ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1078 ผนึกแก่นแท้ (กลาง)
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ดวงตาพลันทอประกายเหี้ยมเกรียมวูบหนึ่ง เขาแหงนหน้าคำรามยาว ปราณสีดำบนร่างทะลักออกมาถักทอร้อยรัดก่อตัวเป็นกำแพงปราณสีดำหนาผืนหนึ่งด้านบนอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
ระหว่างที่ร่วงหล่น เส้นอสนีบาตสีม่วงที่พุ่งลงมาก็เริ่มเลื้อยก่อนจะกลายเป็นงูยักษ์สีม่วงหนาเท่าถังตัวหนึ่ง มันบุกลงมาโจมตีกำแพงปราณสีดำจนเกิดเสียงเปรี้ยงสะเทือนแก้วหูแทบดับ
เปรี้ยง งูยักษ์สีม่วงระเบิดกลายเป็นเส้นอสนีบาตนับไม่ถ้วนล้อมกำแพงปราณสีดำไว้ด้านในทันที
เมื่อมีเส้นอสนีบาตเต้นระริกอยู่บนจรดล่าง กำแพงปราณสีดำก็ทนอยู่ได้เพียงสองสามลมหายใจก่อนจะค่อยๆ ปริแตก แล้วเริ่มบางลงอย่างรวดเร็วจนตาเปล่ามองเห็นได้
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ อสนีบาตสีม่วงก็เหมือนจะเสียพลังงานไปจนหดเล็กลงมากเช่นกัน
เมื่อเส้นอสนีบาตทั้งหมดสลายไป กำแพงปราณสีดำเหนือศีรษะของหลิ่วหมิงก็เหลือเพียงชั้นบางๆ ชั้นหนึ่ง
ไม่ทันที่หลิ่วหมิงจะได้ผ่อนลมหายใจ เมฆอสนีบาตสีดำทะมึนก็ปั่นป่วน เส้นอสนีบาตสีม่วงแล่นวนเป็นวงรอบหนึ่ง จากนั้นอสนีบาตสีม่วงมากมายถี่ยิบก็ร่วงลงมาอีกระลอก
ครั้งนี้อสนีบาตสีม่วงเต็มท้องฟ้าผนึกรวมกันกลายเป็นงูสายฟ้าสีม่วงสองตัวกลางอากาศ เห็นชัดว่าหนากว่าครั้งก่อนอยู่หลายส่วน
หลิ่วหมิงเพ่งสายตา สองแขนยกขึ้น แสงสีเหลืองสายหนึ่งส่องสว่าง มุกกลมสีเหลืองเข้มสามลูกปรากฏขึ้นมา พวกมันลอยวนอยู่เหนือศีรษะของเขา แสงเรืองรองสีเหลืองหนาทึบผืนแล้วผืนเล่าทะลักออกมาจากในมุกสามลูกอย่างบ้าคลั่ง
ต่อจากนั้นเงาภูเขาน้อยสีเหลืองสูงเท่าตึกที่ดูราวกับมีชีวิตสามลูกก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงเรืองรองสีเหลือง
เสียงเปรี้ยงปรางดังสนั่นสะเทือนฟ้า งูอสนีบาตสีม่วงสองตัวปล่อยแสงสายฟ้าออกมาจากรอบตัว พวกมันเลื้อยวนสวนกันแล้วโถมลงมาโจมตีภูเขาน้อยสีเหลืองสามลูกด้านล่างอย่างดุดัน เกิดเสียงระเบิดเปรี้ยงปร้างดังกึกก้องพักหนึ่ง!
เงาภูเขาน้อยที่มุกบรรพตธาราสร้างขึ้นแข็งแกร่งกว่าปราณหยินสีดำที่หลิ่วหมิงควบคุมอย่างเห็นได้ชัด มันต้านทานอสนีบาตระลอกนี้ไว้ได้อย่างมั่นคง
หลังจากอสนีบาตสองเส้นร่วงลงมาติดกัน เมฆอสนีบาตสีดำบนท้องฟ้าก็เล็กลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด แต่อสรพิษอสนีบาตในเมฆอสนีบาตกลับยิ่งกระจุกตัวแน่น เสียงอสนีบาตคำรามครั้งแล้วครั้งเล่า แทบจะฉีกแก้วหูคนขาด!
