ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 950 การต่อสู้ด้วยวิชาลับ
“น่าสนใจ เป็นเผ่ามนุษย์คนหนึ่งแท้ๆ แต่วิธีการต่อสู้คล้ายมนุษย์ปีศาจ” จี๋อิ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา แสงสีเลือดไหลวนทั่วร่างพักหนึ่ง เขาก็กลายเป็นเงาสีเลือดหลายสายพุ่งรวดเร็วออกมาอีกครั้ง
อีกด้านหนึ่งจินเทียนชื่อตกอยู่ท่ามกลางทะเลหมอกสีเหลือง เขามองรอบด้านด้วยสีหน้าถมึงทึง
เขาอาศัยวิชาพิเศษค่อยๆ คว้าความได้เปรียบระหว่างการต่อสู้กับชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์ แต่ใครจะรู้ว่าผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจพยัคฆ์เงินตนนี้จะปล่อยทะเลหมอกสีเหลืองประหลาดออกมาแล้วซ่อนเร้นหายไปในทะเลหมอก
ในเวลานี้เองเสียงระเบิดเปรี้ยงก็ดังขึ้นต่อเนื่องไม่ขาดสาย ประกายแสงเส้นยาวสีเหลืองนับร้อยปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอกหนาอย่างกะทันหัน ก่อนจะพุ่งรวดเร็วเข้าใส่จุดที่จินเทียนชื่ออยู่จากทั่วทุกสารทิศ
แสงดาวสีขาวที่ปกป้องร่างจินเทียนชื่อกะพริบวูบวาบ เขาสะบัดมือข้างหนึ่งส่งไอหมอกสีขาวรอบร่างหลุดออกจากร่างไปในทันใด พวกมันหมุนติ้วกลางอากาศก่อตัวเป็นมังกรขาวยาวร้อยกว่าจั้งตัวหนึ่งพันขดจากบนจรดล่างปกป้องเขาอยู่ตรงกลาง
เสียงมังกรคำรามดังก้อง!
ดวงตามังกรขาวฉายประกายเจิดจ้า เกล็ดมังกรทั่วร่างลุกตั้งส่องประกายวิบวับดุจดวงดารา มันเหาะวนรอบขวางประกายแสงสีเหลืองมากมายถี่ยิบเอาไว้
“มังกรดาราสลาตัน!”
จินเทียนชื่อคำรามเสียงดัง รอบร่างมังกรยักษ์สีขาวฉับพลันเปล่งแสงดาวเจิดจ้ากลายเป็นพายุหมุนสีขาวสูงหลายสิบจั้งลูกหนึ่ง!
พายุหมุนสั่นไหวไม่กี่ครั้ง หมอกสีเหลืองหนาทึบรอบด้านก็ถูกเป่าจนปั่นป่วนรุนแรงแล้วค่อยๆ ถูกหอบเข้าไป จากนั้นสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้
ชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์ที่เดิมทีซ่อนตัวอยู่ในทะเลหมอกฉับพลันเผยร่างออกมาทั้งตัว
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงดูดมหาศาลที่ส่งมาจากพายุหมุนสีขาว เขาก็พลันเปลี่ยนสีหน้า สองเท้ากระทืบพื้นดิน ร่างกายมหึมาหากระโจนถอยหลังดุจดาวตก
อึดใจต่อมาเงาร่างสีทองร่างหนึ่งก็พุ่งออกจากด้านบนสุดของพายุหมุนสีขาว มือข้างหนึ่งยกขึ้นกวัก พายุหมุนพลันกลายเป็นมังกรสีขาวที่มีแสงดาวระยิบระยับตัวหนึ่งพาร่างเขาพุ่งเร็วรี่ไปยังวงต่อสู้ที่พวกหลัวเทียนเฉิงอยู่
“หนีไปไหน!”
