ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 62 ศึกในยังมีห่วง ศึกนอกเข้ารอนราญ (3)
เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในพระราชวังนับครั้งไม่ถ้วนจนมิได้แปลกใหม่ แต่องค์หญิงฉางเล่อก็ยังรู้สึกเศร้าใจ ถามขึ้นว่า “ซือหม่าซิวย่วนผู้นี้มีเบื้องหลังเช่นไร จึงกำเริบเสิบสานเช่นนี้ เรื่องนี้มิต้องพูดถึงตำแหน่งซิวย่วนคนหนึ่ง ต่อให้เป็นพระสนมยศเฟยทั้งสี่ก็คงมิกล้าทำ”
ตั้งแต่เหยียนกุ้ยไท่เฟยเริ่มคุยเรื่องนี้ จ่างซุนไทเฮาก็ให้คนพาเด็กน้อยทั้งหลายออกไปเล่นด้านนอก แล้วไล่นางกำนัลออกไป เวลานี้ก็ตรัสสีหน้าทะมึนขึ้นบ้าง “ผู้ใดว่ามิใช่เล่า มิว่ายุคใดสมัยใด หากมิใช่ฮ่องเต้โปรดปรานแต่ผู้เดียวจนมิสนกฎสนเกณฑ์ สนมคนใดจะกล้ากระทำเหิมเกริมเช่นนี้ แต่ยามนี้ฝ่าบาทเหินห่างวังหลังอย่างยิ่ง ฮองเฮาก็ทรงปกครองวังหลังได้ดี เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา ข้ายังแปลกใจ
ต่อมาหลังจากฮองเฮาสืบอย่างละเอียด จึงพบว่าซือหม่าซิวย่วนผู้นี้เดิมเป็นบุตรีตระกูลขุนนางจากแคว้นสู่ ยามนี้ครอบครัวของนางก็ยังคงเป็นตระกูลอันดับหนึ่งแห่งตงชวน หากมิใช่เช่นนั้น ต่อให้นางรูปโฉมความสามารถเพียบพร้อมก็คงมิอาจเข้าวังมาครองตำแหน่งซิวย่วนได้ ตอนนี้ตระกูลซือหม่าเป็นกำลังสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของชิ่งอ๋องในตงชวน ชิ่งอ๋องเข้าวังมาขอความเมตตาจากฮองเฮาด้วยตนเอง ด้วยติดต้องเห็นแก่หน้าชิ่งอ๋อง ฮองเฮาจึงได้แต่ออกราชเสาวนีย์ ส่งซือหม่าซิวย่วนเข้าตำหนักเย็น เฉิงเจี๋ยอวี๋สร้างความชอบครั้งใหญ่ แต่งตั้งเป็นยศชงหรง ต้วนไฉเหรินเป็นผู้บริสุทธิ์ถูกทำร้าย แต่เพราะยามนี้ยังลุกจากเตียงมิได้ อีกทั้งบุตรก็ยังไม่เกิด จึงยังมิได้พระราชทานแต่งตั้ง”
ดวงตาขององค์หญิงฉางเล่อทอประกายเย็นยะเยือกวูบหนึ่ง ชิ่งอ๋องอีกแล้ว แต่เดิมในใจนางสงสารและนับถือเสด็จพี่พระองค์นี้อยู่บ้าง แต่หลังจากพบหน้ากันครั้งนี้กลับเห็นว่าเขาจงใจสร้างความลำบากให้ฉีอ๋องเสียทุกอย่าง เรื่องนี้ยังพอทำเนา อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เรื่องสำนักเฟิงอี้จึงทำให้ใจเขายังหลงเหลือความแค้น แต่เรื่องซือหม่าซิวย่วนผู้นี้ออกจะพิกลอยู่บ้าง