น้ำในแม่น้ำมืดด้านล่างหลิ่วหมิงเกิดคลื่นซัดเกรี้ยวกราดเป็นระลอก น้ำวนสีดำลูกแล้วลูกเล่าปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า ปราณหยินสีดำระลอกแล้วระลอกเล่าลอยขึ้นมาก่อนจะทยอยจมเข้าไปในร่างของหลิ่วหมิง ฟื้นพลังเวทที่เสียไปของเขาอย่างรวดเร็ว
เสียงอสนีบาตคำรามดังเป็นพรวนอีกครั้ง อสนีบาตสีม่วงหนาเท่าชามข้าวอีกระลอกหนึ่งสาดลงมาอย่างบ้าคลั่งก่อนจะกลายเป็นงูสายฟ้าสีม่วงมหึมาอย่างยิ่งสามตัว ทะยานลงมาหาหลิ่วหมิงด้านล่าง
หลิ่วหมิงเปลี่ยนสีหน้าไปทันที แสงสีเหลืองส่องสว่างเหนือร่าง เรียกมุกบรรพตธาราออกมาอีกสามเม็ด
แสงเรืองรองสีเหลืองที่แผ่ออกมาจากมุกบรรพตธาราหกเม็ดกลายเป็นเงาภูเขาน้อยสีเหลืองขนาดมหึมาหกลูกหมุนคว้างประจันหน้ากับงูอสนีบาตสีม่วงสามตัวที่ร่วงลงมาในพริบตา
เสียงอสนีบาตคำรามดังสนั่น!
แสงอสนีบาตสีม่วงมากมายถี่ยิบประสานกับแสงเรืองรองสีเหลืองเข้ม ส่องท้องนภากับผิวแม่น้ำซึ่งเดิมทีเป็นสีดำสนิทจนงดงามตระการตา
ไกลออกไปเหนือแม่น้ำมืด เงาสองร่างหนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กลอยอยู่กลางอากาศ พวกเขาก็คือเซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์ที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด
ทั้งสองสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจของเมฆอสนีบาตสีดำบนท้องฟ้า ใบหน้าเผยสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อยออกมาอย่างเห็นได้ชัด ด่านเคราะห์สายฟ้าที่พลังมหาศาลเช่นนี้ทำให้พวกเขาอดหวั่นใจไม่ได้
เฟยเอ๋อร์ เจ้าว่านายท่านจะผ่านด่านเคราะห์สายฟ้าครั้งนี้ได้อย่างปลอดภัยไหม? สีหน้าของเซียเอ๋อร์ดูย่ำแย่ยิ่งกว่าเฟยเอ๋อร์ นางเอ่ยออกมาอย่างหวั่นวิตกเล็กน้อย
กายเนื้อของนายท่านแข็งแกร่ง พลังเวทลึกล้ำ วันนี้ยังหลอมอาวุธเวทมุกบรรพตธาราสิบสองเม็ดสำเร็จแล้วอีกด้วย ย่อมผ่านได้อย่างปลอดภัย! แม้ใบหน้าน้อยของเฟยเอ๋อร์จะคร่ำเครียด แต่ก็ยังพยักหน้าเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
เซียเอ๋อร์ได้ฟังคำพูดนี้ ใบหน้างามที่ซีดเผือดจึงเผยรอยยิ้มออกมานิดๆ สองมือประสานกันอยู่เบื้องหน้าแล้วพยักหน้าหงึกหงัก ทว่าหลังจากนั้นเหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจังอีกครั้ง
แม้บริเวณแม่น้ำมืดจะไร้ร่องรอยคน แต่ไม่แน่อาจมีเผ่ายมโลกตนอื่นผ่านทางมากะทันหัน พวกเราจะต้องเฝ้าระวังเอาไว้
เฟยเอ๋อร์รีบพยักหน้า จากนั้นอสูรเลี้ยงทั้งสองตัวก็หดร่างกลายเป็นลำแสงสองสาย เร้นกายหายลงไปในแม่น้ำมืดด้านล่าง
เสียงดงกึกก้องยังดำเนินต่อไป
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้ว สายฟ้าที่ร่วงลงมาจากเมฆอสนีบาตสีดำกลางท้องฟ้าประหนึ่งไม่หมดไม่สิ้น ร่วงลงมาระลอกแล้วระลอกเล่า ไม่เพียงไม่มีทีท่าจะหยุด พลังกลับยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ยามนี้หลิ่วหมิงหน้าอกพองยุบขึ้นลง ใบหน้าซีดเผือด สองตามีเส้นเลือดฝอยเส้นแล้วเส้นเล่ากระจายทั่วอย่างไม่รู้ตัว แต่สายตาที่มองไปบนท้องฟ้าของเขากลับเต็มไปด้วยไฟสู้ไม่ยอมจำนน!
