ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1170 ศึกตัดสิน (4)
ประมุขหอเป๋ยโต่วที่อยู่ไม่ไกลจากปรมาจารย์มู่คงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ใบหน้าพลันเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมาจางๆ ในมือปรากฏถุงผ้าเจ็ดสีขึ้นตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบก่อนจะโยนมันออกไปกลางท้องฟ้า พร้อมกับที่ปากถ่มยันต์เจ็ดสีตัวหนึ่งจมหายเข้าไปด้านใน
ฟู่!
ลำแสงหลากสีไหลออกมาจากถุงผ้าต่อเนื่องไม่ขาดสายประหนึ่งสายรุ้ง แล้วฟาดลงบนมังกรเพลิงสีดำที่กระจายไปรอบทิศเหล่านั้น
แม้มังกรเพลิงสีดำเหล่านี้จะดุร้ายไม่ธรรมดา แต่เมื่อลำแสงสีรุ้งเหล่านี้พุ่งเข้าชนมันก็แตกสลายทีละน้อยด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
เวลาเพียงสองสามลมหายใจก็มีมังกรเพลิงสีดำเกินครึ่งหนึ่งถูกลำแสงเจ็ดสีโจมตีสลายไป
ทว่าหลังจากมังกรเพลิงสีดำเหล่านี้ร่างสลายกลับไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ ตรงกันข้ามพวกมันกลายเป็นไอหมอกสีดำกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าทยอยม้วนกลับเข้าไปรวมกับพายุหมุนสีดำรอบตัวของหญิงสาวอาภรณ์สีดำ
ยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์คนอื่นเห็นปรมาจารย์มู่คงกับประมุขหอเป๋ยโต่วสองคนร่วมแรงกันกลับทำได้เพียงสู้เสมอกับร่างแยกร่างหนึ่งของราชินีหนอนผีเสื้อเท่านั้นก็ไม่คิดจะอวดเก่งแต่ประการใดอีก ได้แต่อาศัยข้อได้เปรียบเรื่องจำนวนคนมากกว่าสู้สองต่อหนึ่งหรือไม่ก็สามต่อสอง โรมรันกับร่างแยกของราชินีหนอนผีเสื้อสิบกว่าตัว
ลำแสงหลากสีหลายรูปแบบจากอาวุธเวทและรัศมีแสงเจิดจ้ามากมายสว่างวูบวาบถี่รัว ส่งคลื่นพลังเวทที่มองเห็นด้วยตาเปล่าแผ่กระจายออกไปโดยมีพายุหมุนสีดำเหล่านี้เป็นใจกลาง
ระหว่างที่ยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์เหล่านี้ประมือกัน ท้องนภาทั้งหมดพลันมืดหม่น อากาศรอบด้านพร่ามัวจากนั้นบิดเบี้ยวผิดรูป ลมปราณประหนึ่งจะทลายผืนฟ้าถล่มผืนดินชวนให้คนขวัญสะท้านแผ่ออกมาจากด้านใน
ต้องรู้ก่อนว่าเพียงยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์คนหนึ่งยกมือยกเท้าก็ทำให้ขุนเขาหมื่นจั้งถล่ม สายน้ำพันลี้ไหลหวนกลับได้แล้ว นับประสาอะไรกับเมื่อยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์หลายสิบคนต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง!
ยังดีที่การต่อสู้ของยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์เหล่านี้อยู่ตรงตำแหน่งที่ไม่ส่งผลมาถึงผู้คนในสนามรบ นอกจากปรากฏการประหลาดกับแรงสั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินก็ไม่ส่งผลกับสนามรบด้านล่างมากเท่าใดนัก
ทว่าภาพอันอลังการเหล่านี้ทำให้คนตกตะลึงเกินไปแล้วจริงๆ ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ไม่น้อยแม้กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดก็ยังเงยหน้าขึ้นไปมองเป็นระยะอย่างห้ามตนเองไม่ได้ ไม่มีผู้ใดสักคนที่ไม่เผยสีหน้าตะลึงงัน
ระหว่างที่ยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ ระดับดาราพยากรณ์และกองทัพใหญ่ของสองฝ่ายต่อสู้โรมรันกัน ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์เกือบสองร้อยคนตามตำแหน่งต่างๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!
