CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 64 การศึกเสมือนเกมหมาก (1)

  1. Home
  2. ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ
  3. ตอนที่ 64 การศึกเสมือนเกมหมาก (1)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

สองทัพประจันหน้า แพ้ชนะมิทันตัดสิน จิงฉือแม่ทัพแห่งกองทัพต้ายงเคลื่อนพลเร็วพันลี้ ตีท้ายกองทัพเป่ยฮั่น หลงถิงเฟยนำองครักษ์คนสนิทเข้ารับมือ จิงฉือมิอาจคว้าชัย

ขณะที่สงครามกำลังดุเดือด องค์หญิงจยาผิงนำกองทัพไต้โจวตีทัพหลังของฉีอ๋อง กองทัพไต้โจวห้าวหาญชำนาญศึก ฉีอ๋องสู้มิไหวจึงพยายามฝ่าวงล้อม ท่านอ๋องคุมท้ายด้วยพระองค์เอง จนกองทัพทั้งหมดถอยหนีสำเร็จ

ศึกนี้ กองทัพของฉีอ๋องสูญไพร่พลหมื่นห้าพัน ทัพของจิงฉือสูญไพร่พลเก้าพัน ทัพของหลงถิงเฟยสูญไพร่พลหนึ่งหมื่น กองทัพไต้โจวแทบมิสูญเสียกำลังพล ซากศพเกลื่อนท้องทุ่ง แม่น้ำชิ่นสุ่ยทั้งสายถูกโลหิตอาบย้อม

…ประชุมพงศาวดาร บันทึกต้ายงเล่มที่สาม

ห่างออกไปสามสิบลี้ ท่ามกลางหมู่เขาระหว่างชิ่นหยวนกับอานเจ๋อ บนสันเขาที่ถากถางทางแล้วแห่งหนึ่ง ทหารต้ายงพันกว่านายเฝ้าอยู่บนค่ายที่สร้างพิงเขาอย่างเข้มงวดกวดขัน บนจุดสูงสุดของค่าย บัณฑิตอาภรณ์เขียวผู้หนึ่งกับแม่ทัพท่าทางสุขุมสวมอาภรณ์เขียวอีกผู้หนึ่งกำลังเดินหมากกันอยู่ หมากล้อมสีดำเม็ดหนึ่งวางลงบนขอบของหมากขาวเบาๆ ก็ล้อมมังกรตัวใหญ่สีขาวไว้ด้านใน

เซวียนซงอมยิ้มมองใต้เท้าผู้ตรวจการกองทัพทำหน้านิ่วคิ้วขมวด หากกล่าวถึงการเดินหมาก ใต้เท้าผู้ตรวจการกองทัพผู้นี้สู้ตนเองมิได้อยู่มากนัก มีแต่ยามเดินหมากที่ใต้เท้าเจียงผู้นี้จะเผยความเป็นเด็กน้อยออกมาสินะ

ทว่าจิตใจของเซวียนซงมิได้อยู่ที่บนกระดานหมาก ครั้งนี้ฉีอ๋องยกพลมุ่งไปชิ่นหยวน แต่ใต้เท้าผู้ตรวจการกองทัพกลับกล่อมให้องค์ชายทิ้งพลทหารเดินเท้าทั้งหมดเอาไว้ซ่อมแซมหนทาง ทำงานก่อสร้าง จากจี้ซื่อถึงอานเจ๋อและหมู่เขาในชิ่นหยวน วางแนวป้องกันไว้มากมายหลายชั้น พอถามเขาว่าเหตุใดต้องสิ้นเปลืองกำลังทหารวางแนวป้องกัน เขากลับบอกเพียงว่า ‘ก่อนคิดถึงชัยชนะ ต้องคิดถึงความพ่ายแพ้’

