ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 46 ชีวิตแลกชีวิต (1)
เดิมทีต้วนหลิงเซียวสิ้นหวังแล้ว แต่เมื่อเห็นพวกเสี่ยวซุ่นจื่อห้าคนหยุดลงมือแล้วถอยหลังไปล้อมตนเองไว้อย่างแน่นหนากว่าเดิมแต่กลับมิลงมือต่อ ก็อดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้ จึงเห็นราชองครักษ์หู่จีเหล่านั้นถอยออกไปสองฝั่ง เผยให้เห็นคนสองคน คนหนึ่งเป็นผู้เฒ่าผมขาว อีกคนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลาที่ยังมีเค้าความเป็นเด็กเหลืออยู่
ผู้เฒ่าคนนั้นสีหน้าเซื่องซึม แขนถูกผ้ามัดเอาไว้ลวกๆ เลือดซึมออกมาจากรอยต่อของผืนผ้า ทำให้แลดูสภาพน่าอเนจอนาถยิ่งนัก ส่วนเด็กหนุ่มผู้นั้นแขนซ้ายจับตัวผู้เฒ่าคนนั้นไว้ ส่วนมือขวาถือมีดสั้นจ่ออยู่ที่ลำคอของผู้เฒ่า พวกเขายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเจียงเจ๋อ ห่างกันค่อนข้างไกล
เวลานี้เองพลันมีเสียงตวาดด่าดังออกมาจากหมู่ราชองครักษ์หู่จี “หลิงตวน เจ้าคนอกตัญญูเนรคุณ กล้าใช้ตัวประกันมาข่มขู่พวกเรา”
เจียงเจ๋อหันไปมองราชองครักษ์หู่จีผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชา สายตาเย็นเฉียบทำให้เขาถอยกลับไปอย่างคับแค้นใจ
ที่แท้เด็กหนุ่มผู้นั้นก็คือหลิงตวน หลังจากเขาติดตามชิวอวี้เฟยกลับไปถึงเป่ยฮั่นก็ไม่มีความคิดจะกลับเข้ากองทัพ ถึงอย่างไรสำหรับเขาแล้ว แม่ทัพของเขาก็มีเพียงถานจี้คนเดียวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ชิวอวี้เฟยยังตั้งใจจะแนะนำเขาเข้าร่วมพรรคมาร แม้ชิวอวี้เฟยยังมิทันกลับถึงจิ้นหยางก็ต้องเดินทางไปตงไห่ แต่ก็ยังมอบจดหมายฉบับหนึ่งให้เขาไปพบต้วนหลิงเซียว ต้วนหลิงเซียวก็ค่อนข้างชื่นชอบหลิงตวน ถึงจะยังมิทันรับเขาเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ แต่นั่นก็เป็นเรื่องช้าเร็วเท่านั้น
แม้หลิงตวนจะติดตามอยู่ข้างกายต้วนหลิงเซียวไม่นาน แต่วรยุทธ์ของเขาได้รับการวางรากฐานมาจากถานจี้แล้ว เมื่อได้ชิวอวี้เฟยและต้วนหลิงเซียวชี้แนะตามต่อกัน วรยุทธ์จึงก้าวหน้ามิน้อย แม้ยังสู้ศิษย์พรรคมารหลายคนที่ต้วนหลิงเซียวพามาในครั้งนี้มิได้ แต่วรยุทธ์ของเขาก็พอเข้าทำเนียบยอดฝีมือชั้นรองได้แล้ว อีกทั้งเขายังอยู่ในกองทัพมาหลายปี คุ้นเคยภูมิประเทศของชิ่นโจวและเจ๋อโจวดีอย่างยิ่ง ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงติดตามต้วนหลิงเซียวมาทำภารกิจสังหารกวาดล้างหลังจบศึกด้วย
