาร่วมแสดงความยินดีเป็นการส่วนตัว ต้องมีบัญชาอันใด หากพี่สามมีคำถาม ก็กลับไปถามฝ่าบาทเองเถิด”
เขาเอ่ยไม่ไว้หน้าเช่นนี้ หลี่คังหน้าถมึงทึงในบัดดล แทบจะระเบิดอารมณ์เสียตอนนั้น โก่วเหลียนจึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย “ชิ่งอ๋องมิต้องกังวล ฉีอ๋องรักครอบครัว ฝ่าบาทคงไม่ตำหนิ” เขาเอ่ยเช่นนี้ ฟังดูเหมือนจริงๆ แล้วชิ่งอ๋องเป็นห่วงพี่น้อง กังวลว่าฉีอ๋องออกมาจากกองทัพโดยพลการจะทำให้ฝ่าบาทพิโรธ
หลี่เสี่ยนหันมองโก่วเหลียน แล้วตอบไว้หน้าเขาอย่างผิดคาด “พี่สามมิต้องกังวล กลับไปข้าจะเขียนฎีกาสำนึกผิดถวายต่อฝ่าบาทเอง” พูดพลางก็เผยรอยยิ้มเกียจคร้าน หลังจากนั้นจึงนั่งอย่างไม่เกรงใจ
เวลานี้ผู้คนในห้องโถงต่างพากันโล่งอกแล้วอดตกตะลึงกับไอสังหารหนักหน่วงบนร่างฉีอ๋องผู้นี้มิได้ ทั่วหล้าช่างหายากจริงๆ แม้เป็นแม่ทัพใหญ่ผู้นำทหารดุจเดียวกัน แต่ลู่ช่านมีบรรยากาศสุขุมนิ่งสงบเยี่ยงแม่ทัพนักปราชญ์ ส่วนองค์หญิงจยาผิงสง่างามหนักแน่นชวนให้คนศรัทธา ทว่าฉีอ๋องกลับมีไอสังหารหนักหน่วง เมื่อเห็นสามคนนี้นั่งอยู่ด้วยกัน ทุกคนที่ได้เห็นบุคคลระดับนี้ต่างคิดว่าเดินทางมาครั้งนี้มิเสียเที่ยวโดยแท้
แม้ทุกคนจะผ่อนคลายลงแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกกดดันอยู่ เพียงมีฉีอ๋องอยู่ที่นี่คนเดียว ทั่วทั้งห้องโถงก็มิมีผู้ใดกินดื่มอย่างสบายใจได้ ขณะที่ทุกคนกำลังกระอักกระอ่วน เสียงหัวเราะดังลั่นมิเก็บกลั้นของคนผู้หนึ่งก็ดังออกมาจากห้องโถงด้านหลัง “อะไรกัน น้องหกก็มาด้วยหรือ”
ทุกคนได้ยินก็ทราบว่าตงไห่โหวเจียงหย่งมาถึงแล้ว ในตงไห่แห่งนี้ นอกจากชิ่งอ๋องหลี่คังก็มีเพียงตงไห่โหวเจียงหย่งที่เรียกขานฉีอ๋องหลี่เสี่ยนเช่นนี้ได้ เป็นดังคาด ชายวัยกลางคนผู้สวมอาภรณ์สีแดงสดคนหนึ่งก้าวออกมาจากห้องโถงด้านหลัง เขาอายุครึ่งร้อย เส้นผมหนวดเคราเป็นสีเทาปนขาว ผิวสีออกคล้ำ แต่ท่าทางกระฉับกระเฉง เขาก้าวเดินประหนึ่งพาสายลมมาด้วย องครักษ์หลายคนด้านหลังแทบตามฝีเท้าของเขามิทัน
เขาเดินมาถึงหน้าโต๊ะก็ดึงหลี่เสี่ยนลุกขึ้น กล่าวว่า “ดียิ่ง น้องหก พี่ชายเจ้าก็หวังว่าเจ้าจะมา หากมิได้คุณธรรมของเจ้า หลานชายเจ้าคนนี้อย่าพูดถึงแต่งงานมีภรรยา แม้แต่ชีวิตก็น่าจะรักษาไว้มิได้ มาๆ ครั้งนี้ต้องให้หลายชายกับหลานสะใภ้ของเจ้าขอบพระคุณบุญคุณใหญ่หลวงของเจ้าให้ดี ไม่ว่าอะไรก็เอ่ยปากได้ทั้งสิ้น ราชทูตขุนนางต้ายงของเจ้าอยู่ที่ดินแดนของข้าไม่เป็นที่ต้อนรับนัก แต่เจ้าไม่เหมือนกัน นอกเสียจากต้องการให้ข้าสวามิภักดิ์ ขอเพียงน้องหกมีคำขออันใด พูดออกมาได้เต็มที่ ข้าเจียงหย่งจะไม่ต่อรองกับเจ้าเด็ดขาด”
คำพูดนี้ของเขากลับทำให้คนมากมายสะดุ้ง แม้แต่ลู่ช่านกับหลินปี้ก็มีแววกังวลฉายวาบในดวงตา หากฉีอ๋องขอให้ตงไห่ไม่ร่วมมือกับหนานฉู่และเป่ยฮั่นอีกต่อไปจะทำเช่นไรดีเล่า
ยังไม่ทันได้คำตอบจากฉีอ๋อง ผู้ดูแลงานเลี้ยงที่อยู่ด้านนอกก็ประกาศอย่างไม่ดูสถานการณ์ “ไห่อู๋หยาและไห่หลีจากกิจการเดินเรือตระกูลไห่มาถึงแล้ว! คุณหนูโหรวหลันมาถึงแล้ว! คุณชายน้อยหลี่หลินมาถึงแล้ว” พร้อมกับเสียงประกาศ อาหลานสกุลไห่ก็อมยิ้มเดินเข้ามา ด้านหลังร่างของพวกเขา เด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งกระโดดโลดเต้นฉุดกระชากเด็กชายตัวน้อยที่ทำหน้ามิใคร่จะยินยอมเดินเข้ามาด้วย
