ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 932 ศึกใหญ่กับมนุษย์ปีศาจ (ปลาย)
มนุษย์ปีศาจตวาดลั่นจากนั้นแขนก็หนาขึ้นหนึ่งเท่ากว่าในทันใด ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงบนผิวทั่วร่างกับบนแส้ยาวในมือส่องสว่างขึ้นพร้อมกันก่อนจะสะบัดแส้ไปบนท้องฟ้า
แสงแส้สีม่วงยาวร้อยกว่าจั้งพุ่งประจันหน้าเข้ามาหา
“เปรี้ยงๆ”
แสงสีม่วงกับแสงสีแดงปะทะกันกลางท้องฟ้าต่อเนื่องหลายครั้ง รัศมีสีแดงกับสีม่วงสายแล้วสายเล่าแทรกสลับกันส่องสว่างไปรอบด้าน ยอดเขาที่เดิมทีแหว่งโหว่ไม่ครบลูกอยู่แล้วสองฟากฝั่งของหุบเขาเกิดรูขนาดหนึ่งจั้งกว่ารูแล้วรูเล่าออกมาชัดเจน
เสียง “ปัง” ดังกังวานครั้งหนึ่ง แสงดาบสีแดงฉานก็แยกจากหนึ่งเป็นสอง ถูกแสงแส้ผ่าแยกแล้วดีดออกมา
แสงดาบสีแดงฉานท่อนหนึ่งหมุนคว้างกลางอากาศแล้วพุ่งหายไป ก่อนที่ยอดเขาลูกหนึ่งไกลออกไปจะถูกปาดจนเรียบ
หลิ่วหมิงฉวยช่องว่างจังหวะนี้ล้วงยันต์สีขาวแผ่นหนึ่งออกมาตบลงบนหัวไหล่อย่างเร็วไว เพลิงปราณสีขาวเส้นหนึ่งแทรกเข้าไปในปากแผลของเขา บาดแผลจึงเริ่มสมานกลับคืนดังเดิมอย่างเชื่องช้า จากนั้นเขาก็ขยับร่างอีกครั้งกลายเป็นเงาคนสี่ร่างพุ่งรวดเร็วไปหามนุษย์ปีศาจ ในมือมีแสงสีดำหลายสายทอแสงอยู่เลือนราง
มนุษย์ปีศาจเห็นเช่นนี้จึงสะบัดแขนอีกครั้งอย่างไม่ลังเลสักนิด เงาแส้สีม่วงเส้นหนึ่งปรากฏออกมาเบื้องหน้าร่างอีกหนแล้วกลายเป็นแสงสีม่วงผืนใหญ่โถมเข้าไปดุจสายลมโหมสายฝนกระหน่ำ ล้อมเงาดำสี่ร่างที่หลิ่วหมิงสร้างขึ้นไว้ด้านในทั้งหมด
เสียง “ฟึบ” “ฟึบ” “ฟึบ” ดังขึ้นสามครั้ง ทันทีที่เงาดำสามร่างในนั้นสัมผัสถูกเงาแส้สีม่วงก็ทยอยพังทลายลง
ขณะที่เงาดำร่างสุดท้ายกำลังจะถูกโจมตีเข้านั่นเอง เงาคนที่ถูกแสงดาวสีขาวหุ้มไว้ร่างหนึ่งก็พุ่งมาปรากฏตัวด้านข้างแล้วเหวี่ยงแขนขึ้นฟ้าสุดแรง แสงดาราสีขาวสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกไปยกเงาแส้สีม่วงที่ร่วงลงมาเอาไว้
เสียง “ปัง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
แส้มารหวดลงมาครั้งเดียวแสงดาวสีขาวก็พังทลาย ร่างของจินเทียนชื่อโซเซวูบหนึ่งแล้วปลิวถอยออกไปด้านหลัง
ทว่าเวลาหนึ่งลมหายใจนี้กลับทำให้ร่างต้นของหลิ่วหมิงฉวยจังหวะบิดร่างครั้งหนึ่งไปปรากฏตัวเบื้องหน้ามนุษย์ปีศาจห่างไปไม่กี่จั้งได้ดุจเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา แขนเสื้อใหญ่สะบัดครั้งหนึ่ง แสงสีดำสามสายก็พุ่งรวดเร็วออกไป
กลางแสงสีดำเห็นชัดว่าคือวงแหวนสีดำขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือสามวง
วงแหวนสามวงโต้ลมขยายใหญ่ขึ้นพริบตาเดียวก็ขยายจนขนาดเท่าลูกโม่ ขณะที่พวกมันลอยอยู่กลางอากาศก็สั่นไหวแผ่วเบาและส่งเสียงครวญครางแผ่วเบาออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
พวกมันก็คือวงแหวนสะกดมารที่มีคุณสมบัติพิเศษต่อมนุษย์ปีศาจซึ่งหลิ่วหมิงได้มาจากศพปีศาจระดับดาราพยากรณ์ร่างนั้นกับผู้อาวุโสจินหมานเมื่อตอนนั้นนั่นเอง!