ตอนตามรอยซูชิง ต้วนหลิงเซียวเคลื่อนไหวตามลำพัง ส่วนลูกศิษย์พรรคมารคนอื่นที่ร่วมภารกิจกับต้วนหลิงเซียวอาศัยเดินทางตามสัญลักษณ์ที่ต้วนหลิงเซียวทิ้งไว้ให้ มีเพียงหลิงตวนผู้เดียวถูกทุกคนทิ้งไว้เฝ้าม้าห่างออกไปสิบลี้เพราะวรยุทธ์ไม่สูง ด้วยเหตุนี้เขาจึงหนีพ้นการดักสังหารของราชองครักษ์หู่จีมาได้
ทว่าหลิงตวนกลับมิยินดีรอคอยอยู่ด้านหลัง สำหรับเขาแล้ว เจียงเจ๋อคือปมในใจที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตของเขา แม่ทัพที่เขาเคารพนับถือที่สุด สหายผู้ร่วมทุกข์มาด้วยกันกับเขา แม้มิใช่โดยตรง แต่คนเหล่านี้ล้วนตายด้วยน้ำมือของคนผู้นี้ ดังนั้นเขาจึงขัดคำสั่งลักลอบเข้ามาในหมู่บ้าน แต่เขามาช้า เวลานี้ราชองครักษ์หู่จีถอนตัวจากการดักซุ่มไปล้อมต้วนหลิงเซียวที่ริมทะเลสาบแล้ว ดังนั้นลูกศิษย์พรรคมารที่เหลือต่างสูญเสียศีรษะ ขณะที่หลิงตวนมาสายจึงรักษาชีวิตไว้ได้
หลิงตวนรู้ตัวดีว่าไม่มีความสามารถพอจะช่วยเหลือต้วนหลิงเซียว ในใจจึงได้แต่วาดหวังว่าต้วนหลิงเซียวจะหนีรอดออกมาได้ด้วยตนเอง สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ต้วนหลิงเซียวฝ่าวงล้อมล้มเหลว ในใจหลิงตวนตระหนักว่าภารกิจครั้งนี้คงตกตายทั้งกลุ่มแล้วแน่แท้ โอกาสพลิกสถานการณ์เพียงหนึ่งเดียวขึ้นอยู่กับตนเอง
เพราะกองทัพต้ายงเหมือนจะไม่สังเกตการมีอยู่ของตน แม้ต้วนหลิงเซียวยังมิได้รับหลิงตวนเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ แต่ในใจหลิงตวนมองต้วนหลิงเซียวเป็นอาจารย์แล้ว เพื่อช่วยชีวิตอาจารย์ ต่อให้ต้องสละชีวิตก็มิสมควรเสียดาย ดังนั้นหลิงตวนจึงตัดสินใจอย่างมิคำนึงถึงชีวิตตน
เขาลักลอบเข้ามาในหมู่บ้านแล้วพบจี้เสวียนกับจ้าวเหลียง พวกเขาสองคนถูกราชองครักษ์หู่จีสองนายคุ้มกันอยู่ หรืออาจเรียกได้ว่คุมตัวอยู่กลายๆ ห้ามมิให้พวกเขาออกจากที่พำนัก จ้าวเหลียงมิเป็นอันใด แต่จี้เสวียนพร่ำบ่นเจียงเจ๋ออยู่ที่นั่นไม่หยุดปาก ราชองครักษ์หู่จีสองนายนั้นฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มจืดเจื่อน
หลิงตวนติดตามเจียงเจ๋อมาช่วงเวลาหนึ่งจึงทราบว่าแม้เจียงเจ๋อจะเป็นคนง่ายๆ แต่เข้มงวดกับผู้ใต้บัญชายิ่งนัก เขาเคยสัมผัสกับวิธีการคุมคนของเจียงเจ๋อมาด้วยตนเอง แม้จี้เสวียนจะพร่ำบ่นไม่หยุดหย่อน แต่สัญชาตญาณของหลิงตวนกลับสัมผัสได้ถึงความสนิทสนมในน้ำเสียงของผู้เฒ่าคนนี้
