ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 695 เต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งไฟสวรรค์
- Home
- ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods
- ตอนที่ 695 เต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งไฟสวรรค์
ฉินมู่ส่งซวีเซิงฮวาไป และท้าวยมราชก็ได้พาหนิงจิ่นไปยังยมโลก บางทีที่นั่นอาจจะเหมาะแก่การดำรงชีวิตของเขามากกว่า
พวกเขาทุกคนต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะของตน และปัญหายุ่งยากของเทพีหยินสวรรค์ก็ได้รับการแก้ไข ด้วยอักษรรูนโลกหยินสวรรค์สามร้อยยี่สิบสี่ตัว โลกหยินสวรรค์ก็จะไม่เป็นโลกอันตายแล้งในอนาคต ในทางกลับกัน มันจะคึกคักและรุ่งเรือง!
ฉินมู่ลอบถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน คงจะมีผู้ฝึกวิชาเทวะมากมายหลั่งไหลเข้าไปในโลกหยินสวรรค์ อันจะทำให้โลกหยินสวรรค์เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นทุกที ทักษะเทวะก็จะแยกแขนงออกเป็นร้อยๆ สำนักที่ปะทะสังสรรค์ซึ่งกันและกัน ทำให้ดอกไม้พิสดารล้วนได้เบ่งบานประชันโฉม
การปฏิรูปสันตินิรันดร์มิใช่เพียงคำพูดเปล่ากลวง ด้วยการช่วยเหลือจากเทพีหยินสวรรค์ พลังของการปฏิรูปก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น
แต่ทว่าทั้งหมดนี้ต้องการเวลา
สันตินิรันดร์ยังไม่เติบโตดีนัก โลกหยินสวรรค์ก็เช่นกัน
“และบัดนี้คือช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด เปลวไฟแห่งการปฏิรูปสามารถดับวูบไปได้ทุกขณะ”
ฉินมู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย และตัดสินใจที่จะไม่ขบคิดเรื่องยุ่งยากใจนี้ต่อ เขากับเอี๋ยนจิงจิงเดินไปตามหากิเลนมังกร และพบว่าอีกฝ่ายกำลังทำงานหนักร่วมกับเหออีอี เขานั้นถูกสตรีแห่งแผ่นดินตะวันตกใช้ให้ทำนี่นั่น
กิเลนมังกรอยากจะร่ำไห้แต่ก็ไร้น้ำตา และก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ผู้ฝึกวิชาเทวะหญิงแห่งแผ่นดินตะวันตกได้ฝึกปรือทักษะเทวะทุกสิ่งมีดวงจิตทุกสิ่งมีดวงวิญญาณ พวกนางควบคุมร่างกายของเขาด้วยทักษะเทวะประหลาดและใช้ให้เขาทำงานอะไรต่อมิอะไรตามที่พวกนางพอใจ
“มังกรอ้วนขยันขนาดนี้เชียวหรือ”
ฉินมู่ปลาบปลื้มใจและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มังกรอ้วน ช่วยข้าแบกไจกระบี่หน่อย ได้เวลาที่พวกเราจะกลับไปยังสันตินิรันดร์แล้ว”
ไจกระบี่นั่นสูงกว่าสามร้อยคืบ และมีน้ำหนักอันน่าแตกตื่น ตอนแรกกิเลนมังกรก็คิดจะปฏิเสธ แต่เขาก็ฉุกคิดขึ้นมา ข้าได้ช่วยเด็กสาวแห่งแผ่นดินตะวันตกทำงานตั้งมากมายขนาดนี้ แล้วหากข้าเกี่ยงไม่ช่วยจ้าวลัทธิ ข้าก็จะไม่มียาวิญญาณกินต่อไปเป็นแน่!