จ่างซุนไทเฮากับเหยียนไท่กุ้ยเฟยแลกสายตากันครั้งหนึ่ง พวกนางไม่พอใจเรื่องนี้อย่างยิ่ง เหยียนกุ้ยไท่เฟยย่อมเคืองเพราะชิ่งอ๋องเป็นตัวการสำคัญผู้เล่นงานบุตรรักของนาง ส่วนจ่างซุนไทเฮาขุ่นเคืองเพราะเห็นใจเพราะเป็นคนหัวอกเดียวกัน บุตรชายทั้งหลายของนางไม่มีสักคนรอดชีวิตมาถึงวันนี้ ดังนั้นนางจึงทนเห็นการทำร้ายเด็กบริสุทธิ์ไม่ได้ที่สุด ซือหม่าซิวย่วนแตะถูกเกล็ดย้อนของนาง
ทว่าแม้ตำแหน่งไทเฮาจะสูงศักดิ์ แต่จ่างซุนซื่อกลับมิต้องการเข้าไปยุ่งกับวังหลังมากเกินไป ถึงอย่างไรฮ่องเต้ก็มิใช่บุตรแท้ๆ ของนาง และนางก็มิต้องการแทรกแซงอำนาจของฮองเฮา แต่องค์หญิงฉางเล่อย่อมแตกต่าง ในฐานะองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ที่สุดในราชวงศ์ต้ายง อีกทั้งมีสามีเป็นขุนนางคนสนิทคนสำคัญของฮ่องเต้ หากองค์หญิงฉางเล่อออกหน้า เรื่องนี้ผู้ใดก็มิกล้าปากมาก
ดวงตาขององค์หญิงฉางเล่อฉายแววลังเลเล็กน้อย นางต้องการสังหารซือหม่าซิวย่วนเช่นกัน ในอดีตยามต้องสังหารบุตรรักในครรภ์ด้วยมือตนเพราะไร้ทางเลือก นางต้องสะดุ้งตื่นทุกค่ำคืน น้ำตาหลั่งรินชุ่มอาภรณ์ แม้ว่านั่นจะเป็นเลือดเนื้อของคนที่นางมิชอบก็ตาม แต่การเข้าไปยุ่งเรื่องในครอบครัวของฮ่องเต้เช่นนี้ ก็ทำให้องค์หญิงฉางเล่ออดกังวลเล็กน้อยมิได้ นางทราบนิสัยของเจียงเจ๋อดี เขามิชอบหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัวเป็นที่สุด
ในตอนนี้เอง จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้ารีบร้อนดังขึ้น ทั้งสามคนเงยหน้าหันไปมอง ซั่งกงที่อยู่ด้านนอกเอ่ยเสียงดัง “ฮองเฮาเสด็จ”
องค์หญิงฉางเล่อลุกขึ้นยืน จ่างซุนไทเฮากับเหยียนกุ้ยไท่เฟยรีบมองออกไปด้านนอกเช่นกัน ฮองเฮาเกาซื่อสีหน้าเศร้าหมองเล็กน้อย ด้านหลังมีเหล่าพระสนมในวังหลังติดตามมาด้วย หลังจากเข้ามาคารวะไทเฮาเสร็จ ฮองเฮาก็ตรัสอย่างหม่นหมอง “ต้วนไฉเหรินฝืนให้กำเนิดองค์ชายได้หนึ่งพระองค์ น่าเสียดายนางกลับทอดทิ้งลูกน้อยไว้แล้วจากไป แม้แต่หน้าโอรสก็ไม่ได้เห็นสักครั้ง”
ทุกคนต่างสะอื้น ในใจองค์หญิงฉางเล่อพลันบังเกิดโทสะ ก้าวเข้าไปคารวะฮองเฮา เกาซื่อรีบประคองฉางเล่อขึ้นมา แล้วฝืนคลี่รอยยิ้มยินดี “วันนี้น้องสาวกลับมา ข้ามิได้ไปต้อนรับ เสียมารยาทแล้วจริงๆ”
