CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 69 ดาบตะขอแดนอู๋วาววับดุจหิมะ (1)

  1. Home
  2. ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ
  3. ตอนที่ 69 ดาบตะขอแดนอู๋วาววับดุจหิมะ (1)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

รัชศกหลงเซิ่งปีที่แปด เดือนสอง วันที่ยี่สิบหก เป็นวันที่อากาศดี สายลมอ่อนโยน แสงตะวันเจิดจ้า เผยอวิ๋นยืนอยู่ริมหน้าต่างบนหอเจิ้นไหว ก้มลงมองทิวทัศน์ของเมืองเบื้องล่าง ใบหน้านิ่งสงบของเผยอวิ๋นคล้ายจะซ่อนความกลัดกลุ้มเอาไว้

สถานการณ์ของสงครามฝั่งไหวตงกำลังเพลี่ยงพล้ำ แม้ครอบครองฉู่โจว ซื่อโจวอยู่ก็มิอาจทำให้ความรู้สึกของเขาดีขึ้นแม้แต่น้อย แต่หนนี้เขากลับได้รับพระบัญชาให้คอยตรึงกองทัพหนานฉู่ฝั่งไหวตงเพียงอย่างเดียว ห้ามฉวยโอกาสยามลู่ช่านติดพันอยู่กับฝั่งอู๋เย่ว์เป็นฝ่ายบุกออกไปโจมตี เรื่องนี้ยิ่งทำให้เขาโมโหกว่าเดิม

พอคิดว่าฝั่งเซียงหยางเต็มไปด้วยไฟสงคราม ค่ายใหญ่หนานหยางของจ่างซุนจี้เพิ่มกำลังพลไปสามแสนคนแล้ว แต่ตนเองกลับมิได้รับกำลังทหารเพิ่ม ตอนนี้ค่ายใหญ่สวีโจวมีกำลังพลไม่ถึงหนึ่งแสนคน หากต้องการยกพลใหญ่เคลื่อนไหวสักหนย่อมไม่มีกำลังพอเท่าใดนัก นี่จะมิให้เขาโมโหได้เช่นไรเล่า

เรื่องที่ทำให้เขาโมโหอีกเรื่องหนึ่งก็คือหลัวจิ่งผู้มารับตำแหน่งเจ้าเมืองฉู่โจวคนใหม่ ตอนแรกหลังจากสถานการณ์มั่นคงแล้ว เขาเตรียมจะย้ายกู้หยวนยงมาเพื่อมิให้รากฐานสั่นคลอน สมัยก่อนตอนลั่วโหลวเจินคุมฉู่โจว กู้หยวนยงผู้นี้แม้นตั้งใจแต่ไร้กำลัง การจัดการงานราชการต่างๆ จึงมีข้อผิดพลาดทุกหนทุกแห่ง แต่ผู้ใดจะคิดว่าหลังจากสวามิภักดิ์ต่อต้ายง เขากลับราวกับมีเทพยดาคอยช่วยเหลือ จัดการงานปกครองในฉู่โจวได้เป็นระเบียบเรียบร้อย

ตอนที่เผยอวิ๋นพ่ายแพ้ล่าถอยมาจากหยางโจวแล้วป้องกันฉู่โจวกับซื่อโจวเอาไว้ได้ ความจริงแล้วก็ได้ความช่วยเหลือจากกู้หยวนยงอยู่มาก แต่เดิมเผยอวิ๋นก็เป็นผู้แบ่งแยกรางวัลและโทษทัณฑ์อย่างยุติธรรมอยู่แล้ว เมื่อเห็นกู้หยวนยงมีความสามารถมาก เขาจึงตั้งใจจะให้กู้หยวนยงดำรงตำแหน่งต่อ

แต่เวลานี้เอง ราชสำนักก็ส่งหลัวจิ่งมารับตำแหน่งเจ้าเมืองฉู่โจว แม้มิอยากจะยินยอมเท่าใดนัก แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่มีเหตุผล ถึงอย่างไรตำแหน่งที่ตั้งของฉู่โจวก็สำคัญยิ่ง ทว่าหลัวจิ่งผู้นั้นแม้มีความสามารถโดดเด่น แต่นิสัยหัวรั้นยิ่งนัก เขาปกครองฉู่โจวด้วยวิธีที่เด็ดขาด ทำให้ประชาชนฉู่โจวไม่พอใจอย่างมาก

