ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 815
ตอนที่ 815 ศึกกับชวีเหยา (ปลาย)
จากนั้นแสงเรืองรองสีขาวสายแล้วสายเล่าก็พุ่งออกมาจากด้านในตามที่ธงคำสั่งโบกสะบัด มันโต้ลมกลายเป็นมังกรสายลมยักษ์ยาวยี่สิบกว่าจั้งสิบกว่าตัว โถมเข้าหาไอหมอกสีเทาดุจดั่งคลื่น ประหนึ่งหมายจะโจมตีไอหมอกสีเทาให้พังทลาย
ชายหนุ่มรถเงินเห็นเช่นนี้ก็เอี้ยวศีรษะมองรังไหมเนื้อที่มีขนาดถึงสิบจั้งแล้วเหล่านั้น จากนั้นกัดฟันเก็บปีกจักรกลสามคู่ด้านหลังร่างไป เคล็ดวิชาที่มือเปลี่ยนอีกหน สองแขนของชุดเกราะจักรกลเปลี่ยนรูปพักหนึ่ง ทันใดนั้นก็กลายเป็นกระบอกกลมสีทองอันแล้วอันเล่า
บนแขนซ้ายขวาแต่ละข้างมีมากถึงสามแท่ง ดูแล้วค่อนข้างคล้ายกับกระบอกกลมสีแดงฉานบนสองแขนชุดเกราะจักรกลของเผิงเยวี่ย เพียงแต่ดูเล็กกว่าไม่น้อยทว่าประณีตกว่า ด้านบนมีลวดลายจิตวิญญาณสีเงินอ่อนวงแล้ววงเล่าเห็นได้ชัดเจน
เสียงทุ้มต่ำดังออกมาคล้ายกระสุนปืนใหญ่ยิงรัว!
เปลวเพลิงสีทองที่มีปราณร้อนระอุแผ่ออกมาก้อนแล้วก้อนเล่าพุ่งออกมาจากในกระบอกกลมทั้งหกอย่างบ้าคลั่ง มากมายถี่ยิบจนเชื่อมกันเป็นเส้นสีทองสองเส้น พุ่งเข้าใส่ลูกบอลหมอกสีเทาตรงกลางอย่างบ้าคลั่งต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ส่วนหลัวเทียนเฉิงยกมือขึ้นอีกครั้ง เคล็ดวิชาสายหนึ่งตามต่ออีกสายหนึ่งพุ่งเข้าสู่โคมทองแดงโบราณในฝ่ามือ ปล่อยเปลวเพลิงสีเงินแถบใหญ่โถมเข้าใส่ทะเลหมอกเบื้องหน้า
กระบี่ยาวสีทองในมือหลิ่วหมิงสั่นวูบหนึ่ง เงากระบี่มากมายแหวกอากาศออกไปเช่นกัน
ภาพที่น่าตะลึงปรากฏขึ้นแล้ว
ลูกบอลหมอกสีเทามหึมากำลังถูกมังกรวายุยักษ์สิบกว่าตัว เงากระบี่ ลูกบอลเพลิงรวมถึงเปลวเพลิงสีเงินจากโคมไฟทองแดงระเบิดอย่างต่อเนื่อง ผิวหน้าปรากฏรอยยุบตื้นลึกไม่เท่ากัน แต่ไม่ว่าการโจมตีอันใด หลังหยุดลง ร่องรอยที่เกิดจากการโจมตีก่อนหน้าล้วนสมานกลับคืนอย่างเร็วไวประหนึ่งลูกบอลหนัง
สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินอยู่เพียงเจ็ดแปดลมหายใจ ไม่รู้ว่าเพราะผลาญพลังเวทหนักเกินไปหรือค้นพบเงื่อนงำอันใด ชายหนุ่มรถเงินจึงเก็บสองแขนลงหยุดโจมตีก่อนแล้วเอ่ยอย่างเร็วไวว่า
“วิธีปกติคงไม่ได้ผล ใยไหมพวกนี้มีหมอกสีเทาประหลาดเหล่านี้เสริมพลัง การโจมตีธรรมดากับวิชาธาตุลมไฟไม่ได้ผลอย่างสิ้นเชิง”
“นี่ยังต้องให้เจ้าบอกหรือ!”
