ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 929 สังหารหลงเซวียน
“พี่หลิ่ว พวกเราถูกมนุษย์ปีศาจกับนิกายปีศาจลี้ลับซุ่มโจมตี ยามนี้ศิษย์พี่จินกำลังสู้กับมนุษย์ปีศาจเหล่านั้นเพื่อปกป้องพวกเราให้หนีมา!” ยังไม่ทันไปถึงตัว โอวหยางเชี่ยนก็ส่งกระแสจิตบอกหลิ่วหมิงแต่ไกล
“นิกายปีศาจลี้ลับ? มนุษย์ปีศาจ? เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นหรือ พวกเจ้าล้วนบาดเจ็บ ให้ข้าจัดการคนชั่วผู้นี้ก่อนค่อยว่ากัน” หลิ่วหมิงกวาดสายตาผ่านร่างของสตรีทั้งสองนางแล้วมองไปยังเพลิงมารสีเขียวที่ไม่มีทีท่าจะหยุดสักนิดเบื้องหลังจากนั้นจึงเอ่ยอย่างฉับไว เขาโฉบวูบผ่านด้านข้างแสงสีม่วง พุ่งประจันหน้าเข้าหาหลงเซวียนที่อยู่ด้านหลังทันที
“หลิ่วหมิง? คิดไม่ถึงว่ามนุษย์ปีศาจผู้นั้นจะไม่ได้จัดการเจ้า! แต่ก็ดี ข้าจะจัดการเจ้าเอง!”
การปรากฏตัวกะทันหันของหลิ่วหมิงทำให้หลงเซวียนที่อยู่กลางเพลิงมารหัวเราะเสียงประหลาดด้วยสีหน้าตื่นเต้นยินดี
หลิ่วหมิงย่อมอยากถกเรื่องเก่ากับหลงเซวียนอยู่แล้ว เขาสีหน้าเคร่งขรึม ปราณดำทั่วร่างพลุ่งพล่านออกมา เสียงมังกรกู่ร้องดังออกมาพร้อมกัน!
เขาสะบัดสองแขน ไอหมอกสีดำทั่วร่างปั่นป่วน มังกรหมอกสีดำยาวยี่สิบกว่าจั้งห้าตัวพุ่งจากแผ่นหลังขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังจากพวกมันบินวนรอบหนึ่งก็พากันสะบัดหัวสะบัดหางบินโถมเข้าใส่หลงเซวียน
“ทลาย!”
หลงเซวียนคำรามดังลั่นครั้งหนึ่งจากนั้นสองแขนก็ประกบเข้าหากันยื่นไปด้านหน้า เพลิงสีเขียวสองสายซัดสาดออกมาก่อตัวเป็นงูใหญ่ประหลาดสีเขียวยาวสามสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งตรงหน้าอก
หลังจากงูใหญ่ขดล้อมรอบหลงเซวียนก็พ่นเพลิงสีเขียวเข้าใส่มังกรหมอกสีดำห้าตัว จากนั้นพวกมันก็เข้าขย้ำกันในพริบตา
ด้านหนึ่งมังกรหมอกห้าตัวมีปราณดำวนเวียนอยู่รอบร่าง ร่างกายวนขดเปลี่ยนรูปร่างไม่หยุดอย่างว่องไว ด้านหนึ่งงูใหญ่ประหลาดสีเขียวดวงตาฉายแววดุร้าย ปากร้องคำรามไม่หยุด ไอปีศาจรอบร่างพลุ่งพล่าน ชั่วขณะหนึ่งตัดสินแพ้ชนะกันไม่ได้
หลงเซวียนเห็นเช่นนี้ก็แค่นเสียงหยันออกมาจากปาก สองมือเปลี่ยนท่าเคล็ดวิชาทันที
เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
เพียงครู่เดียวรอบร่างงูประหลาดสีเขียวก็มีแสงสีเขียวกระจายออกมา แสงรัศมีสีเขียวสาดไปทั่วฟ้า ทะลวงมังกรหมอกสีดำห้าตัวทะลุเป็นรูนับร้อยนับพัน
ทว่าในเวลาเดียวกันนี้หลงเซวียนก็เปลี่ยนสีหน้าในฉับพลัน เขารีบเบี่ยงกายถอยพรวดไปข้างหลังพร้อมกัน
ตรงจุดที่เดิมทีเป็นด้านหลังของเขาเกิดคลื่นไหวกระเพื่อมบนอากาศ หลิ่วหมิงพุ่งออกมาพร้อมกับสะบัดกำปั้นมหึมาที่มีปราณสีดำหุ้มอยู่สองข้างกระหน่ำต่อยใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง
“โฮก” เสียงพยัคฆ์คำรามดังขึ้น!