ทันทีที่ชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์ตั้งหลักได้แล้วเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาพลันคำรามทุ้มต่ำด้วยความโกรธจัด พายุปีศาจพัดโหมพุ่งขึ้นฟ้าไล่ตามรุ้งยาวสีขาวไปติดๆ
ในเวลาเดียวกันหลัวเทียนเฉิง เวินเจิงรวมทั้งศิษย์นิกายเทียนกงทั้งห้าคนก็กำลังถูกหลานซือนำผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชุดฟ้าหลายคนล้อมอยู่ตรงกลาง
ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจเหล่านี้สองมือถือกระสวยขนาดเล็กสีฟ้าชิ้นหนึ่งแกว่งอยู่หน้าร่างไม่หยุด กระสวยน้อยปล่อยเส้นไหมเรียวเล็กสีฟ้าอ่อนมากมายออกมา จากนั้นพวกมันก็ก่อตัวเป็นกิ่งไม้หนาเท่าแขนกิ่งแล้วกิ่งเล่ากลางท้องฟ้าแล้วสอดขัดเกี่ยวพันกันกลายเป็นลูกบอลเถาวัลย์สีฟ้าใสขนาดมหึมาลูกหนึ่ง
ศิษย์นิกายเทียนกงที่ถูกขังอยู่ด้านในต่างเรียกหุ่นรูปร่างต่างๆ นานาออกมานานแล้ว ลำแสงหลากสีพุ่งออกไปรอบด้านจนทั่วท้องฟ้า
ส่วนหลัวเทียนเฉิงเหวี่ยงสองแขนเป็นพัลวัน เสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามดังก้อง มังกรและพยัคฆ์สีเงินเวียนวน ส่วนเวินเจิงใช้วิชาคำสาปอีกครั้ง อีกาต้องสาปบินวนรอบร่าง
ทว่าไม่ว่าจะเป็นลำแสงห้าสี มังกรกับพยัคฆ์สีเงินหรืออีกาต้องสาปสีเทาเข้ม เมื่อพวกมันสัมผัสถูกเกราะเถาวัลย์สีฟ้ารอบด้านก็จมลงไปด้านในประหนึ่งตุ๊กตาวัวโคลนจมลงในมหาสมุทร กระทั่งคลื่นไหวกระเพื่อมสักสายก็ไม่ปรากฏ เกราะเถาวัลย์สีฟ้าทั้งผืนกลับยิ่งใสแวววาวขึ้นอีก
ทันใดนั้น เสียง “พรวด” ก็ดังขึ้น!
เถาวัลย์หนาเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านในเกราะเถาวัลย์สีฟ้าแล้วทะลวงผ่านหน้าอกของหุ่นตัวหนึ่งไปทันที!
“อ้าก!” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น!
ศิษย์นิกายเทียนกงรูปร่างอวบคนหนึ่งด้านหลังหุ่นไม่ทันป้องกันจึงถูกเถาวัลย์เส้นนี้แทงทะลุลำคอไปทันที
“ศิษย์น้องกู่!” ศิษย์นิกายเทียนกงสี่คนที่เหลือเห็นเช่นนี้ต่างตะลึงงัน
ผลปรากฏว่าพวกเขายังไม่ทันลงมือช่วย ร่างกายของศิษย์ร่างอวบแห่งนิกายเทียนกงก็ฟีบอย่างรวดเร็วประหนึ่งลูกโป่ง กลายเป็นศพแห้งเหมือนกระดูกร่างหนึ่งในพริบตา
เถาวัลย์สีฟ้าที่แทงทะลุศพกลับหนาขึ้นหลายเท่าแล้วใสยิ่งกว่าเดิม
“พรวด” “พรวด” เสียงดังขึ้นตามต่อกัน!
เถาวัลย์หนาเท่าแขนเส้นแล้วเส้นเล่าทยอยผุดออกจากด้านในเกราะเถาวัลย์สีฟ้าแล้วพุ่งเข้าใส่หุ่นกับผู้คนที่ถูกขังอยู่ด้านใน
ศิษย์นิกายเทียนกงคนอื่นหน้าถอดสีในทันที สามคนในนั้นสบตากันแล้วกัดฟันยกมือข้างหนึ่งขึ้นตั้งท่าเคล็ดวิชา
เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้น!