บุรุษผมม่วงแค่นเสียงหยัน หยุดเคล็ดวิชาที่มือพร้อมกับเก็บธงคำสั่งสีขาวไป
หลัวเทียนเฉิงเห็นเช่นนี้ใบหน้าอึมครึมหยุดกระตุ้นโคมทองแดงโบราณในมือ
ในเมื่อได้ผลไม่มาก ทั้งสามคนย่อมไม่ยินดีสิ้นเปลืองพลังเวทไปเปล่าๆ
ขณะที่ทั้งสามคนทยอยหยุดลงมือโจมตีนั้น หลิ่วหมิงด้านข้างกลับหรี่ตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อยมองลูกบอลหมอกอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นเขาก็เลิกสองคิ้วขึ้นจากนั้นพุ่งเร็วรี่ออกมา หลังพร่าเลือนวูบหนึ่งระหว่างทางก็หายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย
ในเวลาเดียวกันในหูพวกหลัวเทียนเฉิงสามคนก็มีเสียงกระแสจิตแผ่วเบาของหลิ่วหมิงดังขึ้น
“ทุกท่านรอก่อนสักประเดี๋ยว ให้ข้าลองดูสักหน่อยว่าจะสะบั้นสิ่งนี้เพียงลำพังได้หรือไม่!”
ตอนที่ทั้งสามคนเผยสีหน้าตกตะลึงออกมานั้น ท้องฟ้าเหนือลูกบอลหมอกสีเทาฉับพลันเกิดคลื่นสั่นสะเทือน เงาคนขยับไหววูบหนึ่ง หลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวออกมากลางอากาศ
เวลานี้ตัวเขาลอยอยู่กลางอากาศ มือข้างหนึ่งทำท่าเคล็ดวิชา แสงสีเงินส่องสว่างออกมาจากแผ่นหลัง ปีกเนื้อสีเงินขนาดหนึ่งจั้งกว่าคู่หนึ่งงอกออกมา ส่วนในมือประกายวารีสีดำกะพริบวูบวาบ มือซ้ายขวากำมุกพลังวารีไว้สองลูก
มุกกลมสองลูกผิวหน้ามีหมอกน้ำหนาไหลวนไม่หยุด เสียงน้ำไหลซ่าดังออกมาเลือนราง
หลิ่วหมิงสะบัดข้อมือ มุกพลังวารีสองลูกพร่าเลือนวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นลำแสงสีดำสองสายผสานเข้าไปในปีกเนื้อซ้ายขวา
เสียง “ฟู่” ดังขึ้นสองหน!
ปีกเนื้อสีเงินกระพือเพียงเบาๆ บนผิวหน้าก็ปรากฏลวดลายจิตวิญญาณสีดำสนิทเส้นแล้วเส้นเล่าออกมาในทันใด บริเวณหนึ่งจั้งกว่ารอบร่างพลันมีหมอกน้ำสีดำก้อนแล้วก้อนเล่าแผ่เต็ม พร้อมกันนั้นแสงสีฟ้าจุดแล้วจุดเล่าด้านในก็ส่องประกายไม่หยุด เริ่มส่งเสียงเปรี้ยงประหนึ่งอสนีบาตคำรนออกมา
นี่คือวิชาลับที่ผสานระหว่างเกราะอสูรที่ได้มาจากปีศาจสมุทรแปดขากับมุกพลังวารี เป็นวิชาลี้ลับที่เขาบรรลุระหว่างที่ฝึกฝนไม่หยุดอยู่ในภาพมายาหลายปีนี้ เพิ่งเคยใช้ในโลกแห่งความจริงเป็นครั้งแรก
เวลานี้กระบี่ว่างเปล่าในมือของหลิ่วหมิงตั้งขวาง ริมฝีปากขยับขมุบขมิบท่องมนตร์ออกมา พลังเวททั่วร่างกรอกเข้าไปในกระบี่บิน พร้อมกันนั้นปีกสองข้างบนแผ่นหลังก็ส่งเสียงดังอื้ออึ้งกระพือเร็วขึ้นทุกที จนตาเปล่าแทบมองเห็นได้ไม่ชัด
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง กระบี่ว่างเปล่าพุ่งขึ้นฟ้าจากนั้นสั่นไหวโต้ลมกลายเป็นเงากระบี่สีทองขมุกขมัวยาวสิบกว่าจั้ง