เงาหัวพยัคฆ์สีดำสองหัวก่อตัวขึ้นท่ามกลางปราณสีดำแล้วร้องคำรามดังกึกก้องพุ่งมาถึง
เงายักษ์สีเขียวด้านหลังร่างหลงเซวียนสะบัดแขนทั้งหกข้าง ดาบและกระบี่ที่มีเพลิงสีเขียวลุกไหม้กระหน่ำฟันไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียง
หลังจากเสียงดังสนั่นพักหนึ่ง ดาบและกระบี่อัคคีสีเขียวหลายเล่มก็ฟันไขว้กัน พลังของเพลิงสีเขียวที่ลุกโหมต้านเงาพยัคฆ์สองหัวไว้ได้ เกิดเสียงดังกึกก้องที่ชวนให้คนหวาดหวั่น
ในเวลานี้เองแสงสีน้ำเงินบนหัวไหล่ของหลิ่วหมิงก็ม้วนตัวออกมา เงาหัววัวสีน้ำเงินขนาดยักษ์หัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า มันอ้าปากเพียงครั้งเดียวก็พ่นแสงเรืองรองสายหนึ่งกวาดผ่านบนดาบและกระบี่ไป เพลิงสีเขียวด้านบนถูกเป่าหายเป็นความว่างเปล่าในพริบตา
เสียงเปรี้ยงดังสะเทือนฟ้าดิน!
ดาบและกระบี่ที่ไร้เพลิงสีเขียวสนับสนุนถูกหัวพยัคฆ์สีดำสองหัวโจมตีพังทลายลงทันที!
หลงเซวียนรีบขยับร่างคิดจะหลบ ทว่าด้วยความฉุกละหุกเขาจึงหลบทั้งหมดไม่พ้นถูกหัวพยัคฆ์มหึมาหัวหนึ่งโจมตีโดน หัวไหล่ขวาเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทั้งร่างถูกโจมตีพุ่งถอยออกไป
หลังจากปลิวออกไปหลายสิบจั้ง เพลิงสีเขียวทั่วร่างหลงเซวียนพลันกลายเป็นดอกบัวสีเขียวดอกหนึ่งยกร่างเขาขึ้นมา ในที่สุดก็ตั้งหลักได้ แต่สีหน้าย่ำแย่อย่างที่สุด
เขามองหลิ่วหมิงด้วยแววตาดุร้าย อ้าปากปล่อยยันต์สีดำตัวหนึ่งออกมา มันหมุนติ้วอยู่กลางอากาศรอบหนึ่งก็ประทับลงบนหน้าผากของเงายักษ์สีเขียวด้านหลัง
เสียงกระดูกลั่นเปรี๊ยะดังกึกก้องในทันใด!
ร่างกายของยักษ์สีเขียวขยายขนาดขึ้นอีกหนึ่งเท่ากว่า ลวดลายสีเขียวปรากฏบนร่างของมันเห็นเด่นชัด พร้อมกันนั้นไอปีศาจสีดำกับสีเขียวสายแล้วสายเล่าก็ถ่ายเทเข้าไปในลวดลายไม่หยุด ลวดลายเหล่านั้นประหนึ่งได้กินยาบำรุงค่อยๆ แผ่กว้างขึ้นทีละนิด ชั่วพริบตาก็ปกคลุมร่างกายส่วนใหญ่ไว้ ทำให้เงาทั้งร่างฉับพลันชัดเจนขึ้นอีก
เห็นชัดว่านี่ถึงจะเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเทพชิงหยาง!