หลิ่วหมิงในตอนนี้มีปราณสีดำหนาทึบล้อมรอบร่าง สีหน้าเยือกเย็น มองไม่เห็นความเคร่งเครียดที่ต้องตกอยู่ท่ามกลางกองทัพแมลงนับล้านแม้แต่น้อย
เขากลายร่างเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งทะลวงซ้ายขวาท่ามกลางทะเลแมลงจำนวนมหาศาล อาศัยกระบี่ขู่หลุนผสานกับวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬสังหารฝ่าเส้นทางสีเลือด พร้อมกับแผ่จิตสัมผัสไปรอบด้าน ความคิดวิ่งเร็วรี่
แม้การต่อสู้ของยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ด้านบนสุดจะรุนแรงยิ่งนักแต่ชั่วครู่ชั่วยามไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะเด็ดขาด
ยอดฝีมือระดับดาราพยากรณ์สองฝั่งที่โรมรันกันอยู่บนท้องฟ้าต่ำลงมา แม้ดูแล้วผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์เหนือกว่าอยู่เล็กน้อย แต่หากอยากจะล้อมสังหารเผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาพรากยารณ์หลายสิบตัวนี้ให้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ย่อมเป็นเรื่องยากเย็นนัก
ส่วนกองทัพใหญ่ด้านล่างสุด มนุษย์กับแมลงปะปนกันจนตอนนี้อธิบายได้เพียงคำเดียวว่าโกลาหล
ผู้ฝึกฝนทั้งหลายจากนิกายยอดบริสุทธิ์รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนบังคับอาวุธจิตวิญญาณ วิชากระบี่หลากหลายรูปแบบไม่หยุดหย่อน การโจมตีทรงพลังที่กินขอบเขตกว้างทำลายกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อได้อย่างน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่ยืนหยัดสู้ได้อย่างมั่นคงที่สุด
กองทัพของหุบเขาปีศาจสวรรค์ใช้ปีศาจโบราณระดับดาราพยากรณ์สี่ตัวเป็นหัวหน้าแบ่งกองทัพออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ หลายกลุ่ม ทว่าแต่ละกลุ่มยังคงรักษาระยะชิดกัน พวกเขาแบ่งกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อที่ประจันหน้าอยู่เป็นหลายส่วนด้วย เนื่องจากปีศาจโบราณระดับกลางและระดับสูงมีความสามารถในการสู้รบมหาศาล กองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อจึงถูกโจมตีจนสับสนวุ่นวาย
แม้เรือรบนภาทมิฬของนิกายเทียนกงจะถูกทำลายไปไม่น้อย แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดศิษย์นิกายเทียนกงเริ่มควบคุมหุ่นรบขนาดต่างกันตัวแล้วตัวเล่าบุกทะลวงท่ามกลางกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้ออย่างน่าตะลึง
เทียบกันแล้วกองทัพของนิกายปีศาจลี้ลับกลับเสียหายไม่น้อย
แม้เริ่มแรกศิษย์ของนิกายปีศาจลี้ลับจะตั้งกระบวนทัพอย่างเป็นระเบียบ แต่ศิษย์เหล่านี้ดุร้ายกระหายเลือดมักไม่ระวังพุ่งออกจากขบวนอยู่เสมอ จนถูกกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อรุมล้อมทันที กลับกลายเป็นว่าตกอยู่ตามลำพังไร้ความช่วยเหลือจนแต่ละคนมีจุดจบถูกเล่นงาน
กลุ่มอำนาจจากนิกายขนาดกลางกับขนาดเล็กรวมถึงตระกูลต่างๆ ที่เหลือ เวลานี้ต่างก็เข้าสู้รบเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายต่างบาดเจ็บล้มตาย เกิดสถานการณ์สู้รบยืดเยื้อขึ้นมาอยู่เลือนราง
นี่ก็คือโอกาสที่ดีที่สุด!