เงากระบี่นี้หมุนติ้วสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าเพียงรอบเดียว หมอกน้ำสีดำเบื้องล่างก็ส่งเสียงคำราม กลายเป็นเสาน้ำสีดำหลายต้นพุ่งขึ้นฟ้าในทันใด หลังเสียงแผ่วเบาดังขึ้นพักหนึ่ง ทั้งหมดก็ส่องสว่างจมหายลงไปในเงากระบี่ยักษ์
เงากระบี่สีทองขมุกขมัวขยายขึ้นหลายเท่ากลายเป็นดาบยักษ์ค้ำฟ้าขนาดมหึมาเจ็ดแปดสิบจั้งในพริบตา ทั้งยังค่อยๆ ก่อตัวประหนึ่งของจริง จิตกระบี่แข็งแกร่งที่แผ่ออกมาน่าหวาดกลัวอย่างที่สุด
ไม่ว่าหลัวเทียนเฉิง บุรุษผมม่วงหรือชายหนุ่มรถเงิน หลังถูกปราณของจิตกระบี่นี้ซัดผ่านไปก็ทยอยหน้าถอดสี ถอยหลังดัง “ตึงๆ” ไปด้านหลังหลายก้าวพร้อมกันโดยไม่ได้นัด
“สะบั้น”
หลิ่วหมิงตวาดเสียงดังออกมา มือข้างหนึ่งชี้ขึ้นท้องฟ้าสูง
เงากระบี่ค้ำฟ้าส่งเสียงดัง “ฟึบ” ร่วงลงมาจากท้องฟ้าสูง จุดที่ผ่าน อากาศฉับพลันบิดเบี้ยวพร่าเลือนทั้งยังส่งเสียงปริแตกดังครืดคราดออกมา
ในเวลาเดียวกันลึกเข้าไปในลูกบอลหมอกสีเทาเสียงกรีดร้องแหลมแสบแก้วหูของชวีเหยาก็ดังออกมา มันไม่เพียงขดร่างกายตนเองม้วนกลายเป็นลูกบอลเนื้อยักษ์ก้อนหนึ่ง ด้านนอกที่เดิมทีเป็นไอหมอกเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดยี่สิบกว่าจั้งยิ่งถาโถมบีบอัดสุดชีวิตอีกหน หดเล็กลงมาเกือบครึ่งทำให้แลดูหนายิ่งกว่าเดิม
เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินสายหนึ่งดังขึ้นมา
เงากระบี่ค้ำฟ้าฟันลงบนลูกบอลหมอกอย่างรุนแรง แสงรัศมีแสบตาระเบิดออกมาประหนึ่งดวงตะวันร้อนแรงสีทองดวงหนึ่ง ระเบิดระหว่างกลางทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว คลื่นสั่นสะเทือนรุนแรงวงแล้ววงเล่าซัดไปรอบด้าน
เสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง หลังเงากระบี่มหึมาน่าหวาดกลัวฟันลงมาทีหนึ่ง ในที่สุดลูกบอลหมอกก็แหวกออก มันฟันลงบนลูกบอลเนื้อด้านในอย่างรุนแรง ทีเดียวจมลึกลงไปหนึ่งฉื่อกว่า ทว่าแปลกตรงที่ไม่มีเลือดไหลออกมาแม้เต่น้อย
จากนั้นบนผิวของลูกบอลเนื้อก็พลันสั่นไหวเป็นระลอกคลื่นชั้นหนึ่ง หลังเงากระบี่ค้ำฟ้ากะพริบสว่างจ้าไม่กี่หนก็ถูกลูกบอลเนื้อบีบออกมาช้าๆ ทีละชุ่นๆ
กายเนื้อของตัวชวีเหยาแข็งแกร่งเช่นนี้เชียว กระทั่งการฟันอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ก็ไม่อาจสะบั้นร่างกายมันอย่างสมบูรณ์ได้
ทว่าหลิ่วหมิงที่อยู่สูงขึ้นไปบนฟ้า คล้ายกับคาดการณ์เช่นนี้ไว้ก่อนแล้ว เขาไม่พูดพร่ำสิบนิ้วดีดทีหนึ่ง เคล็ดวิชาหลากสีสันก็พุ่งเร็วรี่ออกมาต่อเนื่องเป็นสาย พวกมันกะพริบทีหนึ่งก็จมหายลงไปในเงากระบี่ค้ำฟ้าทั้งหมด
เสียงแผ่วเบาสายหนึ่งฉับพลันดังออกมาจากในเงากระบี่ วงแหวนแสงสีขาวน้ำนมวงหนึ่งระเบิดออกมา หลังหมุนติ้วรอบหนึ่งก็กลายเป็นเส้นแสงแวววาวสีขาวนับไม่ถ้วยทยอยโฉบจมลงไปในลูกบอลเนื้อ