หุ่นสามตัวที่ขวางอยู่เบื้องหน้าพวกเขาระเบิดกลายเป็นคลื่นปราณวงแล้ววงเล่าแผ่ขยายออกไป ชะลอการโจมตีของเถาวัลย์ที่หวดมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ทว่าอึดใจต่อมาเถาวัลย์เหล่านี้กลับพุ่งเร็วรี่เข้าใส่พวกเขาด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม แม้เวินเจิงกับหลัวเทียนเฉิงพยายามใช้วิชาขวางสุดชีวิต แต่ก็เห็นเถาวัลย์รอบด้านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่ทุกคนหน้าซีดเหมือนฝุ่นสีเทา ในหูกลับได้ยินเสียงของจินเทียนชื่อพร้อมกัน
“พอแสงสีขาวสว่าง หนีไปทันที ไม่ต้องสนอะไรทั้งนั้น!”
สิ้นเสียง จินเทียนชื่อก็เหาะเข้ามาใกล้วงต่อสู้ แสงดาวสีขาวไหลวนในดวงตา เสื้อผ้าปลิวสะบัด ปากท่องมนตร์แผ่วเบาหลายประโยคออกมา ทันใดนั้นเงามังกรยักษ์สีขาวที่มีแสงดาวเจิดจ้ารอบร่างตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาแล้วใช้ลำตัวโอบรอบลูกบอลเถาวัลย์ทั้งลูกไว้ในพริบตา
เปรี้ยง!
ลูกบอลเถาวัลย์สีฟ้าทั้งลูกถูกบีบจนระเบิด เงามังกรยักษ์สีขาวส่องแสงสีขาวสว่างจ้าจากนั้นก็ปริแยกกลายเป็นแสงดาวนับไม่ถ้วนซัดสาดไปสี่ด้านแปดทิศ
ชั่วขณะหนึ่งฟ้าดินแทบจะถูกแสงดาวสีขาวเจิดจ้าสะกดตาครอบครองไว้จนหมด
ไม่ว่าจะเป็นหลานซือกับคนอื่นในเผ่า หรือชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์ที่ตามมาล้วนไม่ทันป้องกัน สองตาของพวกเขาลืมไม่ขึ้น ร่างกายถูกแสงดาวสีขาวกลืนกลบไป
“ฟึบ” “ฟึบ”!
ลำแสงสีเทาสายหนึ่งกับสีเงินสายหนึ่งพุ่งออกจากแสงดาวสีขาวเต็มฟ้ามุ่งไปไกลทันที ดูจากสีของลำแสง พวกเขาก็คือเวินเจิงกับหลัวเทียนเฉิงนั่นเอง!
จากนั้นลำแสงหลากสีอีกสี่สายก็พุ่งแยกย้ายกันไปทั่วทุกสารทิศด้วย
มีแต่จินเทียนชื่อผู้มีแสงดาววนล้อมที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่แรก
เวลาผ่านไปถึงเจ็ดแปดลมหายใจ แสงดาวสีขาวเต็มฟ้าถึงค่อยๆ ดับแสง เผยให้เห็นชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์ หลานซือรวมถึงผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชุดฟ้าหลายคนที่อยู่ด้านใน
“สหายหู่ฉาง ในเมื่อเจ้าสนใจเผ่ามนุษย์ชุดทองคนนั้น ก็ยกให้เจ้า!” หลานซือมองจุดแสงสีทองจุดหนึ่งไม่ไกลที่กำลังจะเร้นหายไปแล้วหัวเราะร่าเอ่ยกับชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์
“เหอะ ข้าต้องให้เจ้าอนุญาตหรือ!” ชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์ได้ยินก็แค่นเสียงอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นไอหมอกสีเหลืองก็หุ้มรอบร่างไล่ตามจุดแสงสีทองไป
“มนุษย์เหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ ไม่ต้องไล่ตามต่อแล้ว พวกเจ้ากลับฐานไปก่อน ข้าจะไปช่วยท่านจี๋อิ่งแย่งชิงสมบัติ” หลานซือเห็นลำแสงของชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์จากไปไกล ดวงเนตรงามก็ทอประกายประหลาดวูบหนึ่งแล้วเอ่ยกับคนที่เหลืออย่างนิ่งสงบ
สิ้นเสียง รอบร่างของนางก็เปล่งแสงจิตวิญญาณกลายเป็นรุ้งน่าตะลึงสีฟ้าสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ไปอีกด้าน
บนท้องฟ้าเหนือป่าสีเหลืองห่างไปหลายพันลี้ เงาร่างสีเลือดกับสีดำกำลังส่องสว่างวูบวาบเต้นระบำชวนให้คนตาลาย!