ดวงตาของหลิ่วหมิงฉายแววยินดีอันยากจะสังเกตออกมาเลือนราง ปราณดำรอบร่างพวยพุ่งเตรียมเหาะบุกทะลวงลึกเข้าไปในกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อ
ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็ทอประกายดุดัน แสงสีดำรอบร่างส่องสว่างวูบหนึ่งแล้วหายไปจากที่เดิม
แทบจะพร้อมกับที่เขาหายไป ของเหลวสีเขียวที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าหลายสิบก้อนก็พุ่งพรวดมาจากทั่วทุกสารทิศคลุมตำแหน่งเดิมที่เขาอยู่ไว้ ศพเผ่าหนอนผีเสื้อบนพื้นฉับพลันมีควันสีเทาลอยขึ้นมาแล้วละลายกลายเป็นแอ่งน้ำสีเขียว
ต่อจากนั้นแมลงสีดำกลุ่มหนึ่งก็แห่มาทางนี้จากทั่วทุกสารทิศ ในเวลาเดียวกับที่บนท้องฟ้ามีเสียงปีกกระพือ เผ่าหนอนผีเสื้อจำพวกแมลงมีปีกมากมายโถมลงมาทันที
แล้วยังมีแมลงสีดำที่แผ่ลมปราณระดับแก่นแท้สิบกว่าตัวทะยานเข้ามาจู่โจมที่แห่งนี้ด้วย
หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ไอหมอกสีดำรอบตัวกลายเป็นม่านแสงจางๆ ชั้นหนึ่งบดบังร่างไว้ ต่อจากนั้นมือขวาจึงตบที่หน้าอก เสียงฟู่แผ่วเบาดังขึ้นหลายครั้ง ก่อนที่ชุดเกราะสีเงินจะห่อหุ้มทั่วร่างในพริบตาท่ามกลางม่านแสงสีดำสนิท
เขาไม่สนใจแมลงระดับล่างรอบด้านแม้แต่น้อย ลำแสงสว่างวูบ ทันใดนั้นเขาพลันปรากฏตัวหลังแมลงสีดำระดับแก่นแท้ตัวหนึ่ง แขนซ้ายยื่นออกไป กำปั้นที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างจ้าในพริบตา จากนั้นต่อยออกไปพร้อมกับเสียงพยัคฆ์คำราม
แมลงสีดำตัวนั้นรู้สึกเพียงมีแสงสีเงินสว่างขึ้นวูบหนึ่ง จากนั้นหัวขนาดหนึ่งจั้งก็ส่งเสียงดังปังแล้วกลายเป็นหมอกโลหิตกลุ่มหนึ่ง
ในเวลาเดียวกันแสงสีเงินก็สว่างขึ้นรอบร่างหลิ่วหมิงอีกครั้ง แขนเสื้อยาวสะบัดใส่แมลงระดับล่างรอบด้านจนเกิดเสียงแหวกอากาศดังลั่น
แสงกระบี่สีม่วงหลายสิบสายซัดออกไปประหนึ่งโครงพัด
ทันใดนั้นบริเวณร้อยจั้งนับจากเขาเป็นศูนย์กลางก็เห็นลำแสงกระบี่สีม่วงมากมายถี่ยิบเคลื่อนไหวไม่หยุด
ต่อจากนั้นเสียงเปรี้ยงปร้างก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
แมลงเผ่าหนอนผีเสื้อในบริเวณนั้นรู้สึกเหมือนมีแสงอสนีบาตสีม่วงสว่างวาบขึ้นเบื้องหน้า ทันใดนั้นร่างกายก็กระจัดกระจาย เลือดหลากสีหลั่งรินจากแขนขาที่ขาดด้วน โปรยปรายลงจากฟ้าประหนึ่งสายฝน
สิ่งที่ทำให้คนตกตะลึงยิ่งกว่านั้นก็คือการโจมตีทั้งหมดที่เหล่าแมลงโจมตีใส่หมอกสีดำบนร่างหลิ่วหมิงกลับราวกับถูกกลืนกิน หลังจากควันสีดำลอยขึ้นมาสายหนึ่งก็หายไปไม่มีเหลือ
หลิ่วหมิงฉวยจังหวะที่เกิดสายฝนโลหิตกับกลิ่นคาวคละคลุ้ง ขยับร่างไม่กี่หนก็พุ่งเข้าไปในเขตที่ลึกกว่าเดิมอย่างรดวเร็ว