“ไม่”
เสียงกรีดร้องของชวีเหยาดังออกมาจากในลูกบอลเนื้อ เงากระบี่ที่เดิมทีถูกบีบออกมาฉับพลันจมลึกลงไปฟันลูกบอลเนื้อจนขาด
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง ลูกบอลเนื้อครึ่งหนึ่งในนั้นพร่าเลือนวูบหนึ่งก็หายไปใต้เงากระบี่ในพริบตา
ขณะที่ลูกบอลเนื้ออีกครึ่งหนึ่งขยับไหวหมายจะหนีไป ทันใดนั้นมันก็ถูกหมอกน้ำที่ถาโถมออกมาจากในเงากระบี่รัดกะทันหัน จากนั้นเมื่อเส้นแสงแวววาวนับไม่ถ้วนพุ่งโฉบผ่าน มันก็กลายเป็นเนื้อแหลกเละกองหนึ่งร่วงหล่นลงไป
เสียง “ปัง” ดังขึ้นหนึ่งหน อากาศเกือบสิบกว่าจั้งรอบด้านสั่นสะเทือน ชวีเหยาที่เหลือร่างกายเพียงครึ่งท่อนบนปรากฏตัวออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้ายากจะเชื่อ
แม้สัตว์ประหลาดตัวนี้จะมีพลังน่าตกตะลึง แต่ก่อนหน้านี้มันสู้กับพวกหลัวเทียนเฉิงจนวิชาอันร้ายกาจส่วนใหญ่ถูกทำลายแล้ว ตอนนี้การป้องกันอันแข็งแกร่งที่พึ่งพาได้ที่สุดก็ถูกหลิ่วหมิงสะบั้นเปิด ในใจตระหนกและโกรธเกรี้ยวเพียงไรคิดดูก็รู้
ทว่าเวลานี้เองเงากระบี่ค้ำฟ้าก็พร่าเลือนวูบหนึ่งกลายเป็นแสงสีทองจุดแล้วจุดเล่าพังทลายสลายไป กลายเป็นกระบี่บินสีทองเล่มหนึ่งพุ่งเร็วรี่กลับไปอีกครั้ง
หลิ่วหมิงคว้ากระบี่ว่างเปล่ายาวสองฉื่อกว่ามาไว้ในมือ แล้วแหงนศีรษะมองชวีเหยาที่บาดเจ็บหนักจากนั้นเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมานิ่งๆ
“สหายทุกท่านยังรออันใด เวลานี้ไม่โจมตีจะรอเวลาใดเล่า?”
พวกบุรุษผมม่วงมองดูจนตาโตอ้าปากค้างไปนานแล้ว หลังได้ยินคำพูดนี้ของหลิ่วหมิงถึงทยอยได้สติกลับมา
“ดีมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังมีพลังเช่นนี้! หากเป็นเช่นนี้ ปีศาจร้ายตัวนี้ก็กำจัดได้แล้ว” บุรุษผมม่วงหัวเราะบ้าคลั่งทีหนึ่ง เสียงบึ๊มก็ดังออกมาจากแผ่นหลัง เงาผียักษ์ผุดออกมาอีกหน มันร้องคำรามพุ่งเข้าใส่ชวีเหยา
หลังชายหนุ่มรถเงินยิ้มเจื่อนทีหนึ่ง สองแขนก็สั่นอีกครั้ง กระบอกกลมสีทองหกแท่งฉับพลันเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า ดวงไฟสีทองมืดฟ้ามัวดินพุ่งเร็วรี่อออกมา
หลังหลัวเทียนเฉิงใบหน้าอึมครึมพักหนึ่งก็แค่นเสียงหยันยกมือข้างหนึ่งขึ้น โคมไฟทองแดงโบราณในมือเปล่งแสงสีเงินสว่างจ้า เปลวเพลิงสีเงินแถบใหญ่โถมซัดออกมา
ครั้งนี้หลังชวีเหยาบาดเจ็บหนัก มันกลับไม่กล้าฝืนรับการโจมตีพร้อมกันของคนทั้งสามได้อีกแล้ว มันส่งเสียงคำรามเบาๆ ทีหนึ่งแล้วพ่นไอหมอกสีขาวขโมงออกมาจากบาดแผลข้างล่างอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แล้วม้วนตัวทีหนึ่ง กลายเป็นทะเลหมอกขนาดหนึ่งหมู่กว่าล้อมตนเองไว้ข้างใน ร่างกายพร่าเลือนวูบหนึ่งก็เร้นกายหายไปอีกหน
