ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1059 วงแหวนยมโลกคลั่ง
ดูจากเครื่องแต่งกายที่สวม ชาวยมโลกผู้นี้เหมือนจะเป็นเผ่ายมโลกที่มาจากโลกข้างนอก พลังเพียงระดับแก่นแท้เท่านั้น แต่เอาชนะผู้ท้าประลองที่ขึ้นมาบนเวทีประลองได้สามตนติดแล้ว จึงดึงความสนใจของผู้คนมาไม่น้อยเช่นกัน
จิตสัมผัสอันเฉียบคมของหลิ่วหมิงย่อมสัมผัสสายตาของชาวยมโลกผู้นี้ได้ เขามองกลับไปอย่างแปลกใจทันที
ปรากฏว่าชาวยมโลกผู้นี้กลับยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เขา ทำให้หลิ่วหมิงมึนงงไปเล็กน้อย ในใจพึมพำกับตนเองอยู่พักหนึ่ง
ในเวลาเดียวกันบนเวทีประลองทั้งสิบ การประลองก็ผลัดกันดำเนินไปอย่างดุเดือด
เวทีประลองที่หลิ่วหมิงอยู่ ด้วยความที่เขาขึ้นมาก็แสดงพลังข่มขวัญทันที ชั่วเวลาหนึ่งจึงไม่มีผู้ใดกล้าขึ้นเวทีมาท้าสู้
พอดีเพราะสถานการณ์เช่นนี้ คนที่ล้อมดูอยู่เหล่านั้นเพียงครู่เดียวก็ย้ายความสนใจไปยังการต่อสู้บนเวทีประลองอื่น
หลิ่วหมิงจึงสบาย นั่งขัดสมาธิหลับตาทำสมาธิกลางเวทีประลอง
แต่อย่างไรนี่ก็เป็นเวทีประลองแข่งขันคัดเลือก หลิ่วหมิงเป็นเพียงผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนคนหนึ่ง เวลาครึ่งหนึ่งของชั่วจิบชาผ่านไป บุรุษร่างใหญ่ระดับแก่นแท้ขั้นต้นผู้มีเรือนร่างกำยำแข็งแกร่งตนหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาบนเวทีประลอง
“ข้าซาเหยียน ขอท่านโปรดชี้แนะด้วย”
พร้อมกับที่ชั้นจำกัดสีเทาส่องแสงขึ้น บุรุษร่างใหญ่กำยำก็ประสานมือเอ่ยขึ้นมา
“อิ่นหาน” หลิ่วหมิงประสานมือให้เขา
ครั้งนี้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเตรียมตัวมาก่อนหรือไม่ ไม่ทันรอให้หลิ่วหมิงเคลื่อนไหวอย่างใด บุรุษร่างใหญ่กำยำก็ตวาดเบาๆ ปราณสีเทาทะลักออกมาจากทั่วร่าง สองเท้าวิ่งทะยานพุ่งตรงเข้ามาหาหลิ่วหมิง
เสียงตึงๆ ดังสนั่น เวทีประลองทั้งเวทีสั่นไหวไม่หยุดตามฝีเท้าอันหนักอึ้งของบุรุษร่างใหญ่ ร่างกายของบุรุษร่างใหญ่กำยำค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ปราณสีเทารอบร่างกระหวัดเกี่ยวกันอยู่พักหนึ่งก็กลายเป็นเงาภูเขาน้อยสีเทาหม่นขนาดหลายสิบจั้งลูกหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาหาหลิ่วหมิง พลังน่าทึ่งทีเดียว
แต่เดิมคิดว่าเผ่ายมโลกชำนาญวิชาสายวิญญาณ คิดไม่ถึงว่าในหมู่ชาวยมโลกก็มีผู้ฝึกร่างที่ห้าวหาญเช่นนี้ด้วย
สีหน้าประหลาดใจพาดผ่านใบหน้าของหลิ่วหมิง สองมือใช้เคล็ดวิชาทันที
ปราณดำโถมออกมา พร้อมกับเสียงมังกรคำรามดังก้องฟ้า!