ฉิวหลงจื่อที่อยู่ไม่ไกลพุ่งทะลวงซ้ายขวาอยู่ท่ามกลางกลุ่มแมลงบินได้สีเขียวกลุ่มหนึ่ง กระบี่ยาวหน้าตาโบราณเปล่งแสงสีทองอ่อนเล่มหนึ่งพาคลื่นลมปราณร้อนระอุสร้างม่านกระบี่ที่ทำให้คนตาพร่าลายผืนแล้วผืนเล่า
เมื่อการโจมตีรอบด้านตกต้องบนม่านกระบี่สีทอง ทันใดนั้นพวกมันก็ส่งเสียงดังชี่ครั้งหนึ่งแล้วกลายเป็นควันสีเทาสายหนึ่งหายไปราวกับระเหย
ฝูงแมลงบินได้สีเขียวที่อยู่ในระยะการโจมตีของม่านกระบี่สีทองไร้ทางถอย เพียงพริบตาก็ถูกฟาดฟันกลายเป็นชิ้นๆ ท่ามกลางแสงกระบี่ที่ส่งเสียงครวญคราง จากนั้นร่วงหล่นจากท้องฟ้า ส่งกลิ่นไหม้อบอวล
ต่อมาแสงกระบี่ก็ไหววูบกลายอากาศแล้วกลายเป็นกระบี่บินสีทองอ่อนที่บางประหนึ่งปีกจั๊กจั่นเล่มหนึ่งอีกครั้ง ร่างกายของฉิวหลงจื่อเลือนหายวูบเดียวก็มายืนบนกระบี่ยาว แล้วพุ่งเร็วจี๋เข้าไปยังกลุ่มแมลงแน่นขนัดอีกกลุ่มหนึ่ง
อีกด้านหนึ่งบุรุษวัยกลางคนผู้สวมชุดบัณฑิตสีขาวจากสำนักเฮ่าหรานคนหนึ่งร่ายรำพู่กันตุลาการคู่หนึ่งอย่างดุดัน เส้นไหมสีครามเรียวเล็กเท่าเส้นผมสายแล้วสายเล่าพุ่งออกจากปลายพู่กันจนเหมือนตาข่ายยักษ์ผืนหนึ่ง มันรวบลงไปแล้วกระชากทำให้แมลงระดับล่างไม่น้อยร่างกายแยกเป็นชิ้นๆ ตายในบัดดล
ตอนที่เขากระหยิ่มยิ้มย่องคิดจะเข้าไปลึกอีก เหนือศีรษะก็ได้ยินเสียง ฉึก หนามแหลมเหล็กสีแดงนับร้อยพุ่งลงมาจากร่างของแมลงมีปีกหลายตัวที่เพิ่งปรากฏกาย
เสียงกรีดร้องดังขึ้น!
แม้บัณฑิตวัยกลางคนจะรีบเรียกอาวุธจิตวิญญาณหลายชิ้นมาปกป้องตนเองอย่างลนลาน แต่หนามแหลมแน่นขนัดอันคมกริบหาใดเปรียบก็ใช้เวลาเพียงหนึ่งลมหายใจทะลวงผ่านอาวุธเวทเข้ามา แม้แต่ดวงวิญญาณของเขาก็หนีไม่รอด
ภาพที่คล้ายกันนี้เกิดซ้ำไม่หยุดท่ามกลางการต่อสู้จุดอื่น
ผู้ฝึกฝนที่ได้รับภารกิจวางยาพิษราวสองร้อยคน เริ่มมุ่งลึกเข้าไปในกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้ออย่างว่องไวพร้อมกันโดยไม่ได้นัด
ศิษย์หัวกะทิระดับแก่นแท้ที่ถูกพันธมิตรเลือกมาเหล่านี้ต่างงัดฝีไม้ลายมือของตนเองออกมา อาวุธจิตวิญญาณและอาวุธเวทนานาชนิดรวมถึงวิชาที่ยามปกติยากจะเผยให้เห็นสร้างลำแสงและปราณกระบี่หลากรูปแบบละลานตา เสียงท่องมนตร์ต่างๆ นานาดังลอยไปกับสายลม
แมลงระดับล่างที่ขวางหน้าศิษย์เหล่านี้อยู่ทยอยกลายเป็นฝนโลหิตพ่ายแพ้ไม่เป็นกระบวน ไม่อาจขัดขวางได้สักนิด แม้มีแมลงระดับแก่นแท้ที่ค่อนข้างร้ายกาจอยู่หลายตัว แต่ส่วนใหญ่ก็ถูกผู้ฝึกฝนมนุษย์หลายคนสังหารปานสายฟ้าแลบ
แต่กองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อจำนวนมากมายมหาศาลเกินไป จึงยังมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้เป็นระยะ!