น้ำเสียงยามผู้เฒ่าพูดถึงเจียงเจ๋อเหมือนน้ำเสียงของสหายหรือญาติผู้ใหญ่ ดูจากสีหน้าของราชองครักษ์หู่จีสองนายนั้นก็มิได้โกรธเกรี้ยวเพราะเรื่องนี้ นั่นบ่งบอกว่าเจียงเจ๋อเคารพและยอมให้ผู้เฒ่าคนนี้อย่างยิ่ง มิว่าอย่างใดก็ล้วนบ่งบอกว่าผู้เฒ่าคนนี้สำคัญ
เมื่อคิดเรื่องนี้ได้ หลิงตวนจึงตัดสินใจจับจี้เสวียนเป็นตัวประกันเพื่อต่อรองกับเจียงเจ๋อ แน่นอนว่าเจียงเจ๋ออาจมิสนใจไยดีชีวิตของผู้เฒ่าคนนี้อย่างสิ้นเชิงก็เป็นได้ แต่หลิงตวนมิอาจเบิ่งตามองต้วนหลิงเซียวตายอยู่ที่นี่เฉยๆ เป็นอันขาด เขารู้จักความหยิ่งทะนงของต้วนหลิงเซียวดี หากพ่ายแพ้ถูกจับเป็นเชลย ต้วนหลิงเซียวมิมีทางอัปยศมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อแน่นอน
แต่ยังมิต้องพูดถึงว่าชายหนุ่มผู้กำลังวุ่นวายกับการจัดสัมภาระผู้นั้นวรยุทธ์ไม่อ่อนด้อย เพียงราชองครักษ์หู่จีสองนายนั้นก็มิใช่คนที่ตนเองจะจัดการได้ง่ายๆ แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังห้ามทำให้กองทัพต้ายงที่ริมทะเลสาบรู้ตัวอีก ทว่าโชคดีหลิงตวนสวมปลอกแขนเกาทัณฑ์ชิ้นหนึ่งติดมาด้วย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เซียวถงมอบให้เขา มันคืออาวุธชั้นยอดสำหรับจับเป็นศัตรูที่ทหารสอดแนมเป่ยฮั่นใช้กัน หัวลูกศรอาบยาชาอย่างรุนแรงเอาไว้เพื่อใช้จับศัตรูแบบยังมีชีวิตมาเค้นเอาข้อมูล
หลิงตวนอาศัยวิชาลับที่ชิวอวี้เฟยกับต้วนหลิงเซียวสั่งสอนจัดการล้มทั้งสี่คนได้อย่างราบรื่น แต่เขามิได้เอาชีวิตของคนเหล่านี้ มิใช่เพราะเขาใจอ่อน แต่เขากังวลว่าหากสังหารคนเหล่านี้จะจุดโทสะให้เจียงเจ๋อ หากเป็นเช่นนั้นน่ากลัวว่าจะกลายเป็นการอวดฉลาดแต่กลับโง่
ตอนแรกในใจข้าดั่งมีคลื่นซัดถาโถม เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ทั้งที่มีราชองครักษ์หู่จีสองนายกับจ้าวเหลียงคุ้มกันจี้เสวียนอยู่ แม้หลิงตวนวรยุทธ์โดดเด่น แต่อย่างไรก็ยังอายุน้อย ไม่มีทางเป็นคู่ต่อกรของราชองครักษ์หู่จี ต่อให้ลอบโจมตีก็ไม่น่าจะทำสำเร็จได้อย่างเงียบเชียบสิ ซูชิงที่อยู่ข้างกายข้ากระซิบเสียงเบา “ใต้เท้า คนผู้นั้นคงใช้อาวุธลับอาบยา ทหารสอดแนมสองฝ่ายล้วนมีอาวุธลับเช่นนี้ นั่นเป็นสิ่งที่ใช้ยามจะจับเป็นศัตรู”