มุกบรรพตธาราสิบเม็ดเหนือศีรษะเขาสร้างยอดเขายักษ์สูงตระหง่านหลายร้อยจั้งลูกหนึ่งออกมาท่ามกลางแสงเรืองรองสีเหลืองเข้มนับไม่ถ้วนที่ไหลวนอยู่รอบด้าน ผิวของภูเขามีไอหมอกสีเหลืองวนเวียน ยันต์นับไม่ถ้วนเต้นระริกขึ้นลง เคลื่อนไหวไม่หยุดอยู่ท่ามกลางไอหมอก ดูแล้วลี้ลับอย่างยิ่ง
ครู่ต่อมา เปรี้ยง เสียงอสนีบาตฟาดกลางฟ้าแจ้งก็ดังขึ้น!
อสรพิษสายฟ้าสีม่วงหนาอย่างยิ่งสิบตัวแย่งชิงกันพุ่งลงมาหายอดเขายักษ์สีเหลืองเข้มเบื้องล่างท่ามกลางเสียงคำราม!
อสรพิษสายฟ้าสิบตัวทยอยร่วงลงบนผิวของยอดเขายักษ์สีเหลืองเข้ม แล้วระเบิดกลายเป็นเส้นอสนีบาตสีม่วงนับไม่ถ้วนพุ่งเร็วรี่ไปรอบทิศ
สายฟ้ามากมายส่องสว่างวูบวาบ ไอหมอกสีเหลืองบนผิวของยอดเขายักษ์สีเหลืองเข้มกระเพื่อมรุนแรงดุจน้ำเดือด
ยังดีที่เมื่อมุกบรรพตธาราสีเหลืองหม่นสิบเม็ดด้านล่างหมุนตัว ลมปราณสีเหลืองเข้มผืนใหญ่ก็ทะลักออกมาต่อเนื่องไม่ขาดสายผสานเข้าไปในเงายอดเขายักษ์ด้านบน
พลังของสายฟ้าสวรรค์กับลมปราณที่แผ่ออกมาจากเงายอดเขายักษ์ต้านกันไม่หยุด พร้อมกับที่เสียงเปรี้ยงดังกึกก้อง ยอดเขายักษ์สีเหลืองเข้มก็เริ่มพังทลาย แต่อสนีบาตสีม่วงเต็มฟ้าก็สลายหายไปเช่นกัน
หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะพรูลมหายใจยาวออกมา
นี่เป็นอสนีบาตระลอกที่สิบแล้ว พลังมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้มากนัก
อีกทั้งสิ่งที่เขาฝึกฝนคือวิชาสายวิญญาณ พลังของสายฟ้าสวรรค์มีฤทธิ์ข่มมันอย่างยิ่ง โชคดีที่เขาหลอมมุกบรรพตธาราสำเร็จแล้ว และพลังของอาวุธเวทชุดนี้เหนือกว่าที่เขาคาดคิดไว้มากนัก
แม้มันไม่ใช่อาวุธเวทจำพวกป้องกัน แต่ก็ยังต้านทานการโจมตีของสายฟ้าสวรรค์ได้ติดกันถึงสิบระลอก แสงเรืองรองที่แผ่ออกมาไม่อ่อนแอลงแม้แต่น้อย
ทว่าถึงแม้เป็นเช่นนี้ พลังเวทที่มุกบรรพตธารานี่ผลาญไปก็หนักหนาเกินไปแล้วจริงๆ แม้เคล็ดวิชากระดูกดำในร่างเขาจะเร่งดูดซับปราณหยินเบื้องล่างเข้ามาเต็มกำลัง อีกทั้งเขายังกินโอสถอย่างต่อเนื่อง แต่พลังเวทในร่างเขาก็ยังหายไปแล้วเกินกว่าครึ่ง
แต่เสียงอสนีบาตคำรามบนท้องฟ้ายังดังต่อกันเป็นสาย เห็นชัดว่าด่านเคราะห์สายฟ้าครั้งนี้ยังไม่จบ!
