ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1107 สงครามกับเงาในกระจก (ต้น)
เมื่อมาถึงตอนนี้ ไหนเลยหลิ่วหมิงจะไม่รู้ความเป็นมาที่แท้จริงของอินหลิวอีก!
อินหลิวที่อยู่ตรงหน้าก็คือร่างกลับชาติที่มาเกิดในยมโลกของปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งนิกายปีศาจบนแผ่นดินอวิ๋นชวน แล้วยังเป็นลิ่วยินศิษย์ลับที่หายตัวไปเมื่อนานมาแล้วของนิกายยอดบริสุทธิ์อีกด้วย
การกลับชาติมาเกิดเดิมทีเป็นเรื่องเล่าลืออันเลื่อนลอย แต่เวลานี้หลิ่วหมิงอยู่ในแดนยมโลกซึ่งเป็นสถานที่แห่งการกลับชาติมาเกิดในตำนาน ดังนั้นแม้เขาจะตกตะลึงแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิง
ทว่ายังไม่ทันที่หลิ่วหมิงจะเอ่ยปากถามไถ่ให้กระจ่าง บานกระจกสีเทาเบื้องหน้าอินหลิวก็กระเพื่อม อินหลิว อีกคนหนึ่งปรากฏตัวแล้วก้าวเดินออกมาจากกระจกด้วยใบหน้าเฉยชา ยืนอยู่เบื้องหน้าอินหลิวไม่ไกลนัก
กระจกยักษ์กะพริบวูบวาบสองครั้งก่อนจะเปล่งแสงสว่าง
เงาสะท้อนทั้งสองที่แต่งตัวเหมือนหลิ่วหมิงกับอินหลิวราวกับได้รับสัญญาณบางอย่าง พวกเขาเผยสีหน้าเหี้ยมเกรียมแล้วแยกย้ายกันโถมเข้าใส่หลิ่วหมิงกับอินหลิว
ขณะที่เงาสะท้อนของหลิ่วหมิงลอยอยู่กลางอากาศ แสงสีดำก็ส่องสว่างบนร่าง ร่างกายถูกแสงสีดำข้นชั้นหนึ่งคลุมไว้ จากนั้นฝ่ามือก็ทอแสงสีดำวูบหนึ่ง นิ้วทั้งสิบงอกกรงเล็บคมสีดำยาวครึ่งฉื่อตะปบลงมาที่ศีรษะของหลิ่วหมิงพร้อมกับแสงสีดำสายแล้วสายเล่า
สมาธิเกินกว่าครึ่งของหลิ่วหมิงอยู่กับ ตนเอง ที่อยู่เบื้องหน้าตลอดเวลา เมื่อเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันที เขาสะกิดปลายเท้า ร่างกายขยับวูบเดียวรีบถอยไปด้านหลัง
ร่างกายของเขาเพิ่งจะพุ่งถอย แสงกรงเล็บสีดำรูปจันทร์เสี้ยวห้าสายก็ทะลุผ่านเงาติดตาที่เขาทิ้งไว้
โจมตีครั้งแรกพลาด ดวงตาของ หลิ่วหมิงร่างสีดำ ก็ฉายแววเหี้ยมเกรียม เพลิงมารสีดำอันดุดันสายหนึ่งผุดขึ้นบนร่างในทันใด บนร่างเกิดเสียงระเบิดดังเปรี้ยงปร้าง ก่อนที่ร่างกายจะขยายพรวด อาภรณ์ตัวยาวถูกดันจนฉีกขาด ครึ่งท่อนบนเปิดเปลือย บนผิวมีลวดลายมารสีดำประหลาดสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้น
เงาคนพุ่งหายไป ร่างกายของหลิ่วหมิงปรากฏตัวห่างออกไปหลายสิบจั้ง สีหน้าถมึงทึงดั่งสายน้ำ
