ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 698 เทพเจ้าดาบประตูจักรพรรดิ
ฉีเจี่ยวอี๋ร่วงไถลจากผนัง และความแตกตื่นบนใบหน้าของเขาก็ยังไม่ทันจางหาย เขาจ้องไปยังศีรษะใหญ่โตที่โผล่ออกมาจากประตู
มันเป็นศีรษะที่มีใบหน้าคนแต่มีเขาแพะประหลาดสองข้าง ที่ใต้คางของเขามีเคราแพะกระจุกหนึ่ง และปากของเขาก็มีกลิ่นสุราโชยออกมา เขาเรอและมองไปที่ผู้มาใหม่ทั้งหมดด้วยความสงสัย
ฉินมู่กล่าวอย่างสุภาพ “ผู้อาวุโส พวกเรามาจากสันตินิรันดร์ และพลั้งพลาดหลุดเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ทำให้ผู้อาวุโสต้องแตกตื่น ขอเรียนถามผู้อาวุโสได้หรือไม่ พวกเราจะออกจากสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร”
ชายเคราแพะสวมใส่เสื้อของเขาและเดินออกมาจากประตู เขาสูงกว่าฉินมู่และฉีเจี่ยวอี๋ ทั้งยังสูงกว่ากิเลนมังกรไปมาก เขาก้มศีรษะลงมาสำรวจตรวจตราเด็กหนุ่มทั้งสอง สายตาของเลื่อนไปมองที่กิเลนมังกร และเขาก็กลืนน้ำลายเอื๊อก “นานแล้วที่ข้าไม่ได้กินเนื้อ น่าเสียดายที่พวกเจ้ามีแต่จิตวิญญาณดั้งเดิมและไม่มีเนื้อหนัง…พวกเจ้ามาจากสันตินิรันดร์อย่างนั้นหรือ สันตินิรันดร์มันคือที่แบบไหนกัน”
จากเสื้อผ้าของเขา เขาไม่ใช่คนที่มาจากยุคสมัยปัจจุบัน เขาสวมใส่เสื้อผ้าจากยุคโบราณ
เส้นลายกล้ามเนื้อของเขาไม่แข็งแกร่งกำยำเท่ากับวัวเขียว แต่มันให้ความรู้สึกว่าเขามีความสามารถและเปี่ยมประสบการณ์ ให้ความรู้สึกอันตรายใหญ่หลวง
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่ใช่แพะภูเขาที่สำเร็จสติปัญญา จากรอยประทับเกลียววนรอบๆ ร่างกายเขาแล้ว เขาน่าจะเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพเจ้าตนหนึ่ง แต่ทว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาได้บ่มเพาะจนกระทั่งมีสถานะกายภาพ พวกเขาไม่รู้ว่าเขาเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิมที่พิทักษ์คุ้มกันดาบนี้หรือไม่
การบ่มเพาะจิตวิญญาณดั้งเดิมจนถึงสถานะกายภาพนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาสามัญ เห็นได้ชัดว่าวรยุทธของเขาสูงส่งล้ำเลิศ
ฉินมู่ถามอย่างสงสัยใจ “ผู้อาวุโสใช่ผู้คนจากยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งหรือไม่ ถ้าเช่นนั้น ท่านรู้เกี่ยวกับแดนโบราณวินาศไหม”
“แดนโบราณวินาศ? แน่นอน ก็ต้องรู้น่ะสิ จักรพรรดิก่อตั้งได้บัญชาข้าให้ใช้ดาบเทวะประตูจักรพรรดิเพื่อตัดแดนใต้พิภพออกมุมหนึ่งมาใช้ก่อสร้างยมโลก จักรพรรดิก่อตั้งบัญชาว่าจะต้องตัดแดนใต้พิภพออกมาให้มีขนาดพอๆ กับแดนโบราณวินาศ”
ชายเขาแพะพ่นลมหายใจที่อบอวลด้วยกลิ่นสุราออกมาและถาม “สันตินิรันดร์อยู่ที่ไหน ปีนี้เป็นปีอะไร”
“ผู้อาวุโสคือผู้สร้างยมโลกอย่างนั้นหรือ”