ข้ากระจ่างใจในฉับพลัน มิน่าเล่า สีหน้าของจี้เสวียนจึงดูไร้เรี่ยวแรง มิใช่ว่าข้ามิทราบวิธีการเช่นนี้ อาวุธลับอาบยาพิษในมือลูกศิษย์ของค่ายลับ ข้าเป็นผู้ทำขึ้นมาเองเสียด้วยซ้ำ แต่ตลอดมาข้าคิดว่าหลิงตวนเป็นคนเปิดเผย ชั่วขณะหนึ่งจึงคิดไม่ถึงว่าเขาจะใช้วิธีการเช่นนี้ ยามนี้เมื่อคิดดูแล้วก็อดลอบหัวเราะมิได้ ไม่ว่าอย่างไรหลิงตวนก็เป็นองครักษ์ของถานจี้ แล้วตอนนี้ดูท่าจะมีความสัมพันธ์กับพรรคมารมิน้อย มีความเป็นมาเช่นนี้ เขาจะคิดเล็กคิดน้อยกับวิธีการที่ใช้ได้อย่างไรเล่า
ข้ามองจี้เสวียนแวบหนึ่ง เห็นเขาสีหน้าเซื่องซึม ในใจก็โกรธเล็กน้อยอย่างห้ามไม่ได้ กล่าวว่า “หลิงตวน เรื่องในอดีตผู้แซ่เจียงคร้านจะยกขึ้นมากล่าว เจ้าเห็นบุญคุณที่ข้ามีต่อเจ้าประหนึ่งมูลดิน ข้าก็มิกล่าวโทษเจ้า แต่วันนี้เจ้าคิดจะใช้ตัวประกันมาข่มขู่ข้า เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนใจอ่อนหรือไร”
หัวใจของหลิงตวนหวาดหวั่นยามมองสีหน้าเย็นชาของเจียงเจ๋อ แม้เขาเป็นบัณฑิตอ่อนแอ แต่ท่วงท่ากลับงามสง่า เวลานี้ยืนเอามือไพล่หลัง ร่างกายบอบบางกลับหยิ่งทะนงราวกับต้นไผ่กลางหิมะ สีหน้ายิ่งแฝงไอสังหารอยู่เลือนราง เมื่อหวนนึกถึงเรื่องในอดีต ความคิดก็ราวกับถูกคลื่นโหมกระหน่ำซัด
เขาเอ่ยอย่างขมขื่น “ความเด็ดขาดของใต้เท้า หลิงตวนย่อมมิกล้าลืม วันวานหลิงตวนเป็นนักโทษรอความตาย โชคดีใต้เท้าเวทนาจึงมีชีวิตรอดมาได้ แม้ต่อมาใต้เท้าสังหารหลี่หู่ ทำให้หลิงตวนคิดแค้นในใจอยู่เนิ่นนานนัก แต่วันนี้เมื่อตรองดูแล้ว ชีวิตของพวกเราแรกเริ่มก็เป็นใต้เท้าที่เก็บมา ต่อให้ใต้เท้าจะริบกลับคืน พวกเราย่อมมิมีคำใดจะกล่าว ยามนั้นหากใต้เท้าจะทำให้มั่นใจก็สมควรสังหารข้าปิดปากไปด้วย แต่ใต้เท้ากลับปล่อยข้าไว้ ในวันนั้นที่ร้านอาหารกลางหิมะ หลิงตวนถูกเสียงพิณกระตุ้นจิตคิดร้าย ลอบสังหารใต้เท้า ใต้เท้าก็ยังเมตตาละเว้นชีวิตหลิงตวน บุญคุณที่ละเว้นชีวิตสามหน หลิงตวนมิกล้าลืมเลือน
ถึงกระนั้นหลิงตวนก็มิอาจลืมเลือนความตายของแม่ทัพถานกับหลี่หู่เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ยามนี้คุณชายใหญ่ต้วนเป็นอาจารย์ที่หลิงตวนจะคารวะเป็นศิษย์ ชีวิตของท่านอาจารย์ตกอยู่ในอันตราย ข้าเป็นศิษย์ไฉนจะนิ่งดูดายได้ หลิงตวนคาดเดาว่าใต้เท้าใส่ใจท่านผู้เฒ่าคนนี้ยิ่งนัก ดังนั้นจึงบังอาจจับเป็นตัวประกัน ขอเพียงใต้เท้ายอมปล่อยคุณชายใหญ่ หลิงตวนยินดีใช้ความตายชดใช้ความผิด”