“วงแหวนสะกดมาร! แล้วยังมีตั้งสามวง เจ้ามีของชิ้นนี้ได้อย่างไร!”
เมื่อวงแหวนสีดำเหล่านี้ถูกเรียกออกมา มนุษย์ปีศาจก็หน้าถอดสีเป็นครั้งแรก แส้ยาวสีม่วงบิดม้วน ไอปีศาจสีเขียวหม่นทั่วร่างพลุ่งพล่าน ร่างกายขยับวูบเดียว เขาก็ปรากฏตัวห่างออกไปร้อยกว่าจั้ง ลูกตาจับจ้องวงแหวนสีดำเขม็งไม่ละสายตาด้วยแววตาหวาดกลัวที่เผยชัดอย่างไม่ต้องสงสัย
หลิ่วหมิงไม่สนใจมนุษย์ปีศาจคนนี้สักนิด สองมือขยับพร่าเลือนวาดครึ่งวงกลมหลายวงออกมาอย่างต่อเนื่องในทันใด
วงแหวนสีดำสั่นไหวแผ่วเบากลางอากาศจากนั้นก็แน่นิ่ง หลิ่วหมิงสายตาเคร่งเครียดขึ้นมาในทันใด
“ฮ่ะๆ ไม่รู้ว่าเจ้าได้ของเหล่านี้มาจากที่ใด แต่คงจะใช้ไม่เป็นสินะ ไม่สู้ยกให้ข้า ข้าจะยอมยกเว้นปล่อยพวกเจ้าจากไป!” ครู่หนึ่งหลังจากนั้นมนุษย์ปีศาจก็เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ทว่าสายตายังคงกวาดมองระหว่างวงแหวนทั้งสามกับบนร่างหลิ่วหมิงไม่หยุด ราวกับว่าต้องการหยั่งเชิงใคร่ครวญความจริงลวง
หลิ่วหมิงยังคงวาดมือทั้งสองข้างเป็นครึ่งวงกลมอย่างนิ่งสงบ แต่ในใจหัวเราะฝืดเฝื่อน
ก่อนหน้านี้เขาเคยทดลองเลียนแบบวิธีของผู้อาวุโสจินหมานเมื่อตอนนั้นเชื่อมจิตกระตุ้นวงแหวนสะกดมารเหล่านี้ในแดนมายา ผลคือเชื่อมจิตได้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด คิดไม่ถึงวันนี้ต้องการใช้สิ่งนี้ต่อสู้กับศัตรู ชั่วเวลาฉุกละหุกกลับควบคุมวงแหวนนี่ไม่ได้แม้แต่น้อย แล้วก็ไม่รู้ว่าวิธีที่ใช้เกิดผิดพลาดอะไรกันแน่
จินเทียนชื่อที่อยู่อีกด้านหนึ่งเห็นภาพนี้ สีหน้าประหลาดที่สังเกตแทบจะไม่เห็นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแวบหนึ่ง เขาขยับริมฝีปากเล็กน้อยส่งกระแสจิตพูดกับหลิ่วหมิงอย่างเร็วไวหลายประโยค จากนั้นทั่วร่างก็พลันมีแสงดาราสีขาวฉายออกมาจนกลายเป็นรุ้งสีขาวเส้นหนึ่งพุ่งเร็วรี่เข้าไปหามนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์
มนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์เห็นเช่นนี้ก็จี้ดัชนีเข้าใส่แสงสีขาวอย่างต่อเนื่อง แสงสีเขียวหม่นส่องสว่างวูบวาบบนปลายนิ้วไม่หยุด ลำแสงสีเขียวหม่นหนาเท่านิ้วหัวแม่มือเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งเร็วรี่ออกไปอย่างมืดฟ้ามัวดิน
แสงดาวสีขาวรอบร่างจินเทียนชื่อกะพริบวิบวับวาดเป็นเส้นโค้งงดงามเส้นหนึ่งบนท้องฟ้า ขยับไม่กี่ครั้งก็หลบลำแสงเหล่านี้ได้อย่างงดงาม
มนุษย์ปีศาจเห็นเช่นนี้ก็เผยสีหน้าเหี้ยมเกรียม นิ้วมือนิ้วหนึ่งงอลง ลำแสงสีเขียวหม่นเต็มฟ้าหมุนวนรอบหนึ่งแล้วล้อมจากสี่ด้านแปดทิศเข้าไปหาจินเทียนชื่ออีกครั้ง