องค์หญิงฉางเล่อปลอบใจพี่สะใภ้หลายประโยค เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นสตรีดวงหน้าห้าวหาญน้ำตาพรั่งพรูอยู่กลางหมู่พระสนม แลดูโศกเศร้ายิ่งนัก จึงใช้สายตาถามฮองเฮา ฮองเฮาถอนหายใจ “เฉิงชงหรง เจ้าอย่าได้เศร้าใจเลย นี่เป็นคราวเคราะห์ที่ชะตาลิขิตมา ข้าทราบว่าเจ้ากับต้วนไฉเหรินมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พิธีศพของนาง ข้าจะไม่ทำให้นางเสียเกียรติ เสด็จแม่ ลูกคิดว่าต้วนไฉเหรินมีความชอบให้กำเนิดองค์ชาย เลื่อนขั้นให้นางเป็นเจาหรงเถิด”
เฉิงชงหรงกลับก้าวออกมาคุกเข่า ก้มลงคำนับแล้วเอ่ยว่า “ไทเฮา กุ้ยไท่เฟย ฮองเฮา หม่อมฉันเดิมมิมีสิทธิ์พูด แม้นความสัมพันธ์อันดีระหว่างหม่อมฉันกับต้วนไฉเหรินเป็นเพียงความสัมพันธ์ตื้นเขิน แต่ในใจหม่อมฉันรู้สึกอยุติธรรม ถึงคนร้ายที่สังหารคนผู้นั้นถูกส่งเข้าตำหนักเย็นแล้ว แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ ผ่านไปไม่กี่ปีหากได้รับการเว้นโทษก็ยังออกจากวังหวนคืนบ้านได้ น่าสงสารต้วนไฉเหรินผู้วายชีวา ขอเสด็จแม่กับฮองเฮาโปรดให้ความเป็นธรรมกับนางด้วย”
ทั้งสามพระองค์ล้วนมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ฮองเฮาเหลือบปลายหางตามององค์หญิงฉางเล่อปราดหนึ่งแล้วตอบว่า “ซือหม่าซื่อได้รับโทษแล้ว เรื่องนี้ข้ายากจะสั่งลงโทษเพิ่ม”
เฉิงชงหรงสีหน้าคับแค้น น้ำตาคลอลุกขึ้นยืน ฮองเฮาคำนับไทเฮาแล้วเอ่ยว่า “เสด็จแม่ องค์ชายรองเกิดมาก็สูญเสียมารดา เดิมสมควรให้ข้าเลี้ยงดู แต่ระยะนี้ข้ามีงานมากมายนัก มิสู้มอบองค์ชายรองให้เฉิงชงหรงเลี้ยงดูเถิด”
ไทเฮาพยักหน้า ตอบว่า “เฉิงซื่อ เจ้าเป็นทายาทของขุนนางผู้ภักดี ทั้งยังเป็นผู้มีพระคุณขององค์ชายรอง หวังว่าเจ้าจะเลี้ยงดูเขาให้ดี”
แม้เฉิงชงหรงจะเศร้าเสียใจ แต่จู่ๆ ได้รับความโปรดปรานเช่นนี้ย่อมตกตะลึง ตอบออกมาว่า “เกรงว่าหม่อมฉันจะทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดี”
ฮองเฮาเอ่ยกล่อมด้วยถ้อยคำอ่อนโยน สุดท้ายเฉิงชงหรงจึงยอมรับน้ำพระทัยครั้งนี้อย่างสงบ
ฮองเฮาเห็นเรื่องสงบลงได้ชั่วคราวจึงสรวลตรัสว่า “เวลาผ่านไปพอประมาณแล้ว ข้าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับฉางเล่อที่ตำหนักคุนหนิง ตกค่ำองค์ชายบางส่วนจะมาร่วมด้วย เสด็จแม่กับไท่เฟยมิสู้ไปเสียตอนนี้เลยเถิด ไปดูสักหน่อยว่าอาหารเลิศรสที่หม่อมฉันตระเตรียมไว้ถูกใจหรือไม่”
จ่างซุนไทเฮากับเหยียนกุ้ยไท่เฟยล้วนยิ้มแย้ม ออกจากประตูไปพร้อมกับเหล่านางสนมและนางกำนัล ฮองเฮาจงใจรั้งอยู่ท้ายสุด คล้องแขนองค์หญิงฉางเล่อแล้วกล่าวว่า “น้องสาว จวนของเจ้าข้าทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เจ้าเข้าอาศัยพักได้ทันที แต่วันนี้คงออกจากวังมิได้แล้ว”