ทุกคนต่างรู้สึกว่าใต้เท้าผู้ตรวจการกองทัพรอบคอบเกินไป แต่เมื่อหวนนึกถึงความพ่ายแพ้เมื่อหลายวันก่อน อีกประการหนึ่งฉีอ๋องก็เห็นด้วยแล้วจึงมิมีผู้ใดคัดค้าน ในใจเซวียนซงฉงนยิ่งนัก ความจริงการประจันหน้ากับหลงถิงเฟยย่อมต้องการแม่ทัพฝีมือดีเป็นที่สุด แต่เจียงเจ๋อกลับรั้งตนเองไว้ที่แห่งนี้ แล้วหลายวันก่อนยังสั่งให้ตนจัดแนวป้องกัน สองสามวันมานี้พอตั้งแนวป้องกันเสร็จประมาณหนึ่งก็ลากตนมาเดินหมากเหมือนว่างมิมีสิ่งใดให้ทำ

เซวียนซงมิอาจสบายอกสบายใจเช่นเจียงเจ๋อ ทว่าเขาเป็นคนสุขุม เขาทราบว่าต่อให้ตนเองร้อนใจเพียงใด ก็ไม่มีทางเร่งเร้าให้ใต้เท้าผู้ตรวจการกองทัพผู้นี้อธิบายเบื้องลึกเบื้องหลังให้ฟังได้ ด้วยเหตุนี้ตนจึงมาฟาดฟันเขาให้ไม่เหลือชิ้นดีบนกระดานหมากแทน

ข้ามองกระดานหมากที่พ่ายแพ้ยับเยินแล้วขบคิดว่าจะให้เสี่ยวซุ่นจื่อแอบใช้ลมปราณส่งเสียงบอก หลังจากนั้นเอาชนะอย่างเฉิดฉายสักสองสามตาดีหรือไม่ แต่เมื่อคิดมาคิดไป วิถีการเดินหมากต่างกัน ย่อมถูกคนมองออกได้ง่ายดายยิ่ง ในที่สุดจึงล้มเลิกความคิดไป

เวลานี้เอง ทหารม้านายหนึ่งก็ห้อม้าฝุ่นตลบมา บนหลังม้าคือทหารม้าเยาว์วัยนายหนึ่ง เขาก็คือชื่อจี้ที่หลายวันก่อนเพิ่งเร่งรีบเดินทางมาถึงนั่นเอง ข้าให้เขาเฝ้าจับตาสถานการณ์ของแนวหน้าไว้ ตอนนี้เขาควบม้าเร่งรีบกลับมา ย่อมหมายความว่าสิ่งที่คาดการณ์ไว้คงเกิดขึ้นแล้ว ข้ายิ้มน้อยๆ แล้วโยนเม็ดหมากทิ้ง

ชื่อจี้ลงจากม้าเดินมาตรงหน้าแล้วค้อมกายเอ่ยว่า “คุณชาย ทัพหน้าส่งข่าวมาแจ้งว่าแม่ทัพจิงฉือกับฉีอ๋องรวมพลกันแล้ว หากบากบั่นรบต่อ บางทีกองทัพเราอาจชนะแต่คงเสียหายหนัก ทว่าพวกเราค้นพบร่องรอยของกองทัพไต้โจวดังคาด”

ข้าโบกมือให้ชื่อจี้ถอยไปด้านข้าง แล้วมองเซวียนซงที่ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ พลางกล่าวว่า “แม่ทัพเซวียนทราบหรือไม่ว่าทหารม้ากองใดแข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า”

เซวียนซงยิ้มเจื่อนตอบว่า “เรื่องนี้พูดลำบาก ทหารม้าเหล็กต้ายงของพวกเรากับทหารม้าแกร่งของเป่ยฮั่นต่างกันไม่มาก หนานฉู่ แคว้นสู่มิจำเป็นต้องเอ่ยถึง คงมีแต่ทหารม้าของเผ่าคนเถื่อนนอกด่าน จึงกล่าวได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า”

ข้าบอกเสี่ยวซุ่นจื่อ “ยกกระดานหมากออก หยิบแผนที่มา”

เสี่ยวซุ่นจื่อก้าวเข้าไปเก็บกระดานหมากจนเรียบร้อย แล้วส่งให้ชื่อจี้ถือออกไป จากนั้นวางแผนที่แผ่นหนึ่งลงบนโต๊ะสี่เหลี่ยมแล้วกางออกอย่างแผ่วเบา