เมื่อการโจมตีทั้งหมดร่วงลงในทะเลหมอกสีขาวปุบก็ทะลวงผ่านไปทันทีประหนึ่งด้านในว่างเปล่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสักนิด
สถานการณ์ประหลาดเช่นนี้ทำให้พวกหลัวเทียนเฉิงขมวดคิ้ว แต่ไม่ทันที่พวกเขาจะเปลี่ยนวิธีโจมตี เสียง “ฟู่” ก็ดังขึ้น เงาดำร่างหนึ่งโฉบจมลงไปในทะเลหมอกทันที หลิ่วหมิงนั่นเองที่กระพือปีกพุ่งเข้าไปข้างใน
เขาเข้ามาในทะเลหมอกปุบ ปีกเนื้อคู่หนึ่งบนแผ่นหลังก็กระพือเร็วไว กระแสน้ำรอบร่างกระเพื่อมซัดรุนแรง กลายเป็นหมอกน้ำสีดำวงแล้ววงเล่าแผ่ขยายไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว ทยอยจมลงไปในไอหมอกสีขาว
ในทะเลหมอกสีขาว ชวีเหยาที่กำลังพยายามกระตุ้นพลังเวทรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองสุดชีวิต ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงพลังธาตุน้ำเข้มข้นอย่างที่สุดสายหนึ่งพุ่งโจมตีมา จุดที่พุ่งผ่าน ไอหมอกสีขาวซัดโถมรุนแรง พริบตากลายเป็นสีขาวกับดำผสมปนกัน
ชวีเหยาตกตะลึง ร่างกายขยับคิดจะบินหนีไปอีกหน ทว่าทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่าไอหมอกสีดำขาวสองสีที่ผสมกันล้อมอยู่รอบร่างกลับหนักอึ้งอย่างยิ่งในพริบตา ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวก็เชื่องช้าลงหลายส่วน
เวลานี้เองหลิ่วหมิงที่อยู่ในทะเลหมอกเหมือนกัน มือข้างหนึ่งก็ทำท่าเคล็ดวิชา แสงสีฟ้าจุดแล้วจุดเล่าที่เดิมทีอยู่ในไอหมอกสีขาวดำหนาทึบระเบิดออก ทะเลหมอกทั้งแถบถูกซัดกระเพื่อมกระจายออกไปไม่เหลือในทันใด
ร่างกายชวีเหยาเผยออกมาในสายตาพวกบุรุษผมม่วงใหม่อีกครั้งในทันที
ครั้งนี้ไม่ต้องให้หลิ่วหมิงพูดอะไร การโจมตีของพวกบุรุษผมม่วงกับหลัวเทียนเฉิงก็รุมเข้ามาประหนึ่งพายุฝนในทันใด เงาผี เพลิงสีเงิน แสงสีทองพริบตาส่งเสียงดังกึกก้องมาถึง
ชวีเหยาทำเพียงกรีดร้องแหลมอีกครั้งแล้วอ้าปากพ่นใยไหมมากมายออกมาอีกหน พร้อมกันนั้นลวดลายจิตวิญญาณรอบร่างก็กะพริบขยับเคลื่อนไหว ผิวด้านนอกเปล่งแสงรัศมีสีน้ำเงินอ่อนชั้นหนึ่ง จากนั้นหนังชั้นนอกสีน้ำเงินคล้ายศิลาแถบแล้วแถบเล่าก็ปรากฏขึ้นในทันใด
เสียงระเบิดดังลั่น!
กรงเล็บคมของเงาผีประดุจดาบแหลมคมฉีกกระชากใยไหมเหล่านั้นขาดดื้อๆ จากนั้นวาดผ่านส่วนหัวของชวีเหยา ส่งเสียงดัง “เคล้ง” ออกมา
หนังชั้นนอกสีน้ำเงินเหล่านี้ถูกกรีดเป็นรอยกรงเล็บเส้นแล้วเส้นเล่าทันที
ลูกไฟสีทองร่วงลงมาดังเปรี้ยงตามมาติดๆ หนังชั้นนอกสีน้ำเงินสั่นสะเทือนวูบหนึ่งแล้วเริ่มปริร้าวพังทลาย
ตามติดมาด้วยเสียงบึ๊มดังสนั่นสายหนึ่ง เปลวเพลิงสีเงินโจมตีลงบนส่วนหัวของชวีเหยา สัมผัสถูกเพียงนิดเดียวเสียงเปรี๊ยะประหลาดก็ดังออกมา!