เวลานี้เมฆอสนีบาตสีดำบนท้องนภาหดเล็กลงจนมีขนาดเท่าตึกเท่านั้น หลังจากสายฟ้าสวรรค์ระลอกที่สิบสลายไป ด้านในเมฆอสนีบาตก็เริ่มรวบรวมพลังอีกครั้ง อสรพิษสายฟ้าหนาเส้นแล้วเส้นเล่าเคลื่อนไปมา
เปรี้ยง!
แสงอสนีบาตสว่างจ้ากลางเมฆอสนีบาต สายฟ้าสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นครั้งนี้ไม่ใช่สายฟ้าธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นลูกบอลสายฟ้ายักษ์ขนาดเท่าโม่ลูกแล้วลูกเล่า บนตัวมันนอกจากจะมีแสงอสนีบาตสีม่วงกระจายไปทั่วแล้วยังมีสายฟ้าสีเงินสว่างเส้นเล็กๆ มาด้วย
สายฟ้าสีเงินเหล่านี้แม้จำนวนน้อยนิด แต่ส่องแสงสว่างเจิดจ้าแสบตา
หลิ่วหมิงรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยปกตินัก ความกังวลเล็กน้อยฉับพลันเข้าเกาะกุมจิตใจ
เขากัดฟันชูสองแขนขึ้น เรียกมุกบรรพตธาราออกมาอีกเม็ด
ต่อจากนั้นเขาก็พ่นโลหิตบริสุทธ์จากหัวใจออกมาหลายคำติดกัน แล้วส่งเคล็ดวิชาสิบเอ็ดสายกับโลหิตบริสุทธิ์สายหนึ่งไปยังมุกบรรพตธาราทั้งสิบเอ็ดเม็ด
ฉับพลันทันใดผิวของมุกบรรพตธาราก็เปล่งแสงสว่างจ้า เรียงตัวเป็นค่ายกลอันแปลกประหลาดค่ายกลหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่มุกบรรพตธาราลอยขึ้นด้านบน ไอหมอกสีเหลืองเข้มนับไม่ถ้วนก็ทะลักออกมาอีกครั้ง ยันต์นับไม่ถ้วนปรากฏออกมาแล้วผสานเข้าไปในไอหมอกสีเหลืองเข้ม พวกมันก่อตัวกลายเป็นยอดเขายักษ์ขนาดร้อยกว่าจั้งลูกหนึ่งอีกครั้ง ในเวลาเดียวกับที่ยอดเขาลอยขึ้นมาจากแสงสีเหลืองผืนใหญ่ แม่น้ำใหญ่สีดำขนาดหลายสิบจั้งสายหนึ่งก็ปรากฏออกมาด้วย มันโอบล้อมยอดเขายักษ์ไว้ดุจอสรพิษยักษ์ตัวหนึ่ง
ปัง ปัง ปัง!