เส้นผมสีเขียวทั้งศีรษะของหลงเซวียนปลิวสะบัดตามสายลม ใบหน้าที่เดิมทีอัปลักษณ์อยู่แล้ว เมื่อมีแสงเปลวเพลิงสีเขียวด้านหลังขับเน้นก็ยิ่งแลดูโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง
เขาหัวเราะเสียงทุ้ม ปากเอ่ยท่องมนตร์งึมงำหลายประโยค ยักษ์สีเขียวเริ่มยกแขนขึ้น ห้านิ้วกางออกอย่างเชื่องช้า
เสียง “ฟู่” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
ฝ่ามือยักษ์มีเปลวเพลิงผืนใหญ่ทะลักออกมาจากนั้นก่อตัวเบื้องหน้าร่าง พวกมันหมุนวนเร็วรี่พริบตาเดียวก็กลายเป็นพายุหมุนอัคคีสีเขียวขนาดหนึ่งหมู่กว่าลูกหนึ่ง
ปราณน่าตะลึงราวกับจะถล่มฟ้าถล่มดินสายหนึ่งแผ่ออกมาจากใจกลางพายุหมุน
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้พลันคิ้วขมวด เพลิงสีเขียวนี้แตกต่างจากตอนนั้นที่เขาเคยเห็นที่ตระกูลโอวหยางอย่างไม่อาจเทียบกันได้
เขาตบหัวไหล่ด้วยมือข้างหนึ่งทันที ทันใดนั้นเงาวัวสีน้ำเงินก็โผล่ทั้งตัวออกมาเบื้องหน้า หลังจากร่างกายสะบัดรุนแรงครั้งหนึ่ง มันก็แหงนหน้าคำรามโกรธเกรี้ยวใส่จุดที่เทพชิงหยางอยู่
เสียง “โฮก!” ดังขึ้นครั้งเดียว อากาศรอบด้านฉับพลันสั่นไหวรุนแรง คลื่นเสียงสีน้ำเงินสายหนึ่งซัดออกไปดุจสายฟ้า พริบตาเดียวทะลวงผ่านพายุหมุนอัคคีสีเขียวล้อมเงาเทพชิงหยางไว้ด้านใน
ไอปีศาจบนร่างของเทพชิงหยางถูกเป่ากระจายในครั้งเดียวแล้วถูกแทนที่ด้วยแสงสีน้ำเงินอ่อนชั้นหนึ่งที่กะพริบวิบวับไม่หยุด
หลงเซวียนสีหน้าหวาดหวั่น สองแขนขยับหมายจะกระตุ้นพายุหมุนสีเขียวเบื้องหน้าให้เปิดฉากโจมตี ทว่าทันใดนั้นเขาก็หน้าซีด เมื่อพบว่าเงายักษ์สีเขียวด้านหลังราวกับถูกพันธนาการไว้จนกระดิกไม่ได้สักนิด
เขาตกตะลึงแต่จากนั้นก็แค่นเสียงหยัน แล้วก้าวยาวออกมาด้านหน้าก้าวหนึ่ง จมลงไปในพายุหมุนสีเขียวพร้อมกับเงายักษ์ด้านหลังร่าง
พริบตานั้นเสียงบึ๊มดังออกมาจากในพายุหมุนอัคคีสีเขียว ราวกับว่าด้านในกำลังถูกปั่นด้วยพละกำลังมหาศาล หลังจากนั้นมันก็ปั่นป่วนรุนแรงแล้วขยายตัวอย่างรวดเร็ว
เวลาเพียงสองลมหายใจ เสียงบึ๊มก็ดังสนั่นขึ้นครั้งหนึ่ง พายุหมุนทั้งลูกกลายเป็นเปลวเพลิงสีเขียวดวงแล้วดวงเล่าสลายหายไป เผยให้เห็นยักษ์สีเขียวสูงห้าจั้งกว่าตัวหนึ่งกลางท้องฟ้า ยักษ์มีเครื่องหน้าชัดเจนเหมือนมนุษย์ทั่วไปและเหมือนกับหลงเซวียนไม่ผิดเพี้ยน
ดูเหมือนเขาจะผสานร่างเป็นหนึ่งกับเทพชิงหยาง!