หากเป็นเมืองแห่งอื่น เผยอวิ๋นก็คงไม่ขัดเขา แต่ฉู่โจวเป็นเมืองสำคัญหน้าด่าน ทั้งยังเพิ่งตีมาได้ จำเป็นต้องปลอบประโลมจึงจะถูก เขาเคยบอกเป็นนัยกับหลิวจิ่งแล้ว แต่เจ้าเมืองคนใหม่ผู้นี้ถือตัวว่าเก่งกาจ มิยอมถอยให้แม้แต่น้อย หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เผยอวิ๋นคงจับเขาโบยตามกฎกองทัพสักยก หลังจากนั้นไล่เขากลับไป เพราะมิว่าอย่างไรฉู่โจวก็ยังเป็นเมืองในการควบคุมของกองทัพ อยู่ใต้การปกครองของเผยอวิ๋น

แต่เบื้องหลังของเจ้าเมืองคนนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก เขาเป็นถึงเขยรักของเกาหรงพี่ชายของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน เกาหรงเป็นขุนนางคนสำคัญของจักรพรรดิต้ายง เคยมีความดีความชอบช่วยเหลือรัชทายาทหลี่จวิ้นยามอยู่ในโยวโจว มีตำแหน่งสูงยิ่งนักในในพระทัยของฝ่าบาท แม้เผยอวิ๋นจะมิกลัวเกาหรง แต่ตอนนี้เขาเป็นแม่ทัพพ่ายศึกย่อมมิต้องการล่วงเกินเกาหรงง่ายๆ แต่ฝ่ายปกครองกับฝ่ายกองทัพมิลงรอยเช่นนี้จะรุกคืบบีบไหวตงเต็มกำลังได้เช่นไร มีเรื่องกลัดกลุ้มเช่นนี้จะมิให้เผยอวิ๋นรู้สึกขุ่นเคืองได้อย่างไร

เผยอวิ๋นยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น กู้หยวนยงที่ยืนอยู่ด้านหลังเขากลับจิตใจนิ่งสงบ ในฐานะขุนนางที่เปลี่ยนฝ่ายมาสวามิภักดิ์คนหนึ่ง เขาเตรียมใจไว้อยู่ก่อนแล้ว เขามิเป็นห่วงความปลอดภัยของครอบครัวและวงศ์ตระกูล ตระกูลกู้แห่งเหิงหยางดำรงสืบต่อกันมาหลายรุ่น คงมิล่มสลายเพราะลูกหลานมิเอาไหนเพียงคนเดียว ตอนนี้เขาห่วงเพียงชีวิตของตนเองก็พอ

เขาเป็นคนรู้จักสถานการณ์ ก่อนนี้เขาเป็นลูกหลานตระกูลขุนนางแห่งหนานฉู่ พากเพียรร่ำเรียน สอบจนได้เป็นขุนนาง สร้างความภาคภูมิใจให้แก่วงศ์ตระกูล จนได้มาเป็นขุนนางที่ฉู่โจวต้องอยู่ในเขตอำนาจของคนโหดร้ายทารุณ เขาก็รักษาตัวรอดมาได้อย่างชาญฉลาด แม้จะเคยขัดแย้งกับลั่วโหลวเจินเพื่อทหารและประชาชนในฉู่โจว แต่เขาก็คอยคุมให้อยู่ในขอบเขตที่ลั่วโหลวเจินอดทนได้ แล้วยังเจตนาผูกมิตรกับทหารที่มีตำแหน่งในค่ายใหญ่ฉู่โจวเพื่อเหลือทางรอดไว้ร้องขอความช่วยเหลือ

ยามกองทัพต้ายงบุกตีฉู่โจว เขาจึงยอมจำนนอย่างเงียบๆ เผยอวิ๋นมอบหมายตำแหน่งสำคัญให้เขา เขาก็ทำอย่างตั้งอกตั้งใจ ยามนี้ปลดตำแหน่งของเขา เขาก็มิมีสิ่งใดกังวล เพียงขบคิดว่าจะหาโอกาสกลับบ้านเกิด หรือจะอยู่รอราชสำนักต้ายงเรียกใช้งานต่อดีเท่านั้น

ในใจของกู้หยวนยง เขาตระหนักดีว่าตนเป็นเพียงคนธรรมดา ไร้กำลังต่อสู้กับอำนาจอันแข็งแกร่ง ขอเพียงมิบั่นทอนผลประโยชน์ของเขามากจนเกินไป จะเป็นขุนนางต้ายงหรือขุนนางหนานฉู่ก็มิมีสิ่งใดแตกต่าง แน่นอนว่าหากตอนนี้หนานฉู่บุกกลับมา เขาก็คงมิแปรพักตร์ยอมสวามิภักดิ์กลับไปในทันที อย่างไรเสียม้าดีก็มิวิ่งย้อนกลับไปกินหญ้าที่ผ่านมาแล้ว เพียงแต่หากฝ่ายต้ายงมีคนบีบให้เขาทำเรื่องบ้าบอไร้สำนึก ตัวอย่างเช่นบอกให้เขาเกลี้ยกล่อมคนในตระกูลให้เข้ากับต้ายง ทำตัวเป็นไส้ศึกในนอกประสานจัดการหนานฉู่ เรื่องนี้เขามิมีทางยอมทำเป็นอันขาด