เขาปลุกปลอบตนเองเพื่อไปแบกไจกระบี่ และฉินมู่ก็ดีใจสุดๆ กิเลนมังกรขยันขึ้นมากจริงๆ
ตั้งแต่เมื่อเอี๋ยนจิงจิงได้รับเส้นสายปราณหยินพิสุทธิ์ นางก็รู้สึกว่ารากฐานของนางเสถียรมั่นคงมากขึ้นทุกที และร่างกายของนางก็ยิ่งดีขึ้นและดีขึ้น นางยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งสองคนเดินไป เสียงหัวเราะต่อกระซิกดังมาอย่างต่อเนื่อง
ฉินมู่พาเอี๋ยนจิงจิงไปยังบ่อตะวันและกล่าว “จักรพรรดิจะส่งราชโองการมาในไม่ช้า เพื่อให้เจ้าออกไปและใช้ดวงตะวันบนเรือตะวันส่องแสงสว่างแก่สวรรค์ไท่หวงและสวรรค์หลัวฝู ช่วยให้สองโลกสวรรค์นั้นฟื้นฟูพลังชีวิตกลับมา แต่ทว่า เจ้าไม่ต้องกังวลมากมาย เมื่อใดก็ตามที่พวกเราค้นพบกายาหยางพิสุทธิ์และกายาหยินพิสุทธิ์ เจ้าก็ไม่ต้องขับเรือตะวันไปไหนต่อไหนแล้ว แม้ว่าวรยุทธของเจ้าจะสูงล้ำ แต่รากฐานไม่มั่นคงเพียงพอ เจ้าจะต้องออกจากบ่อตะวันเพื่อไปแสวงหาความรู้ที่สันตินิรันดร์ เจ้าจะต้องเรียนพื้นฐานจำนวนหนึ่ง และข้าก็จะรอเจ้าในสันตินิรันดร์”
ทั้งสองคนอิดออดไม่อยากจะพรากจากกัน และฉินมู่รอส่งนางจนนางเดินกลับเข้าไปในบ่อตะวัน ก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกต่อ
เขานั่งอยู่บนหลังกิเลนมังกร และนำไฟสวรรค์แห่งแดนปริศนาออกมาศึกษาอย่างละเอียด
ตั้งแต่เมื่อเขาได้แก้วผลึกไฟสวรรค์ เขาก็ยังไม่มีเวลาศึกษามันโดยละเอียด เขาใช้มันเพียงครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็เอาแต่ส่งให้เอี๋ยนจิงจิงใช้
ในเมื่อมันเป็นไฟ แล้วทำไมมันถึงมีรูปทรงกายภาพ ทำไมมันถึงกลายเป็นแก้วผลึกไฟ
เขาอดไม่ได้ที่จะพิศวง แก้วผลึกไฟสวรรค์นี้เป็นไฟสวรรค์แห่งเทพสรรพชีวิต และแม้ว่าพลานุภาพของมันจะแข็งแกร่ง ก็น่าเสียดายว่าเขาไม่อาจควบคุมมันได้ ความสำเร็จของเขาในด้านนี้ด้อยกว่าเอี๋ยนจิงจิง และทักษะเทวะธาตุไฟทั้งหลายของเขาก็ไม่เพริศแพร้วพิสดารเท่านาง
ในตอนนั้นเอง เขาก็พลันตระหนักว่าโครงสร้างของก้อนผลึกนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างไม่หยุดนิ่ง ทำให้เขาตะลึงไปเล็กน้อย เขารีบตรวจตราดูมันอย่างใกล้ชิดและก็พบว่ามีเปลวไฟมากมายที่มีโครงสร้างของผลึก เปลวไฟเหล่านี้ถูกก่อขึ้นจากผลึกทรงหกเหลี่ยมที่เกิดขึ้นและหายไปอย่างต่อเนื่อง ดูน่าหลงใหล
“เหมือนเป็นภาพของพีชคณิตพิสดาร”
ฉินมู่เกิดสนใจขึ้นมา และเขาก็เพ่งมองต่อ เขาเห็นผลึกไฟอื่นๆ อยู่ข้างในไฟสวรรค์รูปหกเหลี่ยม และพวกมันก็เป็นผลึกทรงแปดเหลี่ยม แต่ทว่ามันไม่ได้เสถียรคงทน ก็ในเมื่อบางครั้งมันก็แบนบางครั้งมันก็กลม
เขานั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และเพ่งมองอย่างละเอียด เขาเห็นก็แต่ไฟสวรรค์แยกออกเป็นชั้นๆ ของโครงสร้างพีชคณิต ยิ่งเขามองดิ่งลงไปลึกเท่าไร ก็ยิ่งพบโครงสร้างพีชคณิตที่ซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้น
เขาส่องเข้าไปข้างในไฟสวรรค์ แต่ละชั้นๆ ของโครงสร้างพีชคณิตปรากฏอยู่ข้างหลังพวกมัน และรูปร่างผลึกที่อยู่ข้างหลังก็มิได้จำกัดอยู่แต่รูปทรงเรขาคณิตหลายเหลี่ยม แต่มันยิ่งซับซ้อนมากขึ้นทุกที