มังกรหมอกสีดำยาวยี่สิบกว่าจั้งห้าตัว โผล่ออกมาจากแผ่นหลังของหลิ่วหมิงแล้วเหาะวนขึ้นไปบนฟ้า พวกมันบินวนอย่างว่องไวบนท้องฟ้าเหนือเวทีประลองรอบหนึ่งก็เข้าประจันหน้ากับภูเขาน้อยสีเทาหม่นที่พุ่งเร็วรี่มาถึงทันที
“ปุ้งๆ” เสียงแผ่วเบาดังขึ้นหลายครั้ง!
มังกรหมอกสีดำโถมใส่ภูเขาน้อยสีเทาที่บุรุษร่างกำยำสร้างขึ้นตามต่อกัน แต่ปรากฏว่าพวกมันกลับพังทลายราวกับหน้าต่างกระดาษแล้วสลายกลายเป็นหมอกดำหนาทึบ ไม่อาจขัดขวางภูเขาน้อยจากการเข้าใกล้หลิ่วหมิงได้แม้แต่นิด
“ลูกไม้กระจอก!” เสียงหัวเราะหยันของซาเหยียนดังออกมาจากด้านในภูเขาน้อยสีเทาหม่น
ทว่าตอนที่ภูเขาน้อยของเขาอยู่ห่างจากหลิ่วหมิงเพียงเอื้อมมือนั่นเอง ร่างกายของหลิ่วหมิงพลันขยับวูบเดียวหายไปจากที่เดิม
อึดใจต่อมาหลังจากที่หลิ่วหมิงเลือนหายไป เขาก็ปรากฏตัวห่างไปด้านหลังซาเหยียนสิบจั้ง
“เหอะ!” เสียงแค่นหยันที่มีความโกรธเกรี้ยวปะปนอยู่ของซาเหยียนดังออกมาจากในภูเขาน้อยสีเทาที่โจมตีพลาดเป้า จากนั้นเขาก็หักเลี้ยวแล้วพุ่งเข้าใส่หลิ่วหมิงอีกครั้ง
“คุกมืด”
แววตาของหลิ่วหมิงเย็นเยียบ เขาจี้นิ้วไปบนอากาศรอบเงาภูเขาน้อยที่บุรุษร่างกำยำสร้างขึ้น มังกรหมอกสีดำที่เดิมถูกบุรุษกำยำชนจนทลายกลายเป็นหมอกสีดำเต็มฟ้า ชั่วพริบตาก็รวมตัวกันอีกครั้งกลายเป็นแสงสีดำเส้นแล้วเส้นเล่าถักทอประสานกันแล้วกลืนเขาเข้าไป
ต่อจากนั้นดวงตาของหลิ่วหมิงพลันเปล่งประกายเจิดจ้า เขายกแขนเสื้อ เสียงใสกังวานดังขึ้น แสงสีเทาสายหนึ่งพุ่งออกมา ด้านในแสงสีเทาเห็นกระบี่ยาวสีเทาตลอดเล่มยาวสามฉื่อกว่าเล่มหนึ่งอย่างชัดเจน!
กระบี่ยาวแลดูหม่นหมองไร้ประกายไม่สะดุดตาสักนิด แต่เมื่อเคล็ดกระบี่ที่มือของหลิ่วหมิงควบคุม ลวดลายยมโลกสามสิบหกลายบนผิวก็เปล่งแสงในทันใด ปราณยมโลกสีเทาสายแล้วสายเล่าทะลักออกมาจากในตัวกระบี่!
ทันใดนั้นรุ้งยาวสีเทาสายหนึ่งพลันวาดผ่านท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว “ฟึบ” จากนั้นทะลวงเข้าไปในคุกมืด
นั่นคือกระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกที่เพิ่งได้มาใหม่นั่นเอง!