กู้หยวนยงแต่เดิมก็เป็นคนเช่นนี้ ดังนั้นเผยอวิ๋นจึงตั้งใจเก็บเขาไว้ที่ฉู่โจว เขาเองก็อยู่ต่ออย่างให้ความร่วมมือ คอยติดตามข้างกายเผยอวิ๋นอย่างสบายใจเฉิบ เจ้าเมืองผู้รับตำแหน่งใหม่คนนั้นย่อมมิทราบว่ากฏมากมายของเขาที่มิเข้ากับวิถีชีวิตของชาวฉู่โจวล้วนถูกคนผู้นี้แอบส่งสัญญาณให้ขุนนางฉู่โจวที่รับคำสั่งแสร้งทำตามแต่ฉากหน้า ปิดบังเบื้องบนหลอกลวงเบื้องล่าง ด้วยเหตุนี้จึงยังไม่เกิดความวุ่นวายขึ้นมา

เผยอวิ๋นยืนอยู่นาน ในที่สุดก็ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา “เอาเถิด ไม่คิดถึงเรื่องกลัดกลุ้มใจมากมายพวกนี้แล้ว ใต้เท้ากู้ พวกเราเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปเดินเล่นผ่อนคลายจิตใจสักหน่อยก็ดี”

กู้หยวนยงได้ยินก็คลี่ยิ้มตอบว่า “ปกติท่านแม่ทัพมีภารกิจในกองทัพวุ่นวาย ได้แต่ขี่ม้าชมเมืองฉู่โจว ในเมื่อวันนี้ตั้งใจจะเดินเล่น หยวนยงก็จะขอชมทิวทัศน์ไหวอันเป็นเพื่อน”

เผยอวิ๋นยิ้มน้อยๆ พลางพยักหน้า เขาหันกลับไปมองตู้หลิงเฟิงแล้วบอกว่า “วันนี้เพียงออกไปเดินท่องเที่ยว ห้ามเจ้าก่อเรื่อง”

ตู้หลิงเฟิงรีบขานรับ แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำ เขามีนิสัยชอบตีต่อย มักจะก่อเรื่องอยู่เสมอ หากมิใช่เพราะสาเหตุนี้ก็คงไม่ดื้อดึงไม่ยอมเข้ากองทัพอย่างเป็นทางการมาจนถึงวันนี้

แม้เผยอวิ๋นคิดจะออกไปเดินเล่นหย่อนใจ แต่อย่างไรเสียทั้งสามคนก็สะดุดตาเกินไป แม้ปีนี้เผยอวิ๋นจะอายุสามสิบสี่ปีแล้ว แต่เขาฝึกฝนเคล็ดวิชาสายพุทธตั้งแต่เล็ก กำลังภายในลึกล้ำ ทำให้หน้าตาเหมือนยังมิพ้นสามสิบ เมื่อรวมกับรูปโฉมและบุคลิกท่าทางที่ล้วนราวกับมังกรในหมู่มนุษย์ แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาก็ตกเป็นเป้าสาตาของผู้คน ยิ่งไปกว่านั้นทหารลาดตระเวนที่ผ่านไปมาพอเห็นเขาเข้ายังพากันคำนับอย่างเลี่ยงมิได้

ส่วนกู้หยวนยงแต่เดิมเป็นเจ้าเมืองฉู่โจว ยิ่งมิมีผู้ใดไม่รู้จัก ฝ่ายตู้หลิงเฟิงยามไม่มีงานอันใดก็ชอบมาเที่ยวเล่นในเมือง คนที่รู้จักเขาจึงมากมายยิ่งนัก ครั้นตกอยู่ใต้สายตาของผู้คนมากมาย อยากจะเที่ยวเล่นก็มิอาจเที่ยวอย่างสนุกสนาน เผยอวิ๋นจึงยิ้มหยันตนเอง สายตากวาดไปเห็นเหลาสุราขนาดเล็กหลังหนึ่งริมทางบรรยากาศสงบพอสมควรจึงก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านใน