ทว่าวิชาหลบหนีแสงดาวที่จินเทียนชื่อควบคุมอยู่มหัศจรรย์ยิ่งนัก เขาทะลวงแทรกระหว่างกลางลำแสงสายแล้วสายเล่าไปได้อย่างง่ายดายทว่าน่าหวาดเสียว
ตอนนี้เองหลังจากที่หลิ่วหมิงสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สิบนิ้วก็ขยับทำท่าเคล็ดวิชาหลายท่าในรวดเดียว
เพลิงปราณสีดำที่เหมือนมีแต่ก็เหมือนไม่มีสามสายดีดออกมาจมลงไปในวงแหวน จากนั้นวงแหวนสะกดมารสามวงก็สั่นแผ่วเบาอีกครั้ง และในที่สุดก็ครวญเสียงทุ้มต่ำออกมา
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น มนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์ที่เดิมทีต่อสู้ดุเดือดอยู่กับจินเทียนชื่อก็ตกตะลึงในทันใด เขากางห้านิ้วออก ลำแสงสีเขียวหม่นเส้นแล้วเส้นเล่าเพิ่มความเร็วพุ่งพรวดออกมาล้อมรอบร่างจินเทียนชื่อทันที
เสียงบึ๊มดังสนั่น!
ตรงตำแหน่งที่จินเทียนชื่ออยู่ ไอปีศาจสีเขียวหม่นสายแล้วสายเล่าแทรกประสานกับแสงดาวสีขาวจนกลายเป็นหมอกควันพร่ามัว กลืนร่างกายเขาเข้าไปด้านในอีกครั้ง
มนุษย์ปีศาจทำทุกสิ่งนี้เสร็จก็ไม่ชักช้าแม้แต่น้อย เขาขยับแขนขวาอีกครั้ง แส้ยาวสีม่วงเปล่งแสงจิตวิญญาณก่อนจะเลือนหายไปกลายเป็นเงาแส้สามเส้น พวกมันแยกย้ายกันส่งเสียงดังหวีดหวิวเข้าไปหาวงแหวนสะกดมารทั้งสามวง
เวลานี้สิบนิ้วของหลิ่วหมิงขยับเร็วดุจดีดพิณ ขณะที่ปากท่องมนตร์แผ่วเบาแทบไม่ได้ยินหลายประโยค
แสงจิตวิญญาณบนวงแหวนสีดำทั้งสามกะพริบวูบวาบ ฉับพลันทันใดพวกมันก็กลายเป็นเงาเลือนราง ปล่อยให้แส้สีม่วงพุ่งดังหวีดหวิวผ่านไปแต่ไม่อาจสัมผัสถูกมันได้แม้แต่นิด
มนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์เห็นเช่นนี้ หัวใจก็เต้นดังด้วยความยินดี ประกายเหี้ยมเกรียมปรากฏขึ้นในดวงตาทันที แส้ยาวสีม่วงในมือสั่นไหวอีกครั้ง เงาแส้สีม่วงหลายเส้นเปลี่ยนทิศทางในทันใด พวกมันหวดเข้าใส่จุดที่หลิ่วหมิงอยู่ด้วยความเร็วดุจสะเก็ดไฟแลบ!
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ แววตาพลันวูบไหว ขณะที่เขาคิดจะหลบไปก่อนนั่นเอง เบื้องหน้าก็มีเงาร่างของคนผู้หนึ่งพุ่งมา จินเทียนชื่อผู้มีบาดแผลทั่วร่างจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา แสงดาวทั่วร่างเขาส่องประกายระยิบระยับ ตรงหน้าอกมียันต์รูปดวงดาวสีขาวน้ำนมตัวหนึ่งหมุนวนไม่หยุด พริบตาเดียวมันก็ยิงลำแสงสีขาวหนาอันรวดเร็วเส้นหนึ่งออกมาชนเงาแส้จนกระจาย หลังจากนั้นก็กะพริบวูบหนึ่งหายไปแล้วโจมตีเข้าใส่มนุษย์ปีศาจพร้อมเสียงดังกึกก้อง
ใบหน้าของมนุษย์ปีศาจตกตะลึง จากนั้นไอปีศาจก็ทะลักออกมาขวางเบื้องหน้าร่าง ทว่าหลังจากเสียงบึ๊มดังเลือนลั่น ลำแสงที่พุ่งเข้ามาเกือบถึงตรงหน้าก็ระเบิดอย่างฉับพลัน แสงรัศมีสีขาวนับไม่ถ้วนพุ่งเร็วรี่ออกมาประหนึ่งเข็มแหลม
ฉึกๆ ฉึกๆ!