ข้าชี้สัญลักษณ์เด่นชัดอันหนึ่งบนนั้นแล้วกล่าวว่า “ทหารม้าที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าคือกองทัพไต้โจว มิว่าลอบจู่โจมเร็ว หรือบุกทะลวงกระบวนทัพ มีน้อยกองทัพในใต้หล้าที่จะเทียบพวกเขาได้ หลายปีที่ผ่านมา เหตุที่เผ่าคนเถื่อนปีกหักปีแล้วปีเล่าล้วนเป็นเพราะกองทัพไต้โจวแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม้ใดเรือนยอดสูงเหนือพนา สายลมย่อมโค่นมัน รู้หรือไม่เหตุใดกองทัพไต้โจวจึงยังปลอดภัยไร้อันตราย”

เซวียนซงขมวดคิ้วตอบว่า “เจ้าแคว้นเป่ยฮั่นกับตระกูลหลินแห่งไต้โจวเกี่ยวดองผ่านการแต่งงาน ในเมื่อตระกูลหลินไม่มีใจคิดกบฏ เจ้าแคว้นเป่ยฮั่นจะทำอันตรายได้เช่นไร”

ข้าส่ายศีรษะ “แม้นั่นอาจเป็นเหตุผลประการหนึ่ง แต่ยังมีเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นก็คือกองทัพไต้โจวมีจุดอ่อนข้อใหญ่ยิ่งอยู่ข้อหนึ่ง จุดอ่อนประการนี้ลิขิตให้ตระกูลหลินมิอาจใช้กองทัพไต้โจวเป็นรากฐานก่อการใหญ่ได้ ดังนั้นมิว่าจะเป็นช่วงปลายราชวงศ์ตงจิ้น หรือยามเป่ยฮั่นก่อตั้งแคว้น สุดท้ายพวกเขาจึงล้วนยอมให้ตระกูลหลินแยกตัวปกครองไต้โจวอย่างกลายๆ”

เซวียนซงหน้าเคร่งขรึมกล่าวว่า “ใต้เท้าโปรดอธิบาย”

ข้าคลี่ยิ้มตอบ “ความจริงแม่ทัพเซวียนก็มิใช่ว่าจะมิทราบ เพียงแต่อาจทราบไม่มากนักก็เท่านั้น แม้กองทัพไต้โจวกำลังทหารแข็งแกร่ง แต่กีดกันคนนอกยิ่งนัก กองทัพไต้โจวผูกพันกันด้วยสายเลือดและความภักดี ดังนั้นหากมิใช่คนไต้โจว มิมีทางครองตำแหน่งสูงในกองทัพไต้โจวเป็นอันขาด

ยิ่งไปกว่านั้นกองทัพไต้โจวสนใจแต่ปกป้องมาตุภูมิเท่านั้น ดังนั้นมิว่าเผ่าคนเถื่อนจะบุกปล้นหรือกองทัพเป่ยฮั่นจะบุก กองทัพไต้โจวก็ล้วนต่อต้านจนตัวตายเสมอ แต่หากคิดจะให้กองทัพไต้โจวบุกโจมตีนอกเขตแดน แม่ทัพและเหล่าทหารมากกว่าครึ่งล้วนปฏิเสธมิยอมทำ ด้วยเหตุนี้ขอเพียงมิรุกรานไต้โจว ไต้โจวก็เป็นมิตรสหายที่ดีที่สุด นี่จึงเป็นสาเหตุที่เจ้าแค้วนเป่ยฮั่นพยายามผูกมิตรกับตระกูลหลินแห่งไต้โจวสุดกำลัง ทั้งยังสัญญาว่าจะไม่เรียกกองทัพไต้โจวมาใช้งาน เพราะตั้งแต่แรก กองทัพไต้โจวก็มิยกทัพออกมาง่ายๆ

ดังนั้นแม้เป่ยฮั่นจะครอบครองไต้โจวอยู่ แต่ผู้คนในใต้หล้าจึงมินับว่ากองทัพไต้โจวเป็นกำลังทหารของเป่ยฮั่น เนื่องจากการที่กองทัพไต้โจวมิออกจากอาณาเขตเป็นสิ่งที่สลักอยู่ในใจของผู้คนไปเสียแล้ว”