ฉินมู่นำเอาไม้บรรทัดออกมาวัด และบันทึกค่าที่ได้ลงไปในกระดาษด้วยพู่กัน จากนั้นเขาก็ประกอบอาวุธวิญญาณการคำนวณขึ้นมาเพื่อเขียนสมการลงไปหลายแถว พยายามที่จะไขแง่อัศจรรย์ของไฟสวรรค์
เขาวิจัยลึกลงไปในไฟมากขึ้นทุกที จนดูเหมือนจะลืมเลือนทิวาและราตรี เขาลุ่มหลงในการเปลี่ยนแปลงของพีชคณิตข้างในนั้น
เขาสำรวจลงไปในยังแกนกลางของไฟสวรรค์โดยไม่รู้ตัว และที่นั่นมีจุดเล็กๆ ที่กระทบกันไปมาด้วยความเร็วอันมหันต์ ดังนั้นจึงก่อเกิดความร้อนสูงลิบลิ่วและพลังทำลายล้าง
ที่น่าแปลกก็คือว่าจุดเล็กจิ๋วไร้ปานเปรียบเหล่านี้ล้วนแต่มีเส้นทางเคลื่อนที่แตกต่างกัน และเมื่อพวกมันหมุนวนโคจร พวกมันก็จะวาดภาพโครงสร้างพีชคณิตที่สมบูรณ์แบบออกมา
หากว่าเขาใช้ปราณชีวิตกระตุ้นการทำงานของไฟสวรรค์ การพุ่งกระทบกันนี้ก็จะยิ่งดุเดือดรุนแรง และอุณหภูมิของไฟสวรรค์ก็จะไปถึงสุดขีดขั้ว!
“นี่คือรูปร่างที่เล็กละเอียดที่สุดของผลึกไฟสวรรค์งั้นหรือ”
ฉินมู่รู้สึกราวกับกำลังชมดูภาพวาดอันกุก่องตระการอย่างถึงที่สุด และเขาก็จมลงไปในความลุ่มหลงอย่างช่วยไม่ได้ พีชคณิตเป็นภาพวาดที่งดงามที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุด ขนาดที่ว่าสองมหาตำราคำนวณแห่งสำนักเต๋าก็ไม่อาจใช้เพื่ออธิบายโครงสร้างจุลภาคของไฟสวรรค์ได้
ตำราคำนวณบรมปริศนา และตำราคำนวณสตรีปริศนาสามารถใช้อธิบายโครงสร้างมหภาคของจักรวาลและดวงดาว แต่ทว่าพวกมันไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้กับโครงสร้างระดับจุลภาคของไฟสวรรค์
ฉินมู่อุมานและบันทึกสิ่งต่างๆ มากขึ้นทุกทีๆ เขาเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องโครงสร้างจุลภาคของไฟสวรรค์
เขาทุ่มเทหัวใจลงไปในการศึกษามัน และสมการคณิตศาสตร์ที่เขาเรียบเรียงออกมา ก็ถึงกับสามารถเย็บรวมเป็นตำราคำนวณเล่มใหม่ได้เลยทีเดียว
เพราะว่ากิเลนมังกรกำลังแบกไจกระบี่ไป เขาจึงเดินไปด้วยความยากลำบาก อีกอย่าง ฉินมู่เองก็สนใจแต่พีชคณิตจุลภาคของไฟสวรรค์ และไม่มีเวลามาเร่งรัดเขา ดังนั้นกิเลนมังกรจึงเดินทางไปอย่างผ่อนคลาย
ในท้ายที่สุด ฉินมู่ก็อนุมานรูปทรงจุลภาคของไฟสวรรค์ออกมาได้ และเขาก็แก้สมการสุดท้ายเสร็จสิ้น
ฉินมู่ยืดเหยียดหลังและจัดปึกกระดาษเรียงจากหน้ามาหลัง ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มพึงพอใจ ตำราคำนวณสำนักเต๋าเรียกว่าตำราคำนวณบรมปริศนา งั้นตำราคำนวณของข้าจะเรียกว่าตำราคำนวณบรมอนุภาค
ตำราคำนวณบรมปริศนา และตำราคำนวณบรมอนุภาคเป็นระบบพีชคณิตสองแบบที่แตกต่างจากกันโดยสิ้นเชิง หลักพีชคณิตที่ใช้ก็แตกต่างจากกันอย่างสุดขั้ว
ตำราคำนวณบรมปริศนาใช้เพื่ออธิบายจักรวาลและสรรพสิ่งในระดับมหภาค ในขณะที่ตำราคำนวณบรมอนุภาคนั้นใช้เพื่ออธิบายจักรวาลและสรรพสิ่งในระดับจุลภาค ถ้าจะกล่าวขยายความแล้ว มันคือเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งจุลภาค
แน่ล่ะว่า ฉินมู่เพิ่งจะอนุมานตำราคำนวณบรมอนุภาคออกมาจากไฟสวรรค์เท่านั้น และก็ยังมีหลายแห่งที่เขาขาดพร่องอยู่ เขาทำได้เพียงแค่ใช้มันอธิบายขยายความไฟสวรรค์แห่งแดนปริศนา