หลิ่วหมิงร่างสีดำตรงหน้ากำลังใช้การกลายร่างเป็นปีศาจซึ่งเขาคุ้นเคยดี สองมือกับสองเท้าล้วนมีกรงเล็บคมงอกออกมายาวเฟื้อย อีกทั้งลมปราณยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด พริบตาเดียวบรรลุถึงจุดสูงสุดของระดับแก่นแท้
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ สายตาพลันเย็นชา
พลังหลังจากกลายร่างเป็นปีศาจ เขารู้ดียิ่งกว่าใคร น่าเสียดายที่เขาไม่อาจควบคุมพลังนี้ได้ และยิ่งไม่กล้าเปิดเผยต่อหน้าผู้คน ยามนี้เผชิญหน้ากับตนเองที่กลายร่างเป็นปีศาจ ในใจหวั่นเกรงเพียงใดคิดดูก็รู้
หลิ่วหมิงสูดหายใจลึกยาวเฮือกหนึ่ง มือใช้เคล็ดวิชาอย่างเร็วไว แสงสีเหลืองเข้มสว่างขึ้นเบื้องหน้า เขาเรียกมุกบรรพตธาราสองเม็ดออกมาคุ้มกันด้านหน้ากับด้านหลังเอาไว้
ไอหมอกสีเหลืองเข้มผืนใหญ่ทะลักออกมาจากมุกบรรพตธาราก่อนจะล้อมทั้งร่างของเขาไว้ด้านใน
อีกด้านหนึ่งอินหลิวกับร่างสะท้อนของเขาก็เริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือดเช่นกัน แสงเจิดจ้าสองดวงพุ่งปะทะกัน มองไม่เห็นร่างกายของทั้งสองฝั่ง ได้ยินเพียงเสียงดังสนั่นดุจอสนีบาตคำรามยามพลังเวทปะทะเท่านั้น
หลิ่วหมิงไม่มีเวลาสนใจสถานการณ์ฝั่งอินหลิว แรงกดดันอันน่าหวาดกลัวของหลิ่วหมิงร่างสีดำ หลังจากกลายร่างเป็นปีศาจทำให้เขาไม่มีเวลาสนใจรอบข้างแม้แต่น้อย
ดวงตาของ หลิ่วหมิงร่างปีศาจ เปล่งแสงสีแดงก่อนแหงนหน้าคำรามดุดันใส่ท้องฟ้า เงาเลือนรางสีดำโฉบวูบ อึดใจต่อมาก็หายไปจากสายตาของหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงเปลี่ยนสีหน้าไปทันที ปากท่องมนตร์รวดเร็วยิ่งนักเพื่อบังคับมุกบรรพตธาราสองเม็ดข้างกาย ไอหมอกสีเหลืองเข้มม้วนมารอบร่างก่อตัวเป็นลูกบอลหมอกสีเหลืองเข้มขนาดหนึ่งจั้งกว่าลูกหนึ่งรอบตัวเขา
เขาเพิ่งจะทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ เงาดำก็โผล่มาด้านหลังหลิ่วหมิงร่างปีศาจปรากฏตัวดุจภูตพราย เงานั่นแขนขยับวูบเดียว มือมารสีดำสนิทข้างหนึ่งพลันกลายเป็นเงาเลือนรางสายหนึ่งฟันลงมาประหนึ่งฟันดาบ
ฉึบๆ !
ไอหมอกสีเหลืองเข้มเมื่ออยู่ต่อหน้ามือมารกลับประหนึ่งกระดาษถูกฟันขาดเป็นรูในพริบตา มือมารสีดำกำลังจะฟันเข้าที่ลำคอของหลิ่วหมิง
ในตอนนี้เองแสงสีเหลืองดวงหนึ่งพลันสว่างวาบ มุกกลมสีเหลืองเข้มขนาดหนึ่งฉื่อกว่าลูกหนึ่งโผล่ออกมาจากด้านหลังของหลิ่วหมิง มือมารสีดำตะปบลงบนมุกกลมอย่างหนักหน่วงจนเกิดเสียงโลหะปะทะกันดังลั่น
ชิ้ง!