เซวียนซงขมวดคิ้วเป็นปม เพราะเขามิเข้าใจสาเหตุที่เจียงเจ๋อเล่าเรื่องเหล่านี้

ข้าถอนหายใจ เอ่ยต่อว่า “พอกล่าวถึงตรงนี้ ข้าก็มิอาจไม่นับถือเจ้าแคว้นเป่ยฮั่น นับตั้งแต่ไต้โจวยอมสวามิภักดิ์ เขาไม่เพียงรักษาสัญญา ไม่เรียกใช้ทัพไต้โจวอย่างเด็ดขาด แต่ยังผูกมิตรกับไต้โจวสารพัด หลายครั้งที่ไต้โจวมีภัย เขาล้วนใช้เงินคงคลังของแคว้นไปช่วยเหลือ ทุกปีพระราชทานทองคำแพรพรรณแก่กองทัพไต้โจวมากมายยิ่งนัก

สิบกว่าปีก่อนจงหยวนมีขุมอำนาจหลายแห่งทำสงครามกันจนโกลาหล หลายครั้งก็รุกเข้ามาในเป่ยฮั่น จนถึงขนาดกองทัพบุกตะลุยมาถึงจิ้นหยาง แต่เจ้าแคว้นเป่ยฮั่นก็มิได้สั่งเคลื่อนกองทัพไต้โจว เพราะยามนั้นจงหยวนยังมิสงบ เพียงปกป้องจิ้นหยางไว้ เมื่อขุมอำนาจที่รุกเข้ามาไร้กำลังสนับสนุน ย่อมต้องถอยกลับไป ด้วยเหตุนี้เมื่อเป่ยฮั่นตกอยู่ในวิกฤติเสี่ยงล่มสลาย สิ่งที่สั่งสมมาจึงบังเกิดผล ความสัมพันธ์ระหว่างไต้โจวกับราชสำนักเป่ยฮั่นมาถึงจุดที่แน่นแฟ้นที่สุดแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงโน้มน้าวให้กองทัพไต้โจวยกพลมาช่วยกองทัพเป่ยฮั่นล้อมสังหารกองทัพเราได้”

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เซวียนซงก็หน้าเขียวคล้ำ เขาเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “แม้กองทัพไต้โจวจะแข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นกำลังของเมืองเดียวเท่านั้น มีกำลังทหารจำกัดอย่างยิ่ง มิแน่ว่าจะทำให้เกิดผลประการใดได้”

ข้าชี้ด่านเยี่ยนเหมินบนแผนที่ แล้วกล่าวว่า “กองทัพไต้โจวมิมีทางยกพลออกมาทั้งหมด เพราะช่วงเวลาที่พวกคนเถื่อนจะบุกลงใต้ใกล้มาถึงแล้ว ครั้งนี้พวกคนเถื่อนจะเสียหายหนักเพราะภัยหนาว การบุกปล้นย่อมรุนแรงยิ่งกว่าเดิม แม้กำลังสนับสนุนไม่พอ แต่การโจมตีครั้งแรกจะต้องรุนแรงอย่างยิ่งเป็นแน่

ดังนั้นกองทัพไต้โจวสองหมื่นห้าพันนายอย่างมากก็แบ่งลงใต้มาได้เพียงหนึ่งหมื่นห้าพันนายเท่านั้น ผู้ที่รับหน้าที่แม่ทัพใหญ่ได้มีเพียงองค์หญิงจยาผิง นางเป็นทั้งองค์หญิงแห่งเป่ยฮั่นและเป็นผู้ที่ในใจทหารไต้โจวมองเป็นแม่ทัพใหญ่

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคู่หมั้นของหลงถิงเฟยแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเป่ยฮั่นอีก มีเพียงนางเท่านั้นที่จะร่วมมือกับหลงถิงเฟยสังหารกองทัพเราได้ ข้าคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่ากองทัพไต้โจวจักต้องยกทัพออกศึกแน่ หากมิออกศึก ถ้าเช่นนั้นการกระทำต่างๆ นานาของหลงถิงเฟยล้วนมิอาจอธิบายได้”