องค์หญิงฉางเล่อรู้สึกอบอุ่นหัวใจ พลิกมือมากุมมือฮองเฮาแล้วเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ใส่ใจแล้ว” หลังจากนั้นนางจึงขยับเข้าไปกระซิบริมหู “เสด็จพี่ตรัสเช่นไร”
แม้นางถามอย่างคลุมเครือ แต่ฮองเฮากลับตอบทันควัน “ฝ่าบาทตรัสว่า สมควรส่งคำเตือนเล็กๆ ให้แก่ชิ่งอ๋องสักหน่อย แต่ยามนี้ยังมิสมควรโยกย้ายหน้าที่ป้องกันตงชวน ดังนั้นฝ่าบาทกับข้าจึงมิสะดวกไม่ไว้หน้าชิ่งอ๋อง”
องค์หญิงฉางเล่อเข้าใจจึงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วมิเอ่ยอันใดอีก
ตำหนักคุนหนิงคืนนั้นจุดโคมไฟสว่างไสว ไท่ซั่งหวงหลี่หยวนในที่สุดก็ทนความคิดถึงพระธิดามิไหวต้องกลับมา เมื่อเห็นองค์หญิงฉางเล่อพลันสรวลพระพักตร์ชื่นบาน เห็นพระธิดาสีหน้าเอิบอิ่มก็ไม่มีสิ่งใดทำให้เขาดีพระทัยมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เซิ่นเอ๋อร์ยังอายุน้อยย่อมมิอาจเข้าร่วมงานเลี้ยงได้ แต่โหรวหลันถูกหลี่หยวนจูงมานั่งข้างกาย ส่วนหลี่จื้อผู้ตามมาหลังจากนั้นก็ให้หลี่จวิ้นกับหลี่หลินนั่งอยู่สองฝั่งข้างกายเขา หลี่คังเห็นแล้วสีหน้าดำทะมึน
หลังจากงานเลี้ยงรื่นเริงเลิกรา คืนนั้นยามสามองค์หญิงฉางเล่อกลับมิอาจหลับใหล นางพาโจวซั่งอี๋ เสี่ยวลิ่วจื่อกับนางกำนัลและขันทีร่างกำยำอีกหลายคนบุกเข้ามาในตำหนักเย็น นางมองซือหม่าซื่อผู้เดิมทีงดงามเอาแต่ใจ แต่ยามนี้ดวงหน้าซูบเซียวคนนั้นอย่างเย็นชาครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงออกคำสั่งโบยนางจนตาย ราตรีนั้นเสียงโหยหวนน่าเวทนาของซือหม่าซื่อดังก้องทั่วทั้งตำหนักเย็น
วันต่อมา องค์หญิงฉางเล่อเดินทางไปขออภัยต่อหน้าพระพัตร์ไทเฮากับฮองเฮา ไทเฮาเพิ่งจะแสร้งสั่งสอนองค์หญิงฉางเล่อได้ไม่กี่ประโยค หลี่หยวนผู้ได้ข่าวก็เร่งรีบเดินทางมาเอ่ยปากขอให้ละเว้น เรื่องนี้จึงจบลงเช่นนี้ แม้แต่ชิ่งอ๋องหลี่คังก็มิกล้าคัดค้านเสด็จพ่อของตน
สามวันหลังจากนั้น ข่าวด่วนจากเจ๋อโจวก็ส่งมาถึง แทบจะในเวลาเดียวกัน ข่าวการศึกฝั่งหนานฉู่ก็ส่งมาถึงด้วย ลู่ช่านยกพลออกจากลั่วเฉิงเข้ายึดสู่จง กองทัพบุกประชิดด่านจยาเหมิง ระหว่างทางสยบศัตรูราบคาบ ด่านจยาเหมิงจึงส่งสารด่วนมาขอความช่วยเหลือ ระหว่างทั้งสองแคว้นไม่มีหนทางไกล่เกลี่ยกันได้อีกต่อไป