ฉินมู่สะท้านใจอย่างรุนแรง และเขาก็รีบกล่าว “สันตินิรันดร์อยู่ทางทิศตะวันออกของแดนโบราณวินาศ และยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งก็สิ้นสุดลงไปแล้วสองหมื่นปีก่อน เมื่อแปดร้อยปีก่อน จักรวรรดิสันตินิรันดร์ถูกก่อตั้งขึ้นมา และตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในระหว่างการปฏิรูป ผู้อาวุโสเป็นเทพเจ้าที่อยู่ใต้บัญชาของ…”
ชายเขาแพะดูจะมึนเมาอยู่เล็กน้อย และเขาก็พึมพำ “ยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งสิ้นสุดไปสองหมื่นปีแล้วอย่างงั้นหรือ ฮี่ๆ ก็ไม่น่าแปลกหรอก ข้าคิดว่าข้าอยู่ที่นี่นานเจ็ดแปดล้านปีแล้ว…ข้านั้นอยู่ใต้บัญชาจักรพรรดิก่อตั้ง ผู้ช่วยเสนาบดีซ้ายดาวจักรพรรดิฟ้า แซ่ของข้าคือเถียน นามของข้าคือฉู่ แต่ถึงอย่างไร เจ้าก็ไม่รู้จักข้าอยู่ดี”
เขาหันกลับ และเดินกลับเข้าไปในห้องของเขาเพื่อนำไหสุราขวดใหญ่ออกมา เขาเงยหน้าและดื่มสุราเข้าไปอั้กๆ
ถึงตอนนี้ฉินมู่จึงสังเกตพบว่าขาของเขาก็ไม่ใช่ขามนุษย์ ในทางกลับกัน มันเป็นขาแพะที่มีกีบเท้าอยู่คู่หนึ่ง เพราะว่าร่างของเขาสูงใหญ่เหลือล้น กีบเท้าของเขาก็ใหญ่มหึมาด้วยเช่นกัน
“สภาสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้ง? ผู้ช่วยเสนาบดีซ้ายดาวจักรพรรดิฟ้า?”
สีหน้าของฉีเจี่ยวอี๋แปรเปลี่ยน และเขาคิดในใจ ซากทัพแห่งรัชสมัยจอมปลอม!
ฉินมู่ฉงนใจ “ผู้อาวุโส ท่านก็อยู่ในร่างจิตวิญญาณดั้งเดิมด้วยเหมือนกัน ใช่ไหม หรือว่าจริงๆ แล้วตัวท่านไม่ได้อยู่ที่นี่ กายเนื้อของท่านอยู่ที่ไหนกัน”
เถียนฉู่ยกไหขึ้นดื่มสุราอึกใหญ่ และโยนไหทิ้งให้แตกไป ฉินมู่พลันสังเกตพบว่าหลังจากที่ไหสุราแตกเป็นเสี่ยงๆ มันก็กลับมาเป็นไหสุราดีๆ ใหม่ ทั้งยังมีสุราอยู่เต็มไหอันส่งกลิ่นหอมหวน
ไหสุราลอยข้ามฟ้ากลับเข้าไปในห้อง
“เรื่องนี้ยาวเกินกว่าจะเล่าในสองสามคำ”
สีหน้าของเถียนฉู่หมองมัวลง และเขาก็เข้าไปในห้องเพื่อนำสุราออกมาจำนวนหนึ่ง ระหว่างที่เขายังมึนเมาอยู่นั้น เขาก็ถาม “เจ้าเป็นทายาทของจักรพรรดิก่อตั้งใช่ไหม ข้าสัมผัสได้ถึงสายเลือดจักรพรรดิก่อตั้งในกายของเจ้า และรูปร่างหน้าตาของเจ้าก็ค่อนข้างคล้ายคลึงกับเขา ลูกไก่ตัวน้อยที่เจ้าเอามาด้วยน่าจะเป็นเผ่าหงส์เพลิงเก้าหัวของสภาสวรรค์ที่ว่าๆ กัน ฮี่ๆๆ จักรพรรดิแดงสวรรค์ทักษิณฉีเสียอวี๋ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เอ๋ นางกลับไปชมชอบหลี่โยวหรานไอ้เปรตนั่น…”
เขาเงยศีรษะขึ้นดื่มอีกครั้ง ก่อนจะทุบไหจนแตกจากนั้นเขาจึงบอกเล่าเรื่องราวต่อ “เมื่อครั้งกระโน้น เมื่อจักรพรรดิก่อตั้งสร้างดาบเทวะเล่มนี้ขึ้นมา เขาก็แต่งตั้งให้ข้าเป็นเทพเจ้าดาบ ข้าสามารถเข้าและออกแดนใต้พิภพได้อย่างอิสระ ดังนั้นข้าจึงไปผ่าเอาแดนใต้พิภพออกมาส่วนหนึ่งเพื่อหลอมสร้างเป็นยมโลก และดังนั้นก็เท่ากับข้าสับเขาของภูติบดีออกไปกระผีกหนึ่ง จักรพรรดิก่อตั้งต้องการเดินทางไปยังหมู่บ้านไร้กังวล ดังนั้นเขาจึงบัญชาให้ข้าอยู่พิทักษ์คุ้มกันประตูจักรพรรดิ เพื่อป้องกันไม่ให้ความมืดจากแดนโบราณวินาศรุกรานไปยังสถานที่อื่น ซึ่งสถานที่พวกนั้นก็คือสันตินิรันดร์ที่เจ้าได้เอ่ยถึง”