มุกบรรพตธาราระเบิดแสงสีเหลืองดวงหนึ่งออกมาทำให้หลิ่วหมิงร่างปีศาจกายสะท้าน ทั้งร่างถูกกระแทกปลิวออกไปหลายจั้งแล้วถอยหลังอีกหลายก้าวกว่าจะตั้งหลักได้
หลิ่วหมิงพรูลมหายใจเบาๆ ร่างกายขยับวูบหนึ่งฉวยโอกาสดึงระยะห่างจากหลิ่วหมิงร่างปีศาจ
เขามีความเร็วของวิชาท่าร่างเป็นจุดเด่นมาตลอด แต่สิ่งเหล่านี้เมื่อเทียบกับหลิ่วหมิงร่างปีศาจเขากลับด้อยกว่าอยู่ไม่น้อย แต่นี่เป็นสิ่งที่เขาคาดคิดเอาไว้แล้ว
ต่อจากนั้นหลิ่วหมิงท่องมนตร์อย่างไม่ลังเลสักนิด ไอหมอกสีเหลืองเข้มที่วนเวียนรอบร่างปั่นป่วนอยู่ชั่วพริบตาก่อนแผ่ขยายจากหนึ่งจั้งกว่ากลายเป็นสิบกว่าจั้ง พร้อมกับที่แสงกระบี่สีเทาสายหนึ่งพุ่งพรวดออกมาจากร่างของเขา มันทอแสงวูบหนึ่งก่อนจะกลายเป็นเงากระบี่สีเทามากมายเป็นผืน ล้อมเข้าหาหลิ่วหมิงร่างปีศาจอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ดวงตาของหลิ่วหมิงร่างปีศาจทอแสงสีแดงฉานพลางคำรามเบาๆ เขายกมือขึ้น ทันใดนั้นแสงกระบี่สีดำสายหนึ่งก็พุ่งพรวดออกจากร่าง
หลิ่วหมิงที่อยู่กลางไอหมอกสีเหลืองเข้มเห็นเช่นนี้สีหน้าก็เคร่งเครียดทันที
แสงกระบี่สีดำทอแสงวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นเงากระบี่สีดำผืนหนึ่งพาเสียงกระบี่ดังหวีดหวิวประจันหน้ากับเงากระบี่สีเทาที่รุมล้อมเข้ามา
แสงกระบี่สีเทากับสีดำสองสีโรมรันกันก่อนจะแตกสลายตามกันไป เสียงดั่งอสนีบาตคำรน พลังสูสีทัดเทียม
หลิ่วหมิงสีหน้าแปรเปลี่ยนไปมา แม้จะเลือนราง แต่สิ่งที่อยู่ในเงากระบี่สีดำนั่นก็คือกระบี่วิญญาณมืดแม่ลูก เพียงแต่รัศมีกระบี่มีแสงสีดำคลุมอยู่ชั้นหนึ่งจึงดูต่างออกไปเล็กน้อย
หากเป็นเช่นนี้หมายความว่าค่ายกลอนธการก่อเกิดไม่เพียงสร้างร่างที่คัดลอกระดับพลังและวิชามาทุกอย่าง แม้แต่อาวุธเวทที่ตัวก็เหมือนกันทุกประการด้วย
หลิ่วหมิงคิดถึงตรงนี้ สีหน้าก็ดำทะมึนอย่างสิ้นเชิง
แม้หลิ่วหมิงร่างปีศาจจะท่าทางเกรี้ยวกราด แต่ไม่ได้สูญเสียสติปัญญาไปแม้แต่น้อย เขาโบกมือส่งเคล็ดกระบี่สายหนึ่งออกมา เงากระบี่สีดำที่กระจุกอยู่ด้วยกันเปล่งแสงวูบหนึ่งก่อนจะบินกลับมาประสานเป็นหนึ่งอย่างว่องไว กลายเป็นเงากระบี่สีดำมหึมาขนาดหนึ่งร้อยจั้งเล่มหนึ่งวาดผ่านอากาศลงมาเบาๆ
ทันใดนั้นเงากระบี่สีเทาทั่วท้องฟ้าก็ถูกฟันแหวกเป็นช่องว่างขนาดยักษ์ช่องหนึ่ง
ทันที่ช่องว่างปรากฏ เส้นสีดำเส้นหนึ่งก็พุ่งพรวดออกมาจากในนั้น หลิ่วหมิงร่างปีศาจฉวยโอกาสโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว
หลิ่วหมิงคำรามเบาๆ สองมือถูกันอย่างแรง ทันใดนั้นอสนีบาตสีทองหนาเท่าชามข้าวเส้นหนึ่งก็ผุดออกมาจากกลางฝ่ามือของเขาแล้วฟาดเข้าใส่ศีรษะของหลิ่วหมิงร่างปีศาจ
หลิ่วหมิงร่างปีศาจเปลี่ยนสีหน้าไปทันทีประหนึ่งหวั่นกลัวอสนีบาตสีทองอยู่เล็กน้อย ร่างกายขยับวูบหนึ่งหลบออกไปหนึ่งจั้งกว่าทันที
หลิ่วหมิงแค่นเสียงหยัน เคล็ดวิชาที่มือควบคุมสายฟ้าสีทองเส้นหนาให้เลี้ยวอย่างคาดคิดไม่ถึงแล้วฟาดซ้ำอย่างแรง
ครั้งนี้หลิ่วหมิงร่างปีศาจหลบไม่ทัน บึ๊ม เสียงระเบิดดังสนั่น ร่างกายถูกอสนีบาตสีทองโจมตีจนปราณมารสีดำรอบร่างปั่นป่วนถูกอสนีบาตสีทองฟาดสลายไปกว่าครึ่ง เส้นสายฟ้าสีทองนับไม่ถ้วนวิ่งไปบนร่างของเขา
เสียงครางเจ็บปวดประหนึ่งสัตว์ร้ายดังออกมาจากกลางสายฟ้า!