เสียงทุ้มต่ำดังติดกันเป็นพรวน ลูกบอลสายฟ้าสีม่วงมากมายร่วงลงมาเร็วปานสายฟ้าแลบ ทันทีที่สัมผัสถูกแสงสีเหลืองที่ยอดเขายักษ์แผ่ออกมา พวกมันก็ระเบิด ฉีกแสงสีเหลืองออกจากกันทันที ลูกบอลสายฟ้าสีม่วงที่ตามมาด้านหลังร่วงลงบนเงาแม่น้ำยาวสีดำที่ล้อมรอบยอดเขายักษ์
ทันใดนั้นแสงสว่างสีม่วง สีเงินกับสีดำสามสีก็ปะปนอยู่ด้วยกัน เสียงระเบิดกึกก้องดังไม่หยุด
ทว่าเงาแม่น้ำสีดำทนอยู่ท่ามกลางสายฟ้าสีม่วงกับสีเงินได้ไม่ถึงสองสามลมหายใจก็พังทลายพร้อมเสียงดังกึกก้อง กลายเป็นปราณสีดำหนาทึบอีกครั้ง
ต่อจากนั้นลูกบอลสายฟ้าสีม่วงที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งก็โปรยปรายลงบนยอดเขายักษ์ดุจสายฝน ยอดเขายักษ์สั่นคลอนอย่างรุนแรงจนร่างกายของหลิ่วหมิงที่อยู่ด้านล่างสั่นสะท้านตามไปด้วย
เขากัดฟัน โถมส่งพลังเวทที่เหลือไม่มากในร่างออกไป
การระเบิดของอสนีบาตสีม่วงปกติในลูกบอลสายฟ้าสีม่วงเหล่านี้ไม่มีผลกับยอดเขายักษ์สีเหลืองเข้มมากนัก แต่สายฟ้าสีเงินที่แทรกอยู่ด้านในกลับมีพลังทำลายล้างรุนแรงยิ่งนักต่อยอดเขาที่มุกบรรพตธาราสร้างขึ้น
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้พลันสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สิบนิ้วที่สองมือดีดไม่หยุด พลังเวทที่เหลือไม่มากในร่างถ่ายเทเข้าไปในมุกบรรพตธาราด้านบนอีกครั้งเพื่อซ่อมแซมเงาภูเขายักษ์
ไม่กี่ลมหายใจหลังจากนั้น ลูกบอลสายฟ้าสีม่วงที่ร่วงลงมาก็ระเบิดสลายไปจนหมด แม้ยอดเขายักษ์จะถูกระเบิดจนทลายไปหลายจั้ง บนผิวก็มีรอยแตกมหึมาอย่างยิ่งหลายรอย ดูแล้วง่อนแง่นใกล้ถล่ม แต่สุดท้ายก็ฝืนต้านเอาไว้ได้
ทว่ายังไม่จบ อสรพิษสายฟ้าสีเงินตัวแล้วตัวเล่าเลื้อยเวียนวนอยู่บนยอดเขาสีเหลืองเข้มไม่หยุด
แม้สายฟ้าสวรรค์สีม่วงจะสลายไปแล้ว แต่สายฟ้าสีเงินไม่ทราบชื่อเหล่านั้นกลับยังไม่สลายไป
อสรพิษสายฟ้าสีเงินเลื้อยไปถึงที่ใด ยอดเขาที่นั่นก็พังทลายลงอย่างง่ายดาย
สีเงิน…นี่คือพลังอสนีบาตอันใด จัดการยากถึงเพียงนี้… หลิ่วหมิงโคจรพลังเวท เร่งเร้าพลังของมุกบรรพตธาราต่อ แต่ก็ยังไม่อาจสลายอสนีบาตสีเงินเหล่านี้ได้
ในตอนนี้เองเมฆอสนีบาตสีดำสนิทบนท้องฟ้าก็เดือดพล่านอีกครั้ง แสงสีเงินสว่างจ้า สายฟ้าสีเงินเรียวเล็กนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอีกหน จำนวนมากกว่าสายฟ้าสีเงินที่แทรกอยู่ในลูกบอลสายฟ้าสีม่วงก่อนหน้านี้เป็นเท่าตัว!
แย่แล้ว! ทั้งหมดล้วนเป็นอสนีบาตสีเงิน! หลิ่วหมิงหน้าถอดสี เขาไม่มีเวลาสนใจพลังเวทที่เสียไป อ้าปากพ่นมุกกลมสีเหลืองเข้มอีกเม็ดหนึ่งออกมาทันที
มุกบรรพตธาราสิบสองเม็ดถูกเขาเรียกออกมาจนหมด พลังเวทในทะเลจิตวิญญาณที่เดิมทีเสียไปเกินกว่าครึ่ง เมื่อมุกบรรพตธาราสองเม็ดสุดท้ายลอยออกมาก็แห้งเหือดจนเห็นก้นอย่างรวดเร็ว
แต่เวลานี้หลิ่วหมิงไม่มีเวลาสนใจสิ่งเหล่านั้น สองมือใช้เคล็ดวิชาอย่างเร็วไว