ฉินมู่กะพริบตาปริบๆ และมองไปยังฉีเจี่ยวอี๋
ฉีเจี่ยวอี๋พิศวงงงงวย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้เรื่องความลับพวกนี้ด้วยเช่นกัน
ข้าควรฆ่าปิดปากพี่ฉีไหมนะ ฉินมู่คิดพลางประดับรอยยิ้มไว้บนใบหน้า
ผู้ช่วยเสนาบดีซ้ายเถียนฉู่ถอนหายใจและกล่าว “แต่ทว่า ข้ามีปัญหาประจำตัวอย่างหนึ่ง นั่นคือข้าชมชอบการดื่มสุรา ถ้าไม่มีสุราข้าก็ไม่มีความสุข เมื่อข้าคอยคุ้มกันอยู่ที่นี่ ข้าก็อยากแต่จะดื่มสุราอยู่ตลอดเวลา แต่กระนั้นข้าก็ไม่มีหน้าที่จะผละจากหน้าที่และไปเสาะหาสุรา แต่แล้ววันหนึ่ง คู่แค้นเก่าของข้า ซึ่งก็คือผู้ช่วยเสนาบดีซ้ายแห่งสภาสวรรค์นามเอี๋ยนเฉ่าชิงก็มาหาข้า ไอ้วายร้ายคนนี้หมายจะท้าพนันกับข้า และรางวัลของเขาก็คือสุราอันข้าสามารถดื่มได้ไม่จบไม่สิ้น ปกติแล้วเจ้าหมอนี่ยากจะรับมือได้ แต่คราวนี้เขากลับพ่ายแพ้ให้กับข้า หมอนี่มันเลวร้ายเหลือใจและใช้วิธีการบางอย่างเพื่อซ่อนสุราดีเอาไว้ในดาบเทวะประตูจักรพรรดิก่อนที่จะจากไปด้วยเสียงหัวเราะ ข้ารู้อยู่ชัดๆ ว่านี่คือกับดัก แต่ข้าก็ควบคุมปากตัวเองไม่ได้ เมื่อข้าควบคุมปากไม่ได้ ก็ควบคุมหัวคิดไม่ได้ด้วยเช่นกัน”
ฉินมู่ปรายตามองไปที่กิเลนมังกรและกล่าว “ข้าเข้าใจความรู้สึกนี้ของผู้อาวุโสเป็นอย่างดี”
“เจ้าก็ชอบดื่มหรือ”
เถียนฉู่ส่ายหัวและกล่าว “เจ้าน่าจะไม่ได้ชมชอบการดื่ม เมื่อเจ้าเห็นสุรา เจ้าไม่มีความปรารถนาใด ตอนนั้นข้าอยู่ไม่สุข และคิดแต่อยากจะเข้าไปในดาบเทวะประตูจักรพรรดิเพื่อนำสุราออกมาร่ำให้สาแก่ใจ แต่ทว่า ข้าก็รู้ดีว่าดาบเทวะประตูจักรพรรดินั้นทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง และมันสามารถดูดกลืนจิตวิญญาณดั้งเดิมของผู้คนเข้าไปได้ ข้าเป็นเพียงผู้ถือดาบ และไม่ใช่ผู้ที่สร้างดาบขึ้นมา แม้แต่ข้าหากว่าไม่ระวังตัวให้ดี จิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าก็จะตกเข้าไปในดาบและไม่มีวันหลุดออกมาได้ แต่กระนั้น ข้าก็ไม่สามารถต้านทานความอยากได้อีกต่อไป และข้าคิดว่าในเมื่อข้าควบคุมดาบนี้มาเป็นเวลานาน ข้าก็อาจจะสามารถกลับคืนสู่ร่างได้หลังจากที่นำสุราออกมา…”
กิเลนมังกรอดไม่ได้ที่จะถาม “แล้วเป็นอย่างไรต่อ”
เถียนฉู่ถอนหายใจและกล่าว “ต่อจากนั้นข้าก็ไม่อาจกลับมาได้อีกต่อไป ไอ้วายร้ายเอี๋ยนเฉ่าชิงนั้นพูดถูกต้อง ข้าไม่มีทางดื่มสุรานี้ได้หมด…”
ไหสุราที่แตกอยู่บนพื้นฟื้นกลับมาเหมือนเดิม และมันยังคงเปี่ยมไปด้วยสุรา
“ข้าร่ำสุราอยู่ที่นี่เป็นเวลาเจ็ดแปดล้านปี กระนั้นมันก็ยังไม่หมดไป และข้าก็ไม่สามารถเดินออกไปได้อีกเลย”
เถียนฉู่กล่าว “พวกเจ้าทั้งสามมาได้เวลาพอดี พวกเราสามารถร่วมวงดื่มกันได้”
ฉินมู่และฉีเจี่ยวอี๋เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง หากว่าเถียนฉู่ต้องอยู่ในดาบเทวะประตูจักรพรรดินานถึงเจ็ดแปดล้านปีโดยที่ออกไปไม่ได้ พวกเขาก็ย่อมออกไปไม่ได้เช่นกัน!