เวลาชั่วหนึ่งมื้ออาหารผ่านไป
หลังจากเสียกำลังคนไปไม่น้อย ผู้ฝึกฝนเกือบร้อยกว่ารวมถึงหลิ่วหมิงกับฉิวหลงจื่อก็พาร่างกายที่ชโลมด้วยโลหิตฝ่าเข้ามาลึกหลายสิบลี้ในกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อได้ในที่สุด
ลึกเข้าไปในกองทัพแมลง สถานการณ์ย่อมอันตรายยิ่งกว่าเดิม แสงจิตวิญญาณและลมปราณนานาชนิดสาดออกไปรอบด้าน เสียงระเบิดหลากหลายรูปแบบดังขึ้นไม่ขาดหู
หลิ่วหมิงเพ่งสายตามองไปยังตำแหน่งหนึ่งแล้วเลิกคิ้ว มือขวาพลิกหงาย กลางฝ่ามือปรากฏน้ำเต้าสีหมึกขนาดเท่าฝ่ามือขวดหนึ่งอย่างเงียบเชียบ มันก็คือยาพิษที่หุบเขาเสินหนงปรุงออกมากำจัดเผ่าหนอนผีเสื้อนั่นเอง
ฉิวหลงจื่อที่อยู่ไม่ไกลดวงตาฉายแววเหี้ยมเกรียบวูบหนึ่ง กระบี่สีทองในมือเปล่งแสงจ้ายิ่งกว่าเดิม พริบตาเดียวสังหารแมลงฝูงหนึ่งเป็นชิ้นๆ อวัยวะที่ขาดด้วนหลายส่วนที่ยังมีโลหิตสีดำหลั่งรินร่วงเกลื่อนพื้น หลังจากนั้นมือข้างหนึ่งพลันตบข้างเอวหยิบน้ำเต้าสีหมึกหน้าตาแบบเดียวกันขึ้นมาบ้างเขาแสยะยิ้ม ร่างกายขยับไม่กี่หนก็พุ่งพรวดไปยังบริเวณอื่น
หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งขรึมลูบปากน้ำเต้าแผ่วเบา เสียงชี่ดังขึ้นสองสามครั้ง ของเหลวสีเขียวก็พุ่งออกจากน้ำเต้าแล้วสาดไปรอบด้านไม่ขาดสาย
ต่อจากนั้นเงาร่างของเขาก็สั่นไหววูบหนึ่งกลายเป็นลำแสงสีดำเส้นหนึ่งมุดซ้ายมุดขวาท่ามกลางหมู่แมลง
ยาพิษโปรายปรายตามหลังหลิ่วหมิงเป็นม่านสายฝนหนาหลายจั้ง ชั่วเวลาไม่กี่ลมหายใจก็ปกคลุมแมลงเผ่าหนอนผีเสื้อที่อยู่บริเวณโดยรอบ
เวลานี้ฉิวหลงจื่อกับผู้ฝึกฝนร้อยว่าคนที่เหลือต่างเลิกพยายามฝ่าไปข้างหน้า คนส่วนใหญ่เรียกน้ำเต้าสีหมึกหน้าตาแบบเดียวกันออกมาแล้วเริ่มโปรยของเหลวสีเขียวไปทั่ว
ชั่วเวลานั้นแสงสีเขียวส่องสว่างขึ้นรอบด้าน หยาดฝนเข้มข้นสีเขียวส่งกลิ่นแปลกประหลาด โปรยทั่วครึ่งหนึ่งของท้องฟ้าประหนึ่งฝนห่าใหญ่ตกลงมา
แมลงระดับล่างเหล่านั้นสัมผัสเพียงนิดเดียว ร่างกายก็ชักกระตุกในทันที หลังจากดิ้นรนอย่างทุกข์ทรมานไม่กี่ครั้งก็พากันสิ้นชีวิต
ส่วนแมลงระดับแก่นแท้ที่เป็นหัวหน้าเหล่านั้นหลังจากสัมผัสยาพิษเหล่านี้ แม้สีหน้าเผยความทรมาน ความเร็วของการเคลื่อนไหวได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ล้มลงสิ้นใจในทันที