แสงรัศมีสีขาวพุ่งเข้ามาในพริบตาทำให้มนุษย์ปีศาจที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือไม่ทันระวังแม้แต่น้อย บนร่างเกิดรูเลือดขึ้นทันที เลือดสีเขียวคล้ำไหลทะลัก
ก็ไม่รู้ว่ารัศมีแสงสีขาวเหล่านี้มีพลังมหัศจรรย์อันใดถึงทะลุผ่านไอปีศาจคุ้มกายที่หนาทึบบนร่างมนุษย์ปีศาจไปได้!
มนุษย์ปีศาจได้รับบาดเจ็บอย่างที่คิดไม่ถึง ความโกรธท่วมทะลักหัวใจ ขณะที่คิดจะหยุดเลือดที่ไหลอยู่บนร่างแล้วโจมตีสวนกลับให้รุนแรงกว่าเดิม ทันใดนั้นมุมปากของหลิ่วหมิงที่อยู่ไกลออกไปก็ยกขึ้นนิดๆ มือข้างหนึ่งวาดเป็นรูปครึ่งวงกลมกลางอากาศเบื้องหน้าติดกันสามครั้ง ฉับพลันวงแหวนสีดำสามวงที่ลอยอยู่กลางอากาศก็พุ่งหายไปจากที่เดิม
“แย่แล้ว!”
มนุษย์ปีศาจที่ระวังวงแหวนสะกดมารทั้งสามวงอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่แรกหน้าถอดสีในทันที ฉับพลันทันใดเขาก็คล้ายจะคิดอะไรขึ้นมาได้ ไอปีศาจจึงพวยพุ่งออกมาทั่วร่าง ร่างกายถอยพรวดไปด้านหลัง
ทว่าทุกสิ่งนี้ล้วนเปล่าประโยชน์แล้ว
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นสามครั้ง แสงสีดำสามวงพุ่งออกไปกลายเป็นวงแหวนสีดำสนิทสามวงลอยรัดรอบแขนซ้ายกับสองขาของมนุษย์ปีศาจไว้
ขณะที่มนุษย์ปีศาจมองด้วยสายตาตกตะลึง วงแหวนสีดำสามวงที่รัดอยู่บนร่างเขาก็พลันส่องแสงสีดำเจิดจ้าออกมา อักขระมารประหลาดมากมายถี่ยิบลอยออกมาไม่หยุดแล้วพุ่งวูบเข้าไปในร่างมนุษย์ปีศาจอย่างพร้อมเพรียง
มนุษย์ปีศาจถูกพันธนาการลอยอยู่กลางอากาศ ทั้งร่างเขาสั่นเทา แขนขาไม่อาจขยับได้แม้แต่น้อย เขาได้แต่กรีดร้องคำรามคลุ้มคลั่งไม่หยุด ในเวลาเดียวกันนั้นไอปีศาจสีเขียวก็พลุ่งพล่านออกมาเสริมการป้องกันสุดชีวิต อักขระมารสีม่วงทั่วร่างกะพริบวูบวาบอย่างบ้าคลั่ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ย่อมดีใจเกินกว่าที่หวัง สองแขนขยับครั้งหนึ่ง ปราณดำบนแผ่นหลังก็โถมออกมากลายเป็นมังกรสีดำห้าตัวร้องคำรามพุ่งตรงเข้าใส่มนุษย์ปีศาจ
จินเทียนชื่อก็ทำท่าเคล็ดวิชาด้วยสองมืออย่างไม่รีรอแม้สักนิด ยันต์ตรงหน้าอกหมุนติ้วอีกครั้งยิงลำแสงสีขาวเส้นหนึ่งพุ่งเข้าใส่มนุษย์ปีศาจเช่นเดียวกัน
เห็นชัดว่าทั้งสองคนร่วมมือกันทุ่มสุดกำลังโจมตี หมายจะเล่นงานมนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์คนนี้ให้ตายในครั้งนี้
มนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์เห็นเช่นนี้ ในใจย่อมตกตะลึงและโกรธเกรี้ยว ขณะที่มังกรหมอกกับลำแสงใกล้จะมาถึงนั่นเอง ทันใดนั้นในดวงตาก็ฉายแววเหี้ยมเกรียมจางๆ แล้วตวาดลั่นใส่ท้องฟ้า ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงทั่วร่างกะพริบอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
เสียง “เปรี้ยง” ดังสนั่นขึ้นสามหน!