เซวียนซงลุกพรวด กล่าวว่า “ใต้เท้าผู้ตรวจการกองทัพ ในเมื่อทราบอยู่ก่อนแล้วว่ากองทัพไต้โจวจะยกพลมา เหตุใดมิแจ้งองค์ชาย องค์ชายมีทหารม้าเพียงสี่หมื่น รวมกับแม่ทัพจิงอย่างมากก็มีกำลังพลเจ็ดหมื่นเท่านั้น กองทัพเป่ยฮั่นแต่เดิมก็มีไพร่พลหนึ่งแสน เมื่อรวมกองทัพไต้โจวที่กร้าวแกร่งดุจพยัคฆ์ดั่งหมาป่า องค์ชายไยมิใช่พ่ายแพ้แน่แล้ว ใต้เท้านั่งนิ่งมองดูเรื่องนี้เกิดขึ้น เพราะสาเหตุใด”

ข้ามองเซวียนซงอย่างนิ่งสงบแล้วกล่าวต่อว่า “แม่ทัพเซวียนทราบหรือไม่ว่าสิ่งที่กองทัพศัตรูกับกองทัพเรามุ่งหวังคือสิ่งใด”

เซวียนซงข่มกลั้นความโกรธในใจแล้วตอบว่า “ย่อมเป็นชัยชนะเหนือกองทัพศัตรู กองทัพเรากับกองทัพเป่ยฮั่นสาบานมิอยู่ร่วมฟ้า หากกองทัพเป่ยฮั่นพ่ายแพ้ย่อมหมายถึงแคว้นล่มสลาย หากกองทัพเราพ่ายแพ้ หลายปีนับจากนี้ย่อมไร้กำลังหมายตาทางเหนืออีก”

ข้าส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “สิ่งที่แม่ทัพเซวียนกล่าวมิใช่ทั้งหมด กองทัพเป่ยฮั่นต้องการชัยชนะ แต่พวกเขามิต้องการชัยชนะที่สูญเสียสาหัส ต้ายงมีกำลังแข็งแกร่ง ส่วนแคว้นเป่ยฮั่นมีกำลังไม่พอ หากพวกเราพ่ายแพ้ มิต้องใช้เวลาสักกี่ปีก็ผงาดขึ้นมาใหม่อีกหนได้ แต่หากกองทัพเป๋ยฮั่นชนะทั้งที่เสียหายสาหัส ภายในเวลายี่สิบปีเกรงว่าคงไร้กำลังบุกลงใต้

ยามนี้การแย่งชิงอำนาจในใต้หล้าดำเนินมาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว หากกำลังของแคว้นเป่ยฮั่นลดฮวบอย่างฉับพลัน แม้ต้ายงของพวกเราสิ้น ก็มีผู้อื่นมาบุกต่อ ดังนั้นสิ่งที่เจ้าแคว้นเป่ยฮั่นกับหลงถิงเฟยต้องการก็คือชัยชนะอย่างขาดลอย สูญเสียน้อยได้เท่าใดก็น้อยเท่านั้น

ดังนั้นหลังจากกองทัพเราพ่ายแพ้ที่อานเจ๋อแล้วยกทัพขึ้นเหนือต่อก็เท่ากับก้าวลงมาบนสนามรบที่หลงถิงเฟยจัดเตรียมไว้ เขาต้องการกำจัดกำลังหลักของกองทัพเราให้สิ้นที่ชิ่นหยวน ทางที่ดีที่สุดคือจับฉีอ๋องเป็นเชลยหรือฆ่าทิ้งเสีย เช่นนี้จึงจะทำร้ายต้ายงลึกถึงกระดูกได้

เมื่อกำลังของแคว้นเป่ยฮั่นมิเสียหาย พวกเขาก็จะได้เฝ้ามองต้ายงของพวกเราตกอยู่ในศึกยืดเยื้อกับหนานฉู่ ส่วนพวกเขาพักฟื้นต่อลมหายใจ รอวันที่แคว้นค้ายงเหนื่อยล้า ประชาชนไร้เรี่ยวแรง กองทัพเป่ยฮั่นก็จะบุกลงใต้รุกเข้าตะวันตก โจมตีชิงแผ่นดินของต้ายง”

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 64 การศึกเสมือนเกมหมาก (1)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์