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้แรกสุดก็ตกตะลึง แต่ทันใดนั้นมือก็ขยับใช้เคล็ดวิชา เงาวัวสีน้ำเงินเบื้องหน้าพ่นแสงเรืองรองสีน้ำเงินสายหนึ่งออกไปอีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้ยักษ์สีเขียวฝั่งตรงข้ามเพียงสะบัดมือใหญ่ครั้งเดียวก็ปัดแสงเรืองรองสีน้ำเงินกระจายไปพร้อมเสียงดังกึกก้อง เข้าใกล้ร่างไม่ได้แม้แต่น้อย
จากนั้นดวงตาของยักษ์ก็ฉายแววเหี้ยมเกรียม มือสองข้างถูเข้าหากัน ทันใดนั้นเหนือร่างของหลิ่วหมิงพลันมีเพลิงมารสีเขียวผืนใหญ่ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า มันหมุนวนก่อตัวกลายเป็นเงากระบี่ยักษ์ค้ำฟ้ายาวสี่ห้าสิบจั้งเล่มหนึ่งที่มีเพลิงสีเขียวลุกโหมทั่วเล่มจากนั้นฟันลงมายังจุดที่หลิ่วหมิงอยู่
“แย่แล้ว!”
ในเวลานี้เองโอวหยางเชี่ยนผู้มองดูการต่อสู้อยู่ไม่ไกลเห็นกระบี่นี้ฟันลงมาจนท้องนภาสั่นไหวก็หลุดปากร้องออกมาทันที
ทว่าต่อมาเรื่องที่ทำให้คนทั้งหมดตกตะลึงก็พลันเกิดขึ้น
เงาเชอฮ่วนแหงนหน้าอ้าปากกว้าง พายุหมุนสีน้ำเงินลูกแล้วลูกเล่าซัดออกมาทำให้กระบี่ยักษ์สีเขียวเข้มทั้งเล่มที่เพิ่งร่วงลงมาเพียงครึ่งเดียวพังทลายไปทั้งเล่ม กลายเป็นเพลิงมารสายแล้วสายเล่าถูกกลืนลงไปในท้องทันที
เสียง “ฟู่” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง ไอปีศาจสีเขียวไหลวนในท้องของเชอฮ่วนได้รอบเดียวก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ต้องรู้ว่าหลังจากเชอฮ่วนกลืนกินวิญญาณปีศาจระดับสูงมากมายปานนั้นที่วังหมื่นปีศาจ พลังของมันก็แตกต่างจากตอนแรกอย่างเทียบกันไม่ได้
ยักษ์เห็นเช่นนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปมาหลายครั้ง มันไม่พูดพร่ำหมุนตัวกลายเป็นแสงสีเขียวสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าหนีไปทันที
หลังจากหลงเซวียนผู้นี้เห็นว่ากระทั่งวิชามารผสานร่างยังถูกเชอฮ่วนเอาชนะได้ เขาจึงตัดสินใจอย่างเฉียบขาดหนีไปไกลทันที
สถานการณ์เช่นนี้หลิ่วหมิงย่อมไม่มีทางปล่อยให้เขาหนีไปอย่างง่ายดาย ขณะที่ปากท่องมนตร์ แสงสีเงินก็ส่องสว่างบนแผ่นหลัง ปีกเนื้อคู่หนึ่งปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า หลังจากกระพืออย่างแรงครั้งหนึ่ง เขาก็กลายเป็นแสงสีเงินเส้นหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกไป ลำแสงกะพริบเพียงไม่กี่หนก็ปรากฏตัวด้านหลังยักษ์ทันที
ในเวลานี้เองยักษ์ที่เป็นร่างแปลงของหลงเซวียนพลันเปล่งแสงสีเขียวสว่างจ้า เงาของยักษ์พุ่งออกมาจากร่างของเขาแล้วส่งเสียงดัง “ฟู่” ก่อนจะระเบิดกลายเป็นเปลวเพลิงสีเขียวลุกโชนกลืนหลิ่วหมิงที่ไม่ทันระวังด้านหลังเข้าไปด้านใน