จะว่าไปแล้ว วันนั้นหลังจากหลิ่วหมิงได้อาวุธยมโลกชิ้นนี้มาก็เสียเวลาศึกษาอยู่พักหนึ่ง
ยังดีที่ระดับพลังวันนี้ของเขาบรรลุระดับแก่นเสมือนแล้ว การผูกพันธะกับอาวุธจิตวิญญาณจำพวกกระบี่ที่เข้ากับวิชาของตนชิ้นหนึ่งย่อมไม่ใช่ปัญหา หลังแบ่งสมาธิทำงานสองอย่างอยู่ทั้งวันทั้งคืน เขาใช้เวลาไม่เท่าไรก็ผูกพันธะสำเร็จ
ในเมื่อกระบี่เล่มนี้มีคำว่า ‘แม่ลูก’ อยู่ในชื่อ ย่อมหมายความว่าเป็นกระบี่ชุดหนึ่งที่มีสองเล่ม เล่มใหญ่กับเล่มเล็ก เล่มยาวกับเล่มสั้น
แต่จุดที่เยี่ยมยอดของมันอยู่ที่กระบี่ลูกซ่อนอยู่ในตัวกระบี่แม่ กระบี่แม่มุ่งโจมตี กระบี่ลูกช่วยลอบจู่โจม ศัตรูที่จดจ่อป้องกันการโจมตีจากกระบี่แม่อยู่จึงมักถูกกระบี่ลูกที่ปรากฏขึ้นกะทันหันทำร้ายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เมื่อผนวกกับกระบี่ชุดนี้เป็นอาวุธยมโลกที่ใช้ปราณหยินในการควบคุม หากประสานกับวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬย่อมได้ผลลัพธ์เยี่ยมยอด
มือของหลิ่วหมิงเปลี่ยนท่าเคล็ดกระบี่ไม่หยุด ด้านในคุกมืด รุ้งยาวสีเทาปรากฏผลุบๆ โผล่ๆ พร้อมกับเสียงคมกระบี่แหวกอากาศ
หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ หลิ่วหมิงก็กวักมือข้างหนึ่ง แสงกระบี่สีเทาสองสาย สายหนึ่งยาว สายหนึ่งสั้นแล่นกลับมาก่อนจะประสานจากสองกลายเป็นหนึ่งกลางอากาศ แล้วบินวนกลับเข้ามาในแขนเสื้อของเขา
เมื่อแสงสีดำค่อยๆ กระจายตัวออก คุกมืดก็ค่อยๆ พังทลายเผยร่างของบุรุษกำยำด้านในออกมาอีกครั้ง
บุรุษร่างใหญ่กำยำในเวลานี้ฟื้นกลับคืนเป็นสภาพตอนแรกแล้ว ปราณสีเทาทั่วร่างสลายไป ใบหน้าบิดเบี้ยว ทั่วทั้งร่างมีรอยแผลกระบี่สีเทามากมายกระจายอยู่ทั่ว ทั้งตัวยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิมไม่ขยับ
หลิ่วหมิงขยับวูบเดียวไปปรากฏตัวด้านหลังเขา แล้วยกมือข้างหนึ่งผลักแผ่นหลังเบาๆ
ดวงตาสองข้างของซาเหยียนปิดลง ก่อนจะค่อยๆ ล้มลงพื้นดังโครม เป็นตายไม่รู้
หลิ่วหมิงแสดงฝีมืออันน่าตกตะลึงออกมาเช่นนี้ย่อมดึงให้ผู้คนที่ล้อมชมอยู่รอบเวทีประลองของเขาถกเถียงกันอีกครั้ง พวกเขาพากันคาดเดาที่มาของเขา
ในการประลองระหว่างเผ่ายมโลก แม้จะมีผู้ที่พลังระดับแก่นเสมือนแต่ความสามารถทัดเทียมระดับแก่นแท้อยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เลี่ยงการต่อสู้ดุเดือดเป็นเวลายาวนานไม่ได้ ผู้ที่ปราบศัตรูคว้าชัยชนะมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย
อีกทั้งดูจากที่หลิ่วหมิงลงมืออย่างสบายๆ ก็เหมือนกับว่าเขาจะยังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงออกมาทั้งหมด
ชาวยมโลกทั้งหลายตกตะลึง สายตาส่วนใหญ่ที่มองมาทางเขาเริ่มมีแววตายำเกรง
อย่างไรก็ตามผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงอยู่ที่ใดล้วนได้รับความเคารพจากผู้คน
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นชั้นจำกัดที่ล้อมทั้งสองคนไว้ก็สลายไป เผ่ายมโลกฝ่ายดำเนินการสองตนกระโดดขึ้นมาบนเวทีประลองหามบุรุษร่างใหญ่กำยำที่สลบไม่ได้สติลงไป
ครั้งนี้หลิ่วหมิงไม่ได้พักนานนัก ผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจ บุรุษผู้สวมชุดผ้าไหมคาดเข็มขัดทอง บนศีรษะสวมกวานประดับขนนกตนหนึ่งก็เดินขึ้นมาบนเวทีอย่างสบายๆ
หลิ่วหมิงเงยหน้ามองท้องฟ้า ตอนนี้แสงของดวงตะวันมืดเหลือเพียงครึ่งเดียวแล้ว เหลือเวลาก่อนสิ้นสุดอีกราวหนึ่งชั่วยามกว่า ดูท่าหากตนอยากจะครองเวทีประลองนี้คงเลี่ยงถูกผู้อื่นผลัดกันท้าสู้ไม่ได้แล้ว
“ดูท่าท่านคงจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนใต้ดินครั้งนั้นเมื่อครึ่งปีก่อน กระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกเล่มนี้ยามนั้นข้าก็ค่อนข้างสนใจ หากจำไม่ผิด วันนั้นท่านนำวัตถุดิบจากภูตผีระดับแก่นแท้ออกมาสองชิ้น จิ๊ๆ เป็นเงินก้อนใหญ่จริงๆ” บุรุษชุดผ้าไหมประสานมือให้หลิ่วหมิง ใบหน้าคล้ายยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เขาไม่ได้เอ่ยชื่อของตน แต่ริมฝีปากขยับน้อยๆ ส่งกระแสจิตมาหาหลิ่วหมิง เอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ออกมา
หลิ่วหมิงได้ยินกลับไม่เปลี่ยนสีหน้า ประสานมือให้เขาโดยไม่พูดสักคำ ทว่าในใจเกิดจิตสังหารขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
อีกฝ่ายจำตนได้จากอาวุธยมโลกชิ้นหนึ่ง เกรงว่าหลังจากนี้คงจะนำเรื่องยุ่งยากมาให้ไม่น้อย!
หลิ่วหมิงไม่รอให้อีกฝ่ายส่งกระแสจิตอันใดมาอีก เขาตวาดลั่น สองแขนสะบัด ไอหมอกสีดำทั่วร่างถาโถมออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง
เทียบกับการลงมือสองครั้งก่อน ครั้งนี้แรงกดดันจิตวิญญาณของหลิ่วหมิงเพิ่มขึ้นมหาศาลอย่างกะทันหัน นี่ทำให้ผู้ชมที่อยู่รอบเวทีประลองอดไม่ได้ตกตะลึง
เสียงมังกรกู่ร้องพยัคฆ์คำรามดังก้องท้องฟ้า!