ใบหน้าของหลิ่วหมิงเผยสีหน้ายินดีจางๆ วิชาสายฟ้าสวรรค์เป็นดาวข่มของปราณมารทั้งมวลอย่างแท้จริง
หลิ่วหมิงรีดเร้นพลังเวททั่วร่างก่อนจะยกแขนขึ้นอีกครั้ง สายฟ้าสีทองหนากว่าเดิมเส้นหนึ่งพุ่งพรวดจากมือเขาแล้วฟาดใส่หลิ่วหมิงร่างปีศาจรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
ในตอนนี้เองร่างของหลิ่วหมิงร่างปีศาจที่ถูกสายฟ้าสีทองหุ้มอยู่ก็มีแสงกระบี่สีม่วงสายหนึ่งพุ่งพรวดออกมาขวางหน้าอสนีบาตสีทองเอาไว้
เปรี้ยง!
แสงกระบี่สีม่วงปล่อยสายฟ้าสีม่วงสายแล้วสายเล่าออกมาขวางวิชาสายฟ้าสวรรค์ไว้ในพริบตา
หลิ่วหมิงร่างปีศาจฉวยช่องว่างเพียงพริบตานี้พุ่งเร็วจี๋ออกจากสายฟ้าสีทองแล้วร่อนลงพื้นห่างไปสิบกว่าจั้ง
ทว่าแม้เป็นเช่นนี้หัวไหล่ข้างซ้ายของเขาก็ยังไหม้เกรียมเป็นแถบ เกือบครึ่งร่างหลุดพ้นจากสภาพปีศาจ
ดูจากลมปราณแล้วเห็นชัดว่าได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
เวลานี้แสงกระบี่สีม่วงเส้นนั้นพุ่งกลับมาวนรอบกายหลิ่วหมิงร่างปีศาจ มันก็คือกระบี่ขู่หลุนนั่นเอง ทว่ากระบี่เล่มนี้รับการโจมตีจากวิชาสายฟ้าสวรรค์ไปอย่างจัง แสงบนตัวกระบี่จึงหม่นหมองไปเล็กน้อย ดูเหมือนพลังจิตวิญญาณจะเสียหายไม่เบา
หลิ่วหมิงดวงตาทอประกายวูบหนึ่ง ร่างกายก็พลันโถมเข้าใส่หลิ่วหมิงร่างปีศาจ ปราณดำรอบร่างพวยพุ่งออกมาบ้าง
ในตอนนี้เองแรงกดดันอันรุนแรงจากกระบี่กลางท้องฟ้าก็กดทับลงมา กระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกของหลิ่วหมิงร่างปีศาจกลายเป็นเงากระบี่ยักษ์สีดำแล้วฟันฉับลงมาที่ศีรษะของหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งเครียดไปวูบหนึ่งก่อนจะหยุดร่างไว้ ปราณสีดำบนร่างเพิ่มทวี จากนั้นเขาพลันเปล่งเสียงตวาดพร้อมกับต่อยกำปั้นที่มีปราณสีดำเวียนวนออกมา หมัดเหมือนช้าแต่ความจริงรวดเร็วยิ่งนัก
เงาหัวพยัคฆ์สีดำขนาดเท่าบ้านตัวหนึ่งร้องคำรามแล้วทะยานออกมาโจมตีเงากระบี่ยักษ์เสียงดังสนั่น
เสียงระเบิดดังสนั่นสะเทือนฟ้า!