“ถ้าอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าข้าก็จะคิดคำนวณเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งไฟสวรรค์ได้หรอกหรือ”
ฉินมู่ตื่นเต้นขึ้นมาและเพ่งสมาธิเพื่ออนุมานคำนวณโครงสร้างผลึกเล็กละเอียดของเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งไฟสวรรค์ ความเข้าใจของเขาที่มีต่ออักษรรูนอัคคีนั้นต่ำกว่าเอี๋ยนจิงจิง และไม่ใช่ว่าเพราะเขาร่ำเรียนมาน้อยกว่าเอี๋ยนจิงจิง แต่เพราะว่าแขนงที่เขาศึกษานั้นหลากหลายและกว้างขวางจนเกินไป
อักษรรูนอัคคีของเขามีระบบอักษรรูนหงส์แดงที่เป็นของปราณชีวิตหงส์แดง ระบบของเทพครองดาวอังคารจากวิชาแท้เทพอังคารครองไฟ และอันสุดท้าย ก็คือเทพไฟและมารไฟทั้งมวลที่อยู่ในคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิต ทั้งยังมีนิพนธ์มังกรอัคคีจากวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนาอีกด้วย
แม้กระนั้น การควบคุมอักษรรูนอัคคีของฉินมู่ก็ยังห่างจากคำว่าสมบูรณ์แบบนัก เพราะว่านอกจากพวกที่กล่าวมา มันยังมีอักษรรูนอัคคีจากเทพครองดาวมหาตะวัน อักษรรูนอัคคีจากนกหงส์เพลิง เช่นเดียวกับทักษะเทวะเพลิงไฟจากเผ่ามาร และไฟอีกมากมายหลายชนิด
การวิเคราะห์อนุมานเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งไฟสวรรค์นั้น เขาจะต้องโยนอักษรรูนอัคคีที่เคยร่ำเรียนมาทั้งหมดทิ้งไป และเริ่มต้นขึ้นมาใหม่จากศูนย์
และขั้นที่ยากที่สุดหลังจากเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ ก็คือการเขียน ‘หนึ่ง’
คำว่า ‘หนึ่ง’ นี้เป็นจุดแรกที่จะกำหนดทิศทางและก่อโครงสร้างพีชคณิตพื้นฐานขึ้นมา จากทิศทางของจุดแรก โครงสร้างพีชคณิตของจุดที่สองถึงจะถูกคำนวณออกมาได้ จากนั้นจุดที่สามจึงจะถูกกำหนด ตามด้วยจุดที่สี่
มีก็แต่เมื่อโครงสร้างพีชคณิตทั้งหมดเข้ามาประกอบกันก่อรูปเป็นโครงสร้างผลึกพิเศษเฉพาะ จึงจะนับได้ว่าก้าวแรกก้าวออกไปอย่างสมบูรณ์แบบ
ถัดจากนั้น เขาก็จะสามารถใช้ตำราคำนวณบรมอนุภาคเพื่อคิดคำนวณโครงสร้างผลึกอื่นๆ ด้วยการจัดเรียงผลึกในแบบแผนที่แตกต่างกัน พวกมันก็จะก่อขึ้นมาเป็นทักษะเทวะที่มีฤทธานุภาพต่างๆ กันไป
ฉินมู่พยายามคิดคำนวณขณะที่กิเลนมังกรแบกเขาและไจกระบี่ เดินมุ่งหน้าไปด้วยฝีเท้าอันหนักหน่วง เมื่อพวกเขาไปถึงเทือกเขาเทพทำลายที่ถูกทลายราบลงมากับพื้น ฉินมู่ก็ได้สำเร็จยืนยันทักษะเทวะของเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งไฟสวรรค์
ทักษะเทวะนี้ทั้งหยาบกร้านและไร้การขัดเกลา
เต๋าไม่มีพลานุภาพ มีแต่ทักษะเทวะที่มีพลานุภาพ ทักษะเทวะเป็นวิธีการที่จะสำแดงพลานุภาพของเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งไฟสวรรค์
และด้วยทักษะเทวะแรกนี้ เขาก็จะสามารถทุ่มเทอุตสาหะลงไปในศาสตร์แขนงนี้ และคิดค้นทักษะเทวะไฟสวรรค์ชนิดที่สอง ตามด้วยชนิดที่สาม…
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังมา “โอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ ฉินเฟิงชิง!”