สองขากับแขนซ้ายที่ถูกวงแหวนสะกดมารรัดไว้ของเขาขยายขนาดอย่างบ้าคลั่งแล้วระเบิดตัวเอง พวกมันกลายเป็นไอปีศาจสีเขียวหม่นสายแล้วสายเล่ากับเศษเลือดเนื้อพุ่งไปสี่ด้านแปดทิศ
ทว่าไอปีศาจเหล่านี้วนเวียนอยู่กลางอากาศรอบหนึ่งก็ถูกสูบเข้าไปในวงแหวนสะกดมาร
มนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์คนนี้ตัดสินใจสละแขนขาที่ถูกพันธนาการสามข้างอย่างเด็ดขาดในทันที แล้วอาศัยพลังของการระเบิดตัวเองครั้งนี้ทำให้ร่างกายกลายเป็นแสงโลหิตก้อนหนึ่งพุ่งพรวดออกไปด้านหลัง หลบพ้นมังกรทั้งห้าตัวที่คำรามพุ่งเข้ามาและลำแสงไปได้อย่างหวุดหวิด
ทว่าหลังจากมนุษย์ปีศาจเคลื่อนไหวกลางท้องฟ้าอยู่ไม่กี่หน แขนขวาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวของเขาก็ขยับกำแส้ยาวสีม่วงแน่นแล้วหวดเสียงดังสนั่นเข้าใส่วงแหวนสีดำที่กำลังสูบไอปีศาจทั้งสามวงนั้น
เสียง “ปัง” ดังขึ้นหลายหน วงแหวนสะกดมารทั้งสามวงถูกเงาแส้หวดกระเด็นออกไป จากนั้นร่วงดังแกร๊งอยู่บนพื้น
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้หางตาก็กระตุกอยู่หลายครั้ง แต่สองตาจ้องมนุษย์ปีศาจเขม็งไม่สนใจวงแหวนสะกดมารทั้งสามวงนั้นอีกต่อไป
อย่างไรเขาก็เคยทดลองในแดนมายามาก่อนแล้วว่าปริมาณไอปีศาจที่วงแหวนนี้ดูดกลืนได้มีจำกัด ทุกครั้งหลังจากกระตุ้นใช้งาน ภายในเวลาอันสั้นไม่อาจใช้เป็นครั้งที่สองได้อีก มิเช่นนั้นมันคงไม่ถูกเงาแส้โจมตีเข้าอย่างง่ายดายเช่นนี้
ทว่ามนุษย์ปีศาจคนนี้หลังจากผสานร่าง เดิมทีก็ถูกแรงสะท้อนกลับจากมิติแห่งนี้กดดันอยู่แล้ว เมื่อครู่ยังถูกวงแหวนสะกดมารดูดไอปีศาจไปไม่น้อย ผนวกกับการระเบิดตัวเองครั้งหนึ่ง เวลานี้พลังที่ตัวจึงน่าจะเหลือไม่ถึงสามหรือสี่ส่วนจากสิบส่วนแล้ว แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้อาวุธเวทแส้มารเส้นนั้นที่อยู่ในมือเขาก็ไม่อาจดูแคลนได้
ในใจหลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างเร็วไว
มนุษย์ปีศาจฝั่งตรงข้ามมองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าโหดเหี้ยมขณะที่อ้าปากหอบอย่างหนักหน่วง
เวลานี้ปราณบนร่างเขาลดลงไปมากกว่าครึ่งแล้ว รอยแผลฉีกขาดบนหัวไหล่ซ้ายรวมถึงขาทั้งสองข้างมีเพลิงมารสีเขียวหม่นกำลังวนเวียนไม่หยุดคล้ายกำลังฟื้นสภาพ ส่วนแส้ยาวสีม่วงในมือหดจากแขนกลับมาพันขดบนร่างอีกครั้งประหนึ่งอสรพิษประหลาด