เงาหัวพยัคฆ์สีดำระเบิดหายไป เงากระบี่ยักษ์ก็ถูกหนึ่งหมัดกระแทกปลิวออกไปเช่นกัน
หลิ่วหมิงร่างปีศาจได้จังหวะพักหายใจชั่วครู่ ลวดลายมารบนร่างที่สลายไปก็ฟื้นคืนดังเดิม ในเวลาเดียวกันแสงสีดำก็กวาดผ่านบนร่างทำให้ลมปราณอันสับสนสงบลง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็นึกหวั่นใจจึงไม่ไล่โจมตีต่อ แต่สะบัดมือส่งเคล็ดกระบี่สายหนึ่งออกมา เงากระบี่สีเทากลางอากาศเริ่มผสานกลายเป็นกระบี่ยักษ์ร้อยจั้งเล่มหนึ่งลอยอยู่เหนือศีรษะ
ในเวลาเดียวกันนี้มือของเขาก็ตบลงข้างเอว ปราณดำสองก้อนเหาะออกมาจากในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณ เขาเรียกเซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์ออกมา
เวลานี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ตัวเลียนแบบของตนคนนี้ตรงหน้า ไม่เพียงมีระดับพลังและอาวุธเหมือนกับตน แม้แต่ประสบการณ์การต่อสู้ก็ไม่ด้อยกว่าตนสักนิด หากไม่ทุ่มเต็มกำลังคงเอาชนะไม่ได้แน่นอน
ทันทีที่เซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์ปรากฎตัว ปราณดำรอบร่างก็รวมตัวเป็นร่างจริงสำหรับต่อสู้ทันที
ทว่าพริบตาที่หัวบินกับแมงป่องกระดูกปรากฏตัว กระจกยักษ์ในมิติสีเทาก็มีปฏิกิริยาอีกครั้ง ปราณสีเทาไหวกระเพื่อม ทันใดนั้นลำแสงสีเทาสองสายก็พุ่งพรวดออกมาล้อมร่างของแมงป่องกระดูกกับหัวบินเอาไว้
หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
บานกระจกทอแสงสีเทา ทว่าไม่ทราบเพราะเหตุใด บนกระจกจึงไม่ปรากฏเรื่องราวก่อนหน้านี้ของแมงป่องกระดูกกับหัวบิน
แสงสีเทาส่องสว่างวูบหนึ่ง ข้างกายหลิ่วหมิงร่างลวงก็มีอสูรเลี้ยงเพิ่มมาสองตัว เป็นแมงป่องกระดูกกับหัวบิน
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ลอบคร่ำครวญในใจ
เดิมเขาหมายจะเรียกอสูรเลี้ยงทั้งสองตัวออกมาช่วยตนอีกแรง คิดไม่ถึงว่าค่ายกลอนธการก่อเกิดกลับมีผลกับอสูรเลี้ยงด้วย จะให้ช่วยเหลืออันใดคงไม่มีหวังแล้ว
คิดถึงตรงนี้ เขาก็พรูลมหายใจเฮือกหนึ่ง แต่ในใจกลับเยือกเย็นขึ้นอย่างประหลาด
เขางอนิ้วแล้วสะบัด กระบี่ยักษ์สีเทาเหนือศีรษะขยับวูบเดียวหายไปกับอากาศ อึดใจต่อมากลับปรากฏเบื้องหน้าหลิ่วหมิงร่างลวงแล้วฟันลงมาหนึ่งกระบี่อย่างไม่เกรงใจสักนิด
หลิ่วหมิงร่างลวงคำรามเบาๆ แล้วสะบัดมือข้างหนึ่ง กระบี่ยักษ์สีดำที่ลอยอยู่เหนือศีรษะพุ่งเข้าประจันหน้าทันที
กระบี่ยักษ์สีเทากับสีดำสองเล่มปะทะกันดังสนั่นจนน่าตกใจ ทั้งสองฝ่ายยังคงพลังทัดเทียม โรมรันกันอย่างตัดสินแพ้ชนะไม่ได้