มังกรหมอกสีดำยาวยี่สิบกว่าจั้งห้าตัวกับพยัคฆ์หมอกสีดำขนาดเกือบสิบจั้งห้าตัวพุ่งออกมาพร้อมกัน ปราณยมโลกสีดำพลุ่งพล่านแลดูทรงพลังยิ่งนัก แม้แต่ม่านแสงชั้นจำกัดสีเทาที่กั้นอยู่นอกเวทีประลองก็สั่นไหวตามไปด้วย
บุรุษชุดผ้าไหมเผชิญหน้ากับพลังยิ่งใหญ่เช่นนี้กลับไม่เปลี่ยนสีหน้า เขาเพียงยื่นมือข้างหนึ่งขึ้นบนฟ้า แสงสีดำสว่างขึ้นบนท่อนแขน ทันใดนั้นเงาลวดลายจิตวิญญาณสีเทาเลือนรางนับไม่ถ้วนก็ปรากฏ
เสียงครวญทุ้มต่ำดังขึ้น หลังจากนั้นเสียงฟึบก็ดังขึ้นอีกหลายครั้ง แสงสีดำห้าวงพุ่งออกมาจากแขนของเขา พวกมันหมุนกลางอากาศรอบหนึ่งแล้วกลายเป็นวงแหวนสีดำแลดูโบราณที่คล้องกันอยู่ห้าวง
วงแหวนเหล่านี้แต่ละวงใหญ่เท่าฝ่ามือ เมื่อบุรุษชุดผ้าไหมท่องมนตร์งึมงำออกมาจากปาก ลวดลายยมโลกสีเทาประหลาดตัวแล้วตัวเล่าบนผิวก็ส่องสว่างดูเหมือนไส้เดือนนับไม่ถ้วนกำลังคืบคลานทับกันอยู่ ทำให้คนมองรู้สึกร้อนรนยิ่งนัก
“นี่…นี่มันวงแหวนยมโลกคลั่งต้นแบบอาวุธเวทที่มีเป็นชุด!” ด้านล่างของเวที ไม่รู้ว่าใครหลุดปากออกมา
หลิ่วหมิงได้ยินคำนี้ก็ตะลึงไปเล็กน้อย ตนเหมือนจะเคยได้ยินคนเอ่ยถึงวงแหวนยมโลกคลั่งนี้ในตลาดมาก่อน แต่ชั่วขณะนึกไม่ออกว่าอิทธิฤทธิ์ของมันคืออะไรกันแน่
ระหว่างที่เขาครุ่นคิดอยู่นั่นเอง วงแหวนทั้งห้าวงก็พลันสั่นไหวกลางสายลมกลายเป็นเงาวงแหวนขนาดหลายจั้ง ทันทีที่มังกรหมอกสีดำกับพยัคฆ์หมอกสีดำห้าตัวสัมผัส ไอหมอกสีดำบนร่างก็พลันส่งเสียงหวีดแหลมมุดเข้าไปในวงแหวนทั้งห้าอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
พริบตาเดียวขนาดร่างของมังกรหมอกจากยี่สิบกว่าจั้งตอนเริ่มแรกก็หดเล็กลงเหลือเพียงสิบกว่าจั้ง และยังหดเล็กลงอย่างรวดเร็วอยู่
สภาพของพยัคฆ์หมอกสีดำก็ไม่ได้ดีไปถึงไหน ปราณดำบนร่างถูกวงแหวนทั้งห้าสูบเข้าไปอย่างประหลาดและบ้าคลั่งราวกับสาวเส้นไหมจากดักแด้
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ มังกรกับพยัคฆ์เหล่านี้ยังไม่ทันแตะถูกอีกฝ่ายก็คงสลายไปเพราะปราณหยินไม่พอเสียก่อน
การโจมตีเต็มกำลังด้วยมังกรและพยัคฆ์อันทรงพลัง ถูกลดทอนพลังไปมากในพริบตา!
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็เข้าใจทันที ชั้นจำกัดที่สลักอยู่บนวงแหวนยมโลกคลั่งนี้เป็นชั้นจำกัดอันลี้ลับที่ดูดกลืนปราณยมโลกได้
หากมีวงแหวนยมโลกวงเดียว ความเร็วในการสูบปราณยมโลกจะค่อนข้างช้า ได้ผลไม่มากนัก แต่เมื่อมีเป็นชุด ประสานเพิ่มพลังแก่กันย่อมน่าทึ่งอย่างยิ่ง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิ่วหมิงก็สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา เขาแค่นเสียงคำรามแล้วหยุดเคล็ดวิชา ไอหมอกสีดำที่ทะลักออกมาทั่วร่างเริ่มแทรกกลับเข้าไปในผิวหนังของตนทีละน้อย
“ท่านดูเป็นคนฉลาด เป็นฝ่ายยอมแพ้ลงไปเองย่อมเป็นทางเลือกที่ฉลาดแล้ว” บุรุษชุดผ้าไหมอีกฝั่งของเวทีประลองเห็นสถานการณ์ก็หัวเราะหึๆ เอ่ยขึ้นมา