ลูกจ้างของเหลาสุราแห่งนั้นเดินโซเซออกมาต้อนรับแขกเข้ามาด้านใน ผู้ดูแลรีบสาวเท้าวิ่งมาตรงหน้า เขาก้มหัวค้อมเอว ต้อนรับคนทั้งสามขึ้นมายังชั้นบน บนชั้นสองมีที่นั่งอยู่เพียงหกเจ็ดโต๊ะ ที่นั่งข้างหน้าต่างสามโต๊ะล้วนมีฉากกันลมกั้นไว้ ด้านนอกแขวนม่านไม้ไผ่สีเหลืองอ่อน ดูแล้วงดงามเรียบง่ายไปอีกแบบ

แม้กู้หยวนยงจะอยู่ที่ฉู่โจวมาหลายปี แต่เขาเองก็ไม่เคยมาเยือนเหลาสุราเล็กๆ แห่งนี้มาก่อน วันนี้มาเห็นก็รู้สึกเสียดายมุกเม็ดงามอยู่พอสมควร พวกเขาสามคนนั่งลงสั่งสุรากับอาหารเล็กน้อย จากนั้นก็ร่ำสุราสนทนากันเรื่อยเปื่อย เผยอวิ๋นเปิดหน้าต่างมองลงไปด้านล่าง ผู้คนสัญจรไปมาบนถนน เทียบกับหอเจิ้นไหวที่ผู้คนมิย่างกรายเข้าใกล้ย่อมน่าสนใจกว่ามาก เขาพลันรู้สึกว่าการปิดบังตัวตนออกมาข้างนอกเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว

ตอนนี้เองผู้ดูแลก็นำแขกหลายคนขึ้นมาบนชั้นสอง เดิมทีผู้ดูแลคนนั้นคิดว่าวันนี้จะไม่ต้อนรับแขกขึ้นมาชั้นบนแล้ว แต่ตู้หลิงเฟิงฉลาดยิ่งนัก เขาทราบว่าวันนี้เผยอวิ๋นต้องการออกมาพักผ่อนหย่อนใจ มีคนมากหน่อยบรรยากาศจึงจะครึกครื้น ดังนั้นเขาจึงบอกผู้ดูแลไว้ก่อนแล้วว่ามิต้องเปิดเผยว่าชั้นบนมีแขกสูงศักดิ์อยู่ ให้เขาทำงานไปตามปกติ

แม้ผู้ดูแลคนนั้นจะมิกล้ามิทำตาม แต่เขาก็ระวังอยู่เช่นกัน แขกที่เขานำทางมาชั้นบนล้วนเป็นแขกที่เขาคิดมาก่อนแล้วว่าจะมิมีปัญหาเกิดขึ้น แขกหนนี้มีทั้งหมดหกคน เห็นชัดว่าเป็นบุคคลค่อนข้างมีฐานะที่ออกเดินทางไกล ดังนั้นเขาจึงวางใจเชิญคนขึ้นมาชั้นบน สองคนในนั้นเดินตรงไปยังที่นั่งทางซ้ายมือของเผยอวิ๋น ส่วนอีกสี่คนกลับเลือกที่นั่งด้านข้างบันไดด้านนอก แบ่งแยกนายบ่าวชัดเจน

ผู้ดูแลเพิ่งหมุนตัวกลับจะเดินลงไปชั้นล่าง ก็เห็นบัณฑิตหน้าตาหล่อเหลาสองคนกำลังเดินขึ้นมาชั้นบน สองคนนี้หน้าตาคล้ายกัน เพียงแต่ว่าคนหนึ่งตัวสูงหน่อย คนหนึ่งตัวเตี้ยหน่อย ท่าทางอายุห่างกันราวหนึ่งถึงสองปี ผู้ดูแลคนนี้มองปราดเดียวก็ตกใจยิ่งนัก

สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน พี่คนโตนามว่าโจวหมิง น้องชายนามว่าโจวฮุ่ย ปกติพวกเขามักจะมาร่ำสุราบนชั้นสองของเหลาสุราของเขา โจวหมิงเป็นคนโผงผางอย่างที่สุด มักจะเอ่ยวาจามิภักดีอยู่บ่อยครั้ง ยามปกติก็แล้วไปเถิด มิมีผู้ใดนำความลับไปบอกข้างนอก แต่วันนี้บนชั้นสองมีแขกสูงศักดิ์อยู่ พอคิดถึงตรงนี้ ผู้ดูแลคนนั้นก็ตั้งท่าจะเดินเข้าไปขวาง แต่ผู้ใดจะรู้ว่าโจวหมิงกลับหัวเราะลั่นทักว่า “ตาเฒ่าตู้ หนก่อนเจ้าบอกว่าจะเลี้ยงสุราบ๊วยเขียว วันนี้ได้ฤกษ์เปิดไหแล้ว พวกเราพี่น้องตั้งใจมาดื่มให้สาแก่ใจสักหลายจอก”

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 69 ดาบตะขอแดนอู๋วาววับดุจหิมะ (1)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์