หรือว่าพวกเขาจะติดแหง็กอยู่ในดาบเทวะ และไม่อาจหลุดพ้นไปได้ชั่วนิรันดร์
ฉีเจี่ยวอี๋เปิดประตูหนึ่งด้วยมืออันสั่นเทา และเห็นไหสุรากองตั้งอยู่เต็มข้างใน เขาเปิดประตูอีกบานหนึ่ง และมันก็ยังมีไหสุรามากขึ้นอีก เขาเปิดประตูมากขึ้นและมากขึ้น และทุกๆ บานประตู ก็มีห้องอันเต็มไปด้วยสุราดี!
ฉีเจี่ยวอี๋วิ่งตะบึงไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง และไม่เห็นจุดสิ้นสุดของโถงทางเดินยาวเหยียด ไม่ว่าเขาจะวิ่งไปเท่าใดก็ตาม!
ทั้งสองข้างโถงทางเดิน ห้องจำนวนนับไม่ถ้วนมีไหสุราซ้อนกันเป็นตั้งๆ!
ผ่านไปนาน เขาก็นอนแผ่ลงไปพิงผนังด้วยความผิดหวัง และเงียบงันไปพักหนึ่งเขาลุกขึ้นอย่างเงียบๆ และเปิดประตูเพื่อเอาสุราดีหนึ่งไหออกมาดื่มอย่างสาแก่ใจ ไม่นานนัก เขาก็เมาจนหมดท่า
และไหสุราในมือของเขา ไม่ว่าเขาจะดื่มไปเท่าไร มันก็ไม่พร่องลงเลยแม้แต่น้อย
“ผู้อาวุโส ก่อนหน้านี้มีกลุ่มคนที่จิตวิญญาณดั้งเดิมของพวกเขาหลุดเข้ามาในดาบเทวะประตูจักรพรรดิโดยบังเอิญ แต่พวกเขาก็สามารถหลบหนีไปได้”
ฉินมู่ประกายตาวูบไหว เขาถามต่อ “ผู้อาวุโสทราบเรื่องนี้หรือไม่”
“ที่เจ้าพูดถึงนั้นเกิดขึ้นเมื่อสองพันปีก่อน”
เถียนฉู่ดื่มอึกใหญ่และปาดเช็ดหยดสุราที่ติดอยู่บนเคราแพะของเขา “ในตอนนั้นข้ารู้สึกว่าดาบเทวะประตูจักรพรรดิได้เชื่อมต่อกับโลกภายนอกแล้วจริงๆ แต่ข้าเมามายเสียจนเมื่อข้าได้สติกลับมาอีกทีและหมายจะหลบหนีออกไป มันก็สายเสียแล้ว”
ฉินมู่ตกตะลึง สองพันปีก่อน? จิตวิญญาณดั้งเดิมของท่านยายซีและคนอื่นๆ มาติดอยู่ในดาบเทวะเมื่อห้าปีก่อน นี่หมายความว่าหนึ่งวันข้างนอกเท่ากับหนึ่งปีของที่นี่ และนี่ก็หมายความว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมของฉีเจี่ยวอี๋และข้า เพิ่งจะติดอยู่ข้างในดาบเทวะประตูจักรพรรดิเพียงสองวัน กายเนื้อของพวกเรายังไม่ทันตาย
จิตใจเขาฟูฟ่องขึ้นมา และก็กล่าวไปด้วยความเคร่งขรึม “ผู้อาวุโส หลังจากควบคุมประตูจักรพรรดิมานานขนาดนี้ ท่านก็จะต้องรู้วิธีการขับเคลื่อนประตูจักรพรรดิอย่างแน่นอน ข้ากล่าวถูกไหม ท่านน่าจะรู้โครงสร้างพยุหะภายในและโครงสร้างอักษรรูนของดาบเทวะประตูจักรพรรดิจนทะลุปรุโปร่งด้วยเช่นกัน ตราบเท่าที่ท่านรู้โครงสร้างพยุหะภายใน พวกเราก็สามารถลองไขมันได้…”
“ไม่!”