หลิ่วหมิงอาศัยปีกเนื้อสีเงินทั้งคู่หลังร่างผนวกกับเคล็ดวิชาเงาสามส่วนฝืนหลบหลีกการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าจากเงาลวงทั้งหมดของจี๋อิ่งมาได้ แต่ทั่วตัวเขาตั้งแต่บนจรดล่างมีคราบเลือดเป็นด่างดวง ร่างกายไม่มีผิวที่ดีเหลืออีกแล้ว
หากไม่ใช่เพราะกายเนื้อของเขาแข็งแกร่ง ผนวกกับมีเคล็ดวิชาเกราะอสูรสนับสนุน แล้วยังมีเกล็ดมังกรสีแดงหลังพัฒนาที่เคลื่อนไหวได้ว่องไว เขาก็คงตายไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
ท้องฟ้ารอบด้านมีมังกรหมอกสีดำยาวสิบกว่าจั้งสี่ตัวกับพยัคฆ์หมอกสีดำสี่ตัวเหาะวนเวียนอยู่อย่างเชื่องช้า บดบังท้องนภาไปเกือบครึ่งจนแสงตะวันมืดหม่น
“ข้าแนะนำให้เจ้ามอบเตาหลอมล้ำค่ามาเสียดีๆ แล้วข้าจะเหลือศพครบร่างให้เจ้า! การโจมตีจากร่างจำแลงเหล่านั้นของเจ้าไม่มีผลสักนิดกับข้า อย่าเปลืองแรงเปล่าเลย!” เงาสีเลือดหลายร่างขยับวูบ เสียงทุ้มต่ำโหดเหี้ยมของจี๋อิ่งดังขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูแคลนต่อวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ
“เหอะ ไม่ถึงที่สุด เจ้าจะรู้จริงได้อย่างไรว่ามีประโยชน์หรือไม่?” หลิ่วหมิงแค่นเสียงหยันครั้งหนึ่งจากนั้นร่างกายก็ขยับหลบพ้นการโจมตีของเงากรงเล็บสีเลือดหลายสายได้อย่างหวุดหวิด ปราณดำบนแผ่นหลังทะลักออกมาจากนั้นมังกรหมอกตัวหนึ่งกับพยัคฆ์หมอกอีกตัวหนึ่งก็โผออกมาอีกครั้ง
ชั่วอึดใจต่อมา “บึ๊ม บึ๊ม บึ๊ม” เสียงระเบิดหลายครั้งดังขึ้น!
เงามังกรกับพยัคฆ์ทั้งหมดรอบด้านระเบิดแทบจะในเวลาเดียวกัน กลายเป็นลูกบอลแสงสีดำขนาดหลายสิบจั้งลูกหนึ่ง กลืนทั้งร่างของจี๋อิ่งเข้าไป
เสียง “ฟึบ” “ฟึบ” “ฟึบ” “ฟึบ” ดังขึ้นสี่ครั้ง!
เงาดำที่กลิ่นอายเหมือนกันทุกประการสี่สายแยกย้ายกันพุ่งออกมาจากลูกบอลแสงสีดำแล้วพุ่งรวดเร็วไปออกตกเหนือใต้สี่ทิศทางอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย!
ผ่านไปเพียงสามถึงสี่ลมหายใจ เส้นไหมแวววาวสีเลือดมากมายถี่ยิบก็ทะลุออกมาจากลูกบอลแสงสีดำ “บึ๊ม” ลูกบอลแสงสีดำระเบิดดังกึกก้องเผยร่างซูบผอมของจี๋อิ่งออกมา
“ท่านจี๋อิ่ง ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ” ในตอนนี้เองรุ้งน่าตะลึงสีฟ้าเส้นหนึ่งก็แหวกท้องฟ้ามาจากขอบฟ้าไกล มันพุ่งมาถึงเผยร่างสีฟ้าอ้อนแอ้นร่างหนึ่งออกมา สตรีนามหลานซือนั่นเอง
“ก็แค่ลูกไม้กระจอกเท่านั้น! หลานซือ เจ้าใช้วิชาหมื่นพฤกษาช่วยข้าจับตาเจ้าหนูคนนี้เอาไว้ ถึงเวลาดูซิเจ้าหนูเผ่ามนุษย์คนนี้ยังจะหนีจากฝ่ามือของข้าได้อย่างไร!” จี๋อิ่งสั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“รับคำสั่ง ท่านจี๋อิ่ง! แต่จะใช้วิชานี้ต้องการเวลาเตรียมตัวสักหน่อย…” หลานซือรีบเอ่ยตอบ
“เหอะ อย่าบ่นมาก! ขอแค่ช่วยข้าจับตาเจ้าหนูคนนี้ไว้ แค่ระยะห่างไม่กี่พันลี้ ด้วยความเร็วของข้าไม่เป็นปัญหาอย่างสิ้นเชิง!” มือใหญ่ของจี๋อิ่งโบกไม่ให้หลานซือเอ่ยต่อ ขณะที่เขาพูด ประกายเหี้ยมเกรียมก็ฉายวาบในดวงตา
หลานซือได้ยินก็นั่งขัดสมาธิลงกับพื้นทันที มือข้างหนึ่งเปล่งแสงสีฟ้า กิ่งไม้แห้งที่ประหลาดอยู่บ้างกิ่งหนึ่งปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า นางวางมันนอนราบบนสองฝ่ามือ จากนั้นดวงเนตรงามก็หลับตาลงแล้วท่องมนตร์
จี๋อิ่งกลับไม่มองสตรีผู้นี้สักหน เขาเอาแต่ยืนมือไพล่หลัง สีหน้าเคร่งขรึมดั่งสายน้ำไม่รู้กำลังคิดสิ่งใดอยู่
พร้อมกับที่เสียงท่องมนตร์ของหลานซือดังกังวาน ม่านแสงสีฟ้าชั้นหนึ่งก็ม้วนออกมาจากบนกิ่งไม้แห้งบนมืออย่างเร็วไวก่อนจะล้อมทั้งร่างของนางไว้ด้านใน
อึดใจต่อมาคลื่นไหวกระเพื่อมสีฟ้าวงแล้ววงเล่าก็แผ่ขยายออกไปสี่ด้านแปดทิศแล้วมุ่งออกไปไกลโดยมีสตรีนางนี้เป็นศูนย์กลาง
……
ครึ่งเค่อหลังจากนั้นจุดสีดำจุดหนึ่งปรากฏขึ้นไกลออกไปบนท้องฟ้า มันกะพริบวูบวาบไม่กี่หน จุดสีดำก็ขยายจากเล็กกลายเป็นใหญ่แล้วเหาะลงมายังท้องฟ้าเหนือหน้าผาชันสูงพันจั้งแห่งหนึ่ง
แสงสีดำส่องสว่างวูบหนึ่ง ร่างของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏออกมา หลิ่วหมิงนั่นเอง
เขาหันหลังกลับไปมองด้านหลังแวบหนึ่ง ในดวงตาฉายแววประหลาดใจ จากนั้นเขาก็หงายฝ่ามือและเห็นกลางฝ่ามือมีขนแผงคอสีโลหิตกำน้อยลอยอยู่
นี่คือขนกระจุกหนึ่งที่เขาแอบดึงออกมาจากร่างของจี๋อิ่งยามประมือกันเมื่อครู่
หลิ่วหมิงเพ่งสมาธิขณะที่ปากท่องมนตร์แผ่วเบา กลางฝ่ามือปรากฏคลื่นไหวกระเพื่อมรูปวงกลมสีดำวงแล้ววงเล่าขยายใหญ่จนมีขนาดหลายฉื่อพร้อมกับเสียงท่องมนตร์ก่อนจะจมหายไปในอากาศ