พริบตานั้นที่เงาของยักษ์หลุดออกจากร่าง ร่างต้นของหลงเซวียนก็หดกลับไปขนาดเดิมอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นปราณสีดำก็ม้วนออกมาจนกลายเป็นเงาสีดำร่างหนึ่งพุ่งหนีไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
“ถึงกับบีบให้ข้าต้องระเบิดเงาเทพ วันหน้าข้าจะป่นกระดูกเจ้าเป็นผงชำระแค้นในวันนี้!” ทันใดนั้นเสียงคำรามเกรี้ยวกราดของหลงเซวียนก็ดังออกมาจากเงาดำที่หนีออกไปไกลหลายสิบจั้ง
ทว่าครู่ต่อมาทะเลเพลิงสีเขียวก็แหวกออก แสงสีเงินเส้นหนึ่งพุ่งวูบเดียวมาปรากฏตัวด้านหลังเงาดำ ไม่รู้ว่าหลิ่วหมิงฝ่าวงล้อมออกมาได้อย่างไร แล้วเขายังกระตุ้นลำแสงจนถึงขีดสุดในพริบตา แขนขยับครั้งหนึ่งเงาหมัดมากมายถี่ยิบก็กระหน่ำต่อยออกมา
หลงเซวียนด้านในเงาดำเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงยิ่งนัก ไม่ทันขบคิดมากมายเขาก็กระตุ้นเพลิงมารสีเขียวที่เหลือไม่มากรอบร่างให้รวมตัวกันไปด้านหลังกลายเป็นโล่ยักษ์สีเขียวชิ้นหนึ่งขวางหลังร่างของเขาไว้
เสียง “ปังๆ” ดังกระหน่ำอยู่พักหนึ่ง โล่ยักษ์สีเขียวยังคงอยู่ในสภาพเดิม นี่ทำให้หลงเซวียนโล่งใจ
ทว่าต่อมาเสียงมังกรคำรามสะเทือนแก้วหูแทบดับก็ตามติดมาถึง!
มังกรหมอกสีดำสองตัวขดล้อมแล้วเอาหัวพุ่งชนบนโล่ยักษ์สีเขียว ฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ
ตอนนี้หลงเซวียนเพิ่งจะหมุนตัวกลับมา เขาคิดจะใช้วิชาอื่นเพื่อหลบแต่ไม่ทันกาลแล้ว เขาจึงได้แต่ไขว้แขนทั้งสองขวางอยู่หน้าร่าง
เสียงสนั่นดังขึ้นครั้งหนึ่ง ร่างกายของเขาถูกมังกรหมอกสองตัวพุ่งชนปลิวถอยออกไปเหมือนกระสุนหินในทันที
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง หลิ่วหมิงสะบัดปีกทั้งสองข้างพุ่งโฉบผ่านข้างหลงเซวียนไป จากนั้นเขาก็เหาะวนรอบหนึ่งแล้วหยุดห่างออกไปหลายจั้ง
หลงเซวียนโซเซก่อนจะหยุดยืน ท้องของเขามีรูเลือดมหึมารูหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ไอปีศาจสีเขียวสายแล้วสายเล่าทะลักออกมาพร้อมโลหิต
พริบตานั้นเมื่อครู่เขาถูกหลิ่วหมิงต่อยในระยะประชิดทะลวงผ่านร่างไป
“อ้าก!”
ใบหน้าที่เดิมทีก็อัปลักษณ์อยู่แล้วของหลงเซวียนบิดเบี้ยวถึงที่สุดเพราะความเจ็บปวด แต่การโจมตีเช่นนี้ยังไม่ถึงขั้นเอาชีวิตเขาได้
เขากดนิ้วลงบนท้องอย่างสุดกำลัง พลิกมืออีกข้าง กลางฝ่ามือปรากฏยันต์ที่ทอแสงสีทองขมุกขมัวแผ่นหนึ่งแล้วแปะลงไปบนนั้น
ทว่าจากนั้นรูตรงท้องของเขาก็พลันมีปราณวารีสีดำแถบใหญ่ลอยออกมาพร้อมกับเสียงน้ำไหล!
“ไม่! !”
หลงเซวียนหน้าซีดเผือดตะโกนดังลั่นในทันใด เขาคิดจะกระตุ้นยันต์ในมือแต่สายไปแล้ว
ปราณวารีสีดำนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากในร่างเขาดุจลูกธนู จากนั้นเสียง “เปรี้ยง” ก็ดังขึ้น กายเนื้อทั้งร่างของเขารวมถึงดวงวิญญาณระเบิดไปพร้อมกัน เศษเนื้อนับไม่ถ้วนโปรยลงมาจากบนท้องฟ้า