เถียนฉู่ส่ายศีรษะ “เจ้าเดาผิดแล้ว แม้ว่าข้าจะสามารถควบคุมดาบเทวะนี้ได้ แต่ข้าไม่รู้อะไรเลยสักอย่างเกี่ยวกับโครงสร้างอักษรและโครงสร้างพยุหะภายใน สาเหตุที่ข้าสามารถเป็นผู้ถือครองดาบนั้นก็เพราะกายาพิเศษเฉพาะของข้า ดาบเทวะนี้จักรพรรดิก่อตั้งเป็นผู้ออกแบบด้วยตนเอง และใช้เพื่อตัดเขาบนศีรษะภูติบดีโดยเฉพาะ แล้วเขาภูติบดีใหญ่มหึมาสักเพียงไหน เขาภูติบดีทรงพลังปานใด นี่แสดงให้เห็นว่าพยุหะและอักษรรูนในดาบเล่มนี้ลึกล้ำมากเพียงใด”
ฉินมู่ขมวดคิ้ว
เถียนฉู่กล่าวต่อ “และบุคคลที่หลอมสร้างดาบเล่มนี้ก็คือวิศวกรสวรรค์ที่เก่งกาจที่สุดในรัชสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง ไอ้คนที่มีสัมพันธ์ลับลมคมในกับจักรพรรดิแดงฉีเสียวอวี๋อันข้าพูดถึงมันเมื่อครู่ หลี่โยวหราน เจ้าหมอนี่หล่อเหลาและมีแต่ผู้คนรักใคร่มากมายไปหมด…”
“ท่านหมายความว่าผู้ที่หลอมสร้างดาบเทวะประตูจักรพรรดิคือพุทธเจ้าท้าวสักกะอย่างนั้นหรือ” ฉินมู่ทั้งประหลาดใจและยินดี เขารีบถาม
“ข้าพูดถึงหลี่โยวหราน ใครคือพุทธเจ้าสักกะ” เถียนฉู่งุนงง
ฉินมู่ร่าเริงยินดี และเดินกลับไปกลับมาในโถงทางเดินยาว เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พุทธเจ้าท้าวสักกะมิใช่ใครอื่น นอกเสียจากหลี่โยวหราน! หลี่โยวหรานเป็นชื่อทางโลกของเขา เพื่อหลีกเร้นจากหนี้รักสัมพันธ์สวาท เขาได้ตัดทางโลกและออกบวชเป็นหลวงจีน! ในเมื่อเขาเป็นผู้หลอมสร้างดาบเทวะประตูจักรพรรดิ พวกเราก็น่าจะยังมีโอกาส ข้าได้เรียนวิชาฝึกปรือของเขามาก่อน…”
ตอนแรกเถียนฉู่ก็มีท่าทีคาดหวัง แต่เมื่อได้ยินที่ฉินมู่กล่าว เขาก็ผิดหวังเล็กน้อย “ที่แท้เจ้าก็คิดเรื่องนี้ ข้าจะแนะนำว่าเจ้าอย่าเสียเวลาจะดีกว่า ที่นี่ ต่อให้เจ้ามีทักษะเทวะอันยิ่งใหญ่มหัศจรรย์ เจ้าก็ขับเคลื่อนมันออกไปไม่ได้ จักรพรรดิก่อตั้งออกแบบอักษรรูนที่นี่ และไม่มีใครสามารถหนีออกไปได้ ไม่อย่างนั้น ข้าจะใช้มันตัดเขาของภูติบดีออกมาได้อย่างไร”
เขาเผยสีหน้าของความตื่นเต้น “ในตอนนั้น ข้าควงมีดบุกเข้าไปในแดนใต้พิภพ ตัดเอาเขาของภูติบดีออกมากระบิหนึ่ง! เจ้าไม่มีโอกาสได้เห็นความพิโรธและความแตกตื่นในดวงตาของภูติบดีในตอนนั้น เคี้ยกๆๆ… ชีวิตข้าช่างคุ้มค่าจริงๆ มันคุ้มค่าแล้วจริงๆ!”
ฉินมู่เดินกลับไปกลับมา พลางนึกทบทวนคัมภีร์สักกะที่พุทธเจ้าท้าวสักกะถ่ายทอดให้แก่เขา มันมีหลายสิ่งในนั้นที่