ฉินมู่ตะลึงไปเล็กน้อย มีไม่กี่คนที่เรียกเขาว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ และก็ไม่กี่คนที่เรียกเขาว่าฉินเฟิงชิงด้วยเช่นกัน
เขาเงยศีรษะขึ้นและเผยอยิ้ม “พี่ฉีเจี่ยวอี๋”
ฉีเจี่ยวอี๋ยืนอยู่บนซากปรักหักพังของเทือกเขาเทพทำลายและกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “โอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ ข้ามาที่นี่เพื่อบอกลา ข้าจะกลับไปยังสภาสวรรค์ และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในแดนต่ำใต้อีกต่อไป เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอย่างไร”
ฉินมู่ประกายตาลุกวาบ “นี่หมายความว่าสภาสวรรค์กำลังจะลงมือจัดการสันตินิรันดร์แล้วสินะ”
ฉีเจี่ยวอี๋พยักหน้าและกล่าว “ข้าได้เดินทางไปรอบๆ สันตินิรันดร์ในช่วงหลายวันมานี้ และข้าก็ได้เห็นการปฏิรูปของราชครูสันตินิรันดร์แผดเผารุนแรงดุจไฟป่า หลังจากนั้นข้าก็ได้พบกับศิษย์พี่ทั้งสาม เจ้าก็รู้จักพวกเขา”
ฉินมู่กล่าว “โหลอวิ๋นชวี ขุยชิงเผย และฟู่เอี๋ยนชี สามคนนี้ หรือว่าพวกเขาเข้ามาในแดนโบราณวินาศตอนที่สวรรค์ไท่หวงร่วงถล่มลงมา แต่ทว่าเพียงแค่พวกเขาสามคน ก็ทำอะไรไม่ได้มากมายนักหรอก ตอนนี้มียอดฝีมืออยู่ในสันตินิรันดร์มากมาย จะสังหารพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
ฉีเจี่ยวอี๋ยิ้มแบบไม่เชิงยิ้ม “พวกเขามาที่นี่เพื่อส่งภัยพิบัติลงมาและไม่ได้มาเพื่อต่อสู้กับพวกเจ้า การส่งภัยพิบัติลงมาไม่ใช่เรื่องยากเย็นจนเกินไปสำหรับพวกเขา สำหรับเทพเจ้าที่ถือครองบันทึกเป็นตายแห่งแดนบาดาลแล้ว การฆ่าล้างผู้คนเป็นล้านๆ นั้นก็ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย พวกเขาไม่จำเป็นต้องลำบากยกมือเลยสักนิด”
หางตาของฉินมู่กระตุก
บันทึกเป็นตายมีฤทธิ์เดชขนาดนั้นจริงๆ นั่นแหละ
ฉีเจี่ยวอี๋กล่าว “เซ่นสังเวยผู้คนมากมายขนาดนี้ และถวายพวกเขาไปยังรูปสลักหินในสันตินิรันดร์ ฟื้นคืนชีพเทพเจ้าเพื่อฆ่าล้างแดนดิน ก็จะช่วยให้มีเทพเจ้าฟื้นคืนชีพมากขึ้นทุกที”
ฉินมู่ส่ายหัวและกล่าว “เทพเจ้าพวกนั้นไร้น้ำยา ต่อให้พวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาจริงๆ ตอนนี้ก็มียอดยุทธฝีมือแกร่งในสันตินิรันดร์อยู่มากมาย ยิ่งไปกว่านั้นแสนยานุภาพของแดนโบราณวินาศนั้นลึกล้ำสุดจะหยั่ง ต่อให้พวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมา แล้วจะทำอะไรได้”
ฉีเจี่ยวอี๋กล่าว “เจ้ามีหม้อเทวะที่เจ้าเรียกว่าหม้อห้าอัสนี ใช่หรือไม่ นั่นคือเทพศาสตราที่ถูกหลอมสร้างขึ้นมาโดยจักรพรรดิอุดร และข้างในนั้นคือห้ามหาเมฆอสุนีบาต ในเมฆสายฟ้าเหล่านั้นคือเทพศาสตราระฆังไฟ”