นอกจากหลินปี้กับหลี่เสี่ยน คนที่เหลือล้วนงุนงง นี่มันเกิดอะไรขึ้น ผู้ดูแลงานเลี้ยงประกาศแม้แต่ชื่อเด็กน้อยตั้งแต่เมื่อใด
ดวงตากลมดิกของโหรวหลันตัวน้อยมองแขกเหรื่อที่จ้องตาโตอ้าปากค้างเหล่านั้นแล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “พวกท่านจ้องหลันหลันทำอะไร น้องหลิน คนพวกนี้ช่างไร้มารยาทนัก ช่วยข้าสั่งสอนพวกเขาเร็ว”
หลี่หลินมองแขกเหรื่อเหล่านั้นอย่างกลัดกลุ้ม แล้วตอบเสียงเย็นชา “เจ้าโง่หรือไร เจ้าดูแล้วข้าสู้ชนะใครได้บ้าง”
โหรวหลันตัวน้อยมองอย่างตั้งอกตั้งใจแล้วเอ่ยอย่างกลุ้มใจ “ลำบากอยู่เล็กน้อยจริงๆ พวกเขาสูงกว่าเจ้ามากนัก หากพี่จวิ้นอยู่ก็คงดี เขาต้องออกหน้าระบายโทสะให้ข้าได้แน่”
หลี่หลินเอ่ยอย่างไม่พอใจ “พี่จวิ้นของเจ้าก็เหมือนจะไม่ได้ตัวโตเท่าใดนัก ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะออกหน้าระบายโทสะแทนเจ้าได้ เอาเช่นนี้เถิด เจ้ารอสักหน่อย รอข้าเติบใหญ่เป็นแม่ทัพก็ช่วยเจ้าระบายโทสะได้แล้ว”
โหรวหลันตัวน้อยย่นจมูกแล้วบ่นอุบอิบ “พี่จวิ้นเก่งกาจมาก ตอนท่านพ่อรังแกข้า เขาก็ช่วยฟ้องแทนหลันหลันตลอด” จากนั้นโหรวหลันตัวน้อยก็ก้มหน้าลงช้าๆ เสียงเริ่มสั่นครือ “ฮือฮือ หลันหลันไม่ได้เจอพี่จวิ้นตั้งนานมากแล้ว ท่านพ่อก็ไม่ยอมให้ข้าเขียนจดหมายหาพี่จวิ้น” ทันใดนั้นนางก็เงยหน้ามองหลี่หลินด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง “เจ้าส่งจดหมายแทนข้าได้ใช่หรือไม่”
หลี่หลินฮึดฮัด แต่เมื่อเห็นสีหน้าผู้คนแฝงแววขบขันทั้งที่ยังฉงน ก็เอ่ยตอบกระฟัดกระเฟียด “ก็ได้ ข้ารับปาก พอใจแล้วใช่หรือไม่”
สีหน้าเขากลัดกลุ้มยิ่งกว่าเดิม เมื่อครู่โหรวหลันขอร้องอยู่นาน แต่เขามิสะดวกใจบอกว่าตนไปฉางอันมิได้ ไร้หนทางนำจดหมายไปส่ง จึงได้แต่ทำใจแข็งไม่ยอมตกลง คิดไม่ถึงโหรวหลันจะเลือกเวลานี้มาบีบให้เขารับปาก หลี่หลินผู้มิชอบอยู่ท่ามกลางสายตาผู้อื่นจึงได้แต่ตกลงโดยดี ในใจกำลังขบคิดว่าจะให้ผู้ส่งสารในกองทัพช่วยนำจดหมายกลับไปได้หรือไม่
เด็กน้อยสองคนโต้เถียงกันเช่นนี้ ความคิดของทุกคนก็ถูกชักนำไปด้วย มิทราบผู้ใดหัวเราะออกมาก่อน หลังจากนั้นทุกคนจึงเริ่มหัวเราะเสียงดังตาม บรรยากาศในห้องโถงมงคลเริ่มครึกครื้น
หลี่หลินอายจนหน้าแดง เขามองโหรวหลันอย่างขุ่นเคือง แต่โหรวหลันกลับก้าวเข้าไปดึงเสื้อเจียงหย่งอย่างดีอกดีใจแล้วกล่าวว่า “ท่านลุงเจียง หลันหลันมาแสดงความยินดีแทนท่านพ่อละ”
เจียงหย่งหัวเราะมิได้ร้องไห้มิออกอยู่เล็กน้อย ตอบว่า “เก่ง เก่งมาก ลุงทราบแล้ว เสี่ยวหลันเอ๋อร์ อยากไปพบพี่สาวคนใหม่ของเจ้าที่ด้านหลังหรือไม่”
โหรวหลันรีบพยักหน้า เจียงหย่งจึงโบกมือ หญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างสองนางรีบก้าวเข้ามานำทางโหรวหลันตัวน้อยเดินไปยังโถงด้านหลัง หลี่หลินขมวดคิ้วแล้วเงยหน้ามองบิดา หลี่เสี่ยนพยักหน้าน้อยๆ หลี่หลินจึงเดินตามโหรวหลันเข้าไปด้านหลังด้วย ทุกคนคิดว่าเขามากับโหรวหลันจึงมิได้ใส่ใจ ปล่อยให้เขาตามเข้าไปเช่นนี้