ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 576 ข้าชื่อฉา
“ช่างเป็นโลกที่สวยงามจริงๆ!”
หวางมู่หรัน เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียน และคนอื่นๆ ชื่นความสวยงามตระการตาของสวรรค์ไท่หวง มีดวงตะวันสองดวงอยู่บนฟ้า อันทำให้พวกเขาชื่นชมด้วยความทึ่งใจไม่รู้จบ ไกลออกไปยังทิศไกลๆ แท่นสังเวยใหญ่มหึมาส่งแสงสีดำขึ้นไปบนชั้นเมฆ คณะเดินทางกลุ่มนี้ไม่รู้เลยว่าภาพอันผิดประหลาดเกิดขึ้นจากการจุติลงมาของบรรพชนมาร
“เมื่อข้าได้ยินว่าดวงตะวันที่นี่ระคายตาเสียเหลือเกิน ข้าก็ไม่กล้ามา” เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มีก็แต่ตอนนี่ที่ราชครูได้เริ่มต้นสร้างดวงตะวันขึ้นมาใหม่ ข้าถึงกล้าเข้า”
พวกเขามายังชายเขตของเมืองหลีอันมีทหารมากมายออกมาตรวจสอบพวกเขา เมื่อได้ยินว่าพวกเขาคือผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสันตินิรันดร์ พวกทหารก็รีบกล่าว “ช่วงนี้มีมารมากมายออกเพ่นพ่าน ดังนั้นพวกเราจึงต้องรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดมากขึ้น ขออภัยด้วย”
หวางมู่หรันมองไปรอบๆ และเห็นว่ามีกองทัพกำลังฝึกฝนอยู่ข้างนอกเมือง ธงศึกมากมายปลิวไสวอยู่ในสายลม ขณะที่ผู้ฝึกวิชาเทวะกำลังวิ่งไปเป็นกลุ่มเหมือนฝูงหมาป่าเพื่อพุ่งทะยานผ่านพยุหะกระบวนทัพใหญ่ราวกับหมีเถื่อน วรยุทธของพวกเขาล้วนแต่โดดเด่น และกำลังการต่อสู้ก็แข็งแกร่งเหนือธรรมดา ทำให้เขากระหายอยากที่จะออกไปทดสอบตนเอง
“มู่หรัน ใจเย็น” ผู้สันโดษชิงโยวกล่าว “มรดกยุทธของสวรรค์ไท่หวงสืบทอดมาครบสมบูรณ์ และมีระดับชั้นที่เหนือกว่าสันตินิรันดร์ แม้ว่าเจ้าจะได้รับมรดกยุทธมาจากยมโลก เจ้าก็ยังคงด้อยกว่าผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสวรรค์ไท่หวง หากว่าเจ้าต้องการแลกเปลี่ยนกำลังฝีมือกับใครสักคน เจ้าจะต้องหาผู้ฝึกวิชาเทวะที่วรยุทธต่ำกว่าเจ้าหนึ่งขั้น
หวางมู่หรันไม่อยากจะยอมรับและส่ายหัว “อาจารย์อา ในสันตินิรันดร์นอกจากจ้าวลัทธิฉินแล้ว ข้าก็ไม่เคยแพ้ใครในขั้นวรยุทธเดียวกัน!”
เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนเลิกคิ้วและกระแอมไอหนึ่งที
หวางมู่หรันมองไปที่เขาและกล่าวอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนมีความเห็นอะไรหรือเปล่า”
เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนแย้มยิ้มและกล่าว “หากว่าพวกเราไม่เคยสู้กันมาก่อน เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าไม่แพ้ใครเลยสักคน”
ประกายในตาของหวางมู่หรันฉายเจิดจ้าขึ้น “เจ้าพูดถูก เจ้าและข้าล้วนแต่เป็นผู้นำในพันธมิตรสวรรค์ แต่กระนั้นพวกเราก็ไม่เคยต่อสู้กันมาก่อน เพราะถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นเจ้าสำนักเต๋าแห่งสำนักเต๋า ดังนั้นศักดิ์ฐานะของเจ้าจึงสูงกว่าข้ามาก ข้านั้นเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาในนครหยกน้อย แต่ทว่า ยิ่งเจ้าอยู่สูงมากเท่าไร เจ้าก็จำเป็นต้องต่อสู้น้อยเท่านั้น ข้าสงสัยว่าฝีมือของเจ้าจะสนิมเกาะหมดหรือยัง”
“เจ้าได้ต่อสู้กับคนมากมาย แต่พวกเขาล้วนอ่อนแอกว่าเจ้า บางครั้งการต่อสู้กับยอดยุทธฝีมือแกร่งก็เหนือล้ำกว่าการต่อสู้คนธรรมดานับร้อยคน ศิษย์พี่มู่หรันคิดว่าอย่างไรล่ะ” เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนกล่าวอย่างแช่มช้า
ทั้งสองคนกำลังคุกรุ่นไปด้วยจิตหาญสู้ และกำลังจะลงมืออยู่นั่นเอง ก็พลันเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นอันน่าแตกตื่นดังมา พวกเขาเห็นนายกองหญิงสองคนต่อสู้กันในพยุหะ พวกนางทั้งสองคือองค์หญิงอวี้จิวแห่งสันตินิรันดร์ และธิดาเทพซีอวิ๋นเซี่ยงแห่งลัทธินักบุญสวรรค์
หญิงทั้งสองรับหน้าที่ในการซ้อมรบคนละฝั่งฝ่าย และพวกเขาก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดตั้งแต่นาทีแรกที่ประจันหน้ากัน หลิงอวี้จิวเงื้อเท้ากระทืบลงไปอย่างรุนแรง และโคลนปลิวขึ้นสู่ท้องฟ้า อสุนีบาตจำนวนนับไม่ถ้วนพลันปรากฏอยู่บนนภากาศ และพวกมันก็ก่อขึ้นเป็นวังน้ำวน ข้างในนั้นมีมังกรเขียวกำลังร่ายรำอยู่
ตูม!
หญิงทั้งสองปะทะกัน และสายฟ้าฟาดเปรี้ยงปร้างลงมารอบตัวพวกนาง หลิงอวี้จิวเหวี่ยงค้อนทุบ และมังกรเขียวสายฟ้านับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งลงจากฟากฟ้า ทักษะเทวะหลากหลายละลานตาระเบิดออกมา พลานุภาพของมันยิ่งใหญ่จนทำให้หวังมู่หรันและเจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนเปลือกตากระตุกอย่างรุนแรง
มรรคาที่หลิงอวี้จิวเลือกเดินนั้นคือการหลอมรวมวิชาบู๊กับเต๋าแห่งเวทมนตร์เข้าด้วยกัน ด้วยการซ่อนทักษะเทวะเอาไว้ในวิชาบู๊ นางก็ใช้สายฟ้าเพื่อขัดเกลาร่างกายของตน และพลังวัตรของนางก็เข้มข้นอย่างเหลือแสน พลุภาพทักษะเทวะนางน่าตื่นตระหนกอย่างแท้จริง
ซีอวิ๋นเซี่ยงผู้ซึ่งกำลังต่อสู้กับนาง ได้เดินไปในแนวทางซ่อนกระบี่ไว้ในทักษะเทวะ นางได้สืบทอดเอาจุดเด่นของลัทธินักบุญสวรรค์ในด้านทักษะเทวะ ทั้งความพิลึกประหลาดและความยากจะคาดคะเน ในแง่ของพลังวัตร นางด้อยกว่าหลิงอวี้จิว แต่เมื่อผสมผสานทักษะเทวะทุกชนิดแห่งลัทธินักบุญสวรรค์ นางก็สามารถระเบิดพลานุภาพอันเหนือธรรมดาออกไปได้
“จ้าวลัทธิลำเอียงอะไรอย่างนี้ที่ถ่ายทอดวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนาให้เจ้า! ยัยเด็กจิว ต่อให้เจ้าฆ่าข้า ข้าก็ยังคงเป็นฮูหยินลัทธิตัวจริงอยู่ดี!”
“ยัยเด็กเซี่ยง เจ้าคือฮูหยินลัทธิ? ข้าต่างหากที่แต่งงานกับเขาก่อน อย่างมากเจ้าก็เป็นที่สอง! ข้าเป็นคู่รักสมัยเด็กกับเด็กเลี้ยงวัว และได้แลกเปลี่ยนของแทนใจแล้ว ค้อนใหญ่นี้เขาให้ข้ามา!”
“บ๊ะ! ของแทนใจที่ไหนกันถึงเป็นค้อนยักษ์แบบนี้ จ้าวลัทธินั้นผูกมัดกับข้าแล้วนับตั้งแต่เขาให้กระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์แก่ข้า!”
“บ๊ะ! เจ้ารีดไถมันมาจากเขาชัดๆ แถมยังเอามันไปขายหลังจากนั้นอีก!”
…
เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียน หวางมู่หรัน และคนอื่นๆ ยืนมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง ทักษะเทวะและวิชาต่างๆ ทุกชนิดระเบิดปะทุในพยุหะกระบวนทัพระหว่างเด็กสาวทั้งสอง พลานุภาพของพวกมันน่าแตกตื่นสะท้านขวัญ เพียงแต่ว่าพวกนางปล่อยให้โทสะเข้าท่วมหัว และเมื่อพยุหะทัพเปลี่ยนกระบวน พวกนางก็ยังคงต่อสู้กันอยู่แทนที่จะปรับเปลี่ยนตามกระบวนทัพ
ทันใดนั้น เด็กสาวเจ้าของเปียยาวสองข้างก็เข้ามาระหว่างทั้งคู่และแยกพวกนางออกจากกัน “พี่สาวทั้งสอง นี่เป็นการซ้อนรบไม่ใช่การต่อสู้หมายชีวิต”
“ซังฮั่ว เจ้าจะมาขัดจังหวะรึ”
ทั้งสามสาวต่อสู้กันจนฟ้าถล่มดินทลาย หลินเสวียนและหวางมู่หรันหันกลับไปมองแต่ละฝ่ายด้วยความแตกตื่น หัวใจของพวกเขาหนักอึ้ง พวกเขาไม่รู้จักซังฮั่ว แต่คุ้นเคยกับซีอวิ๋นเซี่ยงและหลิงอวี้จิวเป็นอย่างยิ่ง เด็กสาวทั้งสองก็เป็นสมาชิกพันธมิตรสวรรค์เช่นกัน และแม้ว่าพวกนางจะไม่ธรรมดา แต่กำลังฝีมือของพวกนางก็ด้อยกว่าพวกเขาอยู่เล็กน้อย
หลิงอวี้จิวและซีอวิ๋นเซี่ยงได้เข้ามาในสวรรค์ไท่หวงก่อนพวกเขา และภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน วรยุทธของพวกนางก็เพิ่มพูนจนถึงขนาดที่ว่าพวกเขาไม่เคยคิดฝันมาก่อน นี่นับว่าสร้างแรงกดดันให้แก่พวกเขาอย่างหนัก
“เพียงแค่หนึ่งเดือนที่ไม่ได้เห็นพวกนาง และพวกเราก็อาจจะไม่สามารถเอาชนะได้เสียแล้ว ทำไมพวกเรายังจะมัวมานั่งสู้กันว่าใครแข็งแกร่งกว่าอยู่อีกล่ะ” เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนยิ้มอย่างขมขื่น “พวกเราควรจะศึกษาหาความรู้อย่างสงบเสงี่ยมจะดีกว่า และเรียนรู้มรรคาแห่งการฝึกวรยุทธของสวรรค์ไท่หวง”
หวางมู่หรันผงกหัว “การที่องค์หญิงจิว และธิดาเทพเซี่ยงมีความเพิ่มพูนอย่างพลิกหน้ามือเป็นหลังมือภายในระยะเวลาอันสั้น ก็แปลว่าจะต้องมีความบกพร่องอันร้ายแรงในระบบการฝึกวรยุทธของสันตินิรันดร์ ตราบที่เราซ่อมแซมความบกพร่องนี้ กำลังฝีมือของพวกเราก็มีโอกาสที่จะรุดหน้าไปราวกับเหินทะยาน!”
พยุหะศึกแปรเปลี่ยน และกองกำลังอีกจำนวนหนึ่งก็เข้ามาร่วมในสนามรบ เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนมองไปและเห็นบัณฑิตแห่งสันตินิรันดร์มากมายฝึกรบอยู่กับกองพัน กำลังฝีมือของเว่ยหยง ฉินอวี้ เฉินหว่านอวิ๋น เยว่ชิงหง และคนอื่นๆ ก็ได้เพิ่มพูนไปอย่างน่าสะพรึงกลัว ความรุดหน้าของกำลังการต่อสู้พวกเขานั้นใหญ่หลวงนัก นี่สร้างแรงกดดันแก่เด็กหนุ่มทั้งสองมากขึ้นอีก
“ซวีเซิงฮวาเข้ามาในสวรรค์ไท่หวงหลายวันก่อนหน้าพวกเรา และเขาก็เป็นเจ้าคนที่หัวเฉียบแหลมเอามากๆ ข้าคะเนว่าเขาคงจะคว้าจับเอาแง่อัศจรรย์ของการฝึกวรยุทธสวรรค์ไท่หวงได้แล้ว และผ่านเจดีย์สยบเทพได้อย่างสบายๆ”
พวกเขาเดินเข้าไปในเมืองและเห็นโถงโรงเรียนมากมายของสถาบันนักบุญสวรรค์ตั้งอยู่สองข้างฝั่งถนน บัณฑิตข้างในนั้นกำลังรับฟังมรรคาแห่งการฝึกวรยุทธที่ยอดยุทธขั้นสะพานเทวะและเทพเจ้าแห่งสวรรค์ไท่หวงมาสอนบรรยาย
“จ้าวลัทธิฉินช่างรู้จักแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวจริงๆ!”
เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กล่าวแก่นักพรตเฒ่าชายหญิงที่อยู่ข้างๆ เขา “สำนักเต๋าของพวกเรานั้นปิดตัวเองมากเกินไป พวกเราจะต้องเรียนรู้มรรคาการฝึกวรยุทธของสวรรค์ไท่หวง ไม่อย่างนั้น พวกเราคงไม่โงหัวไม่ขึ้นภายใต้แรงกดดันของลัทธินักบุญสวรรค์ วิธีการของจ้าวลัทธิฉินนั้นดีเยี่ยม และตราบใดที่มันใช้ประโยชน์ได้ พวกเราก็จะเรียนรู้จากเขา
ตันหยางจื่อและคนอื่นๆ รับคำ
หลังจากผ่านราชวังหลังหนึ่ง พวกเขาก็ได้ยินเสียงพุทธก้องสะท้อนไปมาในอากาศ ข้างในนั้น หลวงจีนชั้นสูงจากวัดใหญ่ฟ้าคำรามมากมายกำลังนั่งอยู่ในโถงวัง ตรงกลางพวกเขาคือยูไลหม่า หลวงจีนชั้นสูงมากมายสวดภาวนาคาถาพุทธ และชั้นของสรวงสวรรค์พุทธต่างๆ ก็ลอยเลื่อนอยู่หลังศีรษะของพวกเขา
สวรรค์ทั้งยี่สิบชั้นกลายเป็นเหมือนจริงมากขึ้นทุกที พุทธเจ้า เทวดา โพธิสัตว์มากมายบนแต่ละชั้นสวรรค์เริ่มจะชัดเจนเป็นรูปร่างมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังจะเปลี่ยนจากอากาศธาตุมาเป็นของจริง!
“อาจารย์อา พวกเขาทำอะไรอยู่” หวางมู่หรันถามผู้สันโดษชิงโยว
“เปิดเส้นทางไปยังพุทธเกษตร” ผู้สันโดษชิงโยวอธิบาย “ตามบันทึกของนครหยกน้อย ลัทธิพุทธมีโลกมิติของพวกเขา ระหว่างยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง พุทธเจ้ามากมายได้เหาะขึ้นสู่สวรรค์ไปยังสรวงสวรรค์ของลัทธิพุทธ และออกจากวัดใหญ่ฟ้าคำราม หลังจากที่ยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งสิ้นสุด เส้นทางไปยังพุทธเกษตรก็ขาดสะบั้น”
“ขนาดว่าท้องฟ้ายังเป็นของเทียมเท็จ ในเมื่อมันเป็นเวทปิดผนึกขนาดมหึมา ก็ย่อมจะเป็นธรรมดาที่พวกเขาไม่สามารถไปยังพุทธเกษตรได้ แต่ทว่าม่านคุ้มกันโลกแห่งสวรรค์ไท่หวงนั้นบางเฉียบ ดังนั้นยูไลคงจะต้องวางแผนที่จะเปิดเส้นทางไปยังสวรรค์พุทธจากที่นี่ และสร้างการติดต่อกับพุทธเจ้าโบราณ”
“ยูไลหม่ากะว่าจะหาวิชาฝึกปรือขั้นต่อไปของพระสูตรมหายานยูไลอย่างนั้นหรือ” หลงอวี๋ถาม
ผู้สันโดษชิงโยวผงกหัว “น่าจะเป็นเช่นนั้น พระสูตรมหายานยูไลสามารถฝึกปรือได้ถึงเพียงแค่สวรรค์ยี่สิบชั้น ในวินาทีที่ใครก็ตามบรรลุเขตขั้นพุทธ ก็จะไม่มีวิชาฝึกปรือขั้นต่อไป ยูไลหม่ามีความทะเยอทะยานอันสูงส่ง ดังนั้นเขาย่อมจะต้องทำเช่นนี้เพื่อมรรคาแห่งการฝึกวิทยายุทธไปยังสรวงสวรรค์ชั้นถัดๆ ไปจากพระสูตรมหายานยูไล”
เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง และถามตันหยางจื่อ “อาจารย์อา สำนักเต๋าของพวกเรามีพิภพเต๋าบ้างหรือไม่”
ตังหยางจื่อส่ายหัว “ข้าไม่เคยได้ยินเลยสักหน”
เจ้าสำนักเต๋าไหล่ตก และเขาก็ถอนหายใจ “เมื่อบรรพชนไม่ขวนขวายมากพอ ชนรุ่นหลังก็ต้องลำบากลำบน ไม่ใช่ว่าเจ้าสำนักเต๋าคนก่อนๆ จะไม่ยินดียินร้ายกับความสำเร็จทางโลกมากเกินไปหรอกหรือ หากว่าพวกเราไม่ขวนขวาย พวกเราก็จะพ่ายแพ้แก่วัดใหญ่ฟ้าคำราม! แล้วพวกเราจะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิเต๋าต่อไปได้อย่างไร สำนักเต๋าไม่อาจคร้านเฉยได้!”
ตันหยางจื่อกระซิบ “เจ้าสำนักเต๋า แม้ว่าสำนักเต๋าของพวกเราไม่มีโลกสวรรค์อย่างพิภพเต๋า พวกเราก็มีเทพเจ้าที่บรรลุเต๋าซ่อนอยู่ในโลกสวรรค์ของคนอื่น สวรรค์ไท่หวงนี้ก็เป็นโลกสวรรค์อันกว้างใหญ่ และน่าจะมียอดฝีมือของสำนักเต๋าพวกเรา ตราบเท่าที่เราหาเจอสักคน ก็จะสามารถเติมเต็มระบบฝึกบำเพ็ญเต๋าแห่งลัทธิเต๋าเราให้ครบสมบูรณ์ เราอาจจะได้รับวิชาเซียนเถียนบรมปริศนาที่ครบสมบูรณ์ด้วยอีก…”
เจ้าสำนักเต๋าจิตใจคึกคักขึ้นมาทันที แต่ไม่ช้าก็ห่อเหี่ยวอีกครั้ง “ที่นี่ต้องไม่มียอดฝีมือสำนักเต๋าอยู่อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้น ทำไมพีชคณิตที่นี่ถึงย่ำแย่ขนาดนี้”
ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ เทพแห่งสวรรค์ไท่หวงตนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมด้วยสวมใส่ชุดนักพรตเต๋าและถือแส้ปัดหางม้าไว้ในมือ ล่องลอยมาด้วยกลิ่นอายของผู้อมตะ เขาถาม “สหายทั้งหลายเป็นผู้คนแห่งสำนักเต๋าหรือ”
เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนและนักพรตคนอื่นๆ แห่งสำนักเต๋าลิงโลดยินดี หลินเสวียนรีบคารวะทักทายกลับไปและถามด้วยเสียงอันสั่นเทิ้ม “ผู้เยาว์หลินเสวียนละอายใจนักที่เป็นเจ้าสำนักเต๋า ผู้อาวุโสท่านนี้เป็นยอดฝีมือที่บรรลุเต๋าแห่งสำนักเต๋าของพวกเราหรือ”
ด้วยความปีติยินดี เทพแห่งสวรรค์ไท่หวงกล่าว “พวกเจ้ามาจากสำนักเต๋าจริงๆ ด้วย! ข้าเองก็นับได้ว่ามาจากสำนักเต๋า ข้าชื่อว่าฉา และชื่อทางธรรมคือนักพรตฉา แต่เดิมข้าเป็นสัตว์พิสดารที่พิทักษ์ประตูแห่งคุนหลุน แต่เมื่อภัยพิบัติกวาดล้างมา ข้าก็ติดตามนักพรตเทียนชิงไปบรรลุเต๋า หลังจากที่เขาตายในการศึก ข้าก็รั้งอยู่ในสวรรค์ไท่หวงแห่งนี้”
นักพรตทั้งหลายจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง ทำอะไรไม่ถูก ปรากฏว่ามียอดฝีมือแห่งสำนักเต๋าในสวรรค์ไท่หวงจริงๆ แต่เขาเป็นสัตว์พิสดารเฝ้าประตูก่อนจะได้บรรลุเต๋า นี่หมายความว่าเขาไม่เชี่ยวชาญในทั้งวิชาเซียนเถียนบรมปริศนาและกระบี่เต๋า!
นั่นเพราะว่าสุดยอดวิชาทั้งหมดของสำนักเต๋าก่อตั้งบนรากฐานแห่งพีชคณิต และในเมื่อพีชคณิตของสวรรค์ไท่หวงย่ำแย่เสียขนาดนี้ ก็ย่อมจะเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิงที่จะมีพีชคณิตอันลึกซึ้งใดๆ ถ่ายทอดสืบกันมา
นักพรตฉาคงจะต้องอาศัยวิชาฝึกปรืออื่นเพื่อบรรลุเต๋า!
นักพรตทั้งหมดผิดหวัง แต่เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนรีดรอยยิ้มออกมา “ในช่วงปีที่ผ่านมาผู้อาวุโสฉาคงลำบากมากแล้ว ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสจะช่วยเปิดทางสะดวกให้พวกเราสักหน่อยจะได้หรือไม่ และช่วยสำนักเต๋าพวกเราได้ลงหลักปักฐาน และสหายเต๋าหลายคนนี้ก็มาจากนครหยกน้อย พวกเขาก็ไม่มีที่พักพิงอยู่ชั่วคราวเช่นกัน”
นักพรตฉาแย้มยิ้มให้แก่พวกเขา “นี่ง่ายดายมาก จ้าวลัทธิฉินและราชครูสันตินิรันดร์ได้สั่งความเอาไว้ว่า ตราบเท่าที่ผู้มาเป็นสหายจากสันตินิรันดร์ พวกเราจะต้องไม่นิ่งดูดาย มาคิดๆ ดูแล้ว พวกเจ้ารู้จักจ้าวลัทธิฉิน ใช่หรือไม่”
“เขาช่างเป็นคนประหลาดเสียจริง ชื่อเสียงของเขากระเดื่องเลื่องลือในสวรรค์ไท่หวงของพวกเรา และศักดิ์ฐานะของเขาก็เหนือธรรมดา ข้าได้ยินว่าเขาถึงกับเป็นจ้าวลัทธินักบุญสวรรค์ กำเนิดมาก็เป็นนักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์และครอบครองกายาจ้าวแดนดิน ผู้คนหลายคนเลื่อมใสในกิตติศัพท์ของเขา และได้ไปเสาะหาตำแหน่งในลัทธินักบุญสวรรค์…”
เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนมองไปที่เขาด้วยสีหน้าประหลาด พลางสบถในใจ นั่นมันไม่ใช่ลัทธิมารหรอกหรือ
“ลัทธินักบุญสวรรค์มีที่มาจากครูบาสวรรค์ผู้ยิ่งยง แต่สำนักเต๋าของเราก็ไม่อาจจะน้อยหน้าพวกเขา จริงสิ ก่อนที่นักพรตเทียนชิงจะตายในการต่อสู้ เขาทิ้งของหลายอย่างไว้ให้กับข้า ข้าได้เก็บมันไว้ให้ปลอดภัยอยู่เสมอมา…” นักพรตฉากล่าว
…………………….