ฉินมู่ผงกหัวและกล่าว “ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับจักรพรรดิอุดรมาก่อน เขาถูกขนานนามว่ามหาจักรพรรดินักรบทมิฬ”
ฉีเจี่ยวอี๋กล่าว “มหาจักรพรรดินักรบทมิฬเป็นเทพก่อนฟ้าดิน”
ฉินมู่กล่าว “ครั้งหนึ่งจักรพรรดิก่อตั้งเคยเชิญจักรพรรดิอุดรมาเป็นแขก”
ฉีเจี่ยวอี๋กล่าว “และเทพศาสตราของจักรพรรดิอุดรในตอนนี้ได้กลายมาเป็นอาวุธที่จะใช้ส่งภัยพิบัติลงมา หม้อห้าอัสนีเป็นเพียงหนึ่งในนั้น มันยังมีเทพศาสตราอื่นๆ อีกหลายชิ้นที่ถูกส่งมายังสันตินิรันดร์ และพวกเจ้าคงจะเอามันไปซ่อนเอาไว้ ใช่ไหมล่ะ นั่นจึงเป็นเหตุให้พวกเจ้าไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น หากว่าเทพศาสตราของจักรพรรดิอุดรเป็นหนึ่งในเทพศาสตราที่ใช้ส่งภัยพิบัติลงมา แล้วเจ้าคิดหรือว่าเทพศาสตราอื่นๆ ก็จะอ่อนแอน่ะ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจะสามารถซ่อนเทพศาสตราเหล่านั้นเอาไว้ได้”
ฉินมู่สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เทพศาสตราอื่นๆ ไม่ด้อยไปกว่าเทพศาสตราของจักรพรรดิอุดรอย่างนั้นหรือ หรือว่าพวกมันก็เป็นของเทพเจ้าก่อนฟ้าดินเช่นเดียวกัน”
“ถูกต้อง”
ฉีเจี่ยวอี๋กล่าว “การส่งภัยพิบัติลงมา เดิมทีเป็นวิธีการของเทพก่อนฟ้าดิน เมื่อรูปสลักหินในสันตินิรันดร์ฟื้นคืนชีพ อาวุธพวกนั้นก็จะสลัดหลุดจากการควบคุมของเจ้า หากว่าข้าเป็นเจ้า ข้าก็จะหนีจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด และไปซ่อนตัวให้ไกลที่สุด”
ฉินมู่สูดลมหายใจลึก และประกายแสงในดวงตาของเขาก็พริบพราย เขาถามอย่างเคร่งขรึม “พี่ฉี พวกเราเป็นฝ่ายตรงข้ามกันชัดๆ ทำไมเจ้าถึงต้องมาบอกเตือนข้าในเรื่องสำคัญขนาดนี้”
ฉีเจี่ยวอี๋เผยยิ้ม “ข้าเพียงแต่มีความบาดหมางกับเจ้า แต่ไม่ได้มีกับผู้คนที่นี่ และต่อให้ข้าบอกเจ้าในตอนนี้ เจ้าก็ไม่มีวิธีการรับมือกับปัญหาดังกล่าว สันตินิรันดร์จะต้องถูกทำลายล้างไปไม่ช้าก็เร็ว และดังนั้น ก่อนที่ข้าจะกลับไป ข้าก็อยากจะบรรลุความปรารถนาของข้าให้สำเร็จ”
ฉินมู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเกรงว่าความปรารถนานี้ของเจ้าคงไม่มีทางสำเร็จ”
“เมื่อยอดฝีมือต่อสู้ อันดับแรกต้องเล็งที่หัวใจ”
ฉีเจี่ยวอี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเพิ่งจะปล่อยความลับอันน่าแตกตื่นสะท้านขวัญออกไป และข้าก็ได้เขย่าจิตเต๋าของเจ้าให้หวั่นไหวไปแล้ว กำลังฝีมือของข้าและเจ้าไม่ห่างไกลกัน และหากว่าจิตเต๋าของเจ้าหวั่นไหว ข้าก็จะมีความมั่นใจเอาชนะเจ้าได้”
ฉินมู่ตอบอย่างสบายๆ “เห็นแก่ข้อมูลที่เจ้าเพิ่งบอกข้า ข้าจะไม่เล่นเจ้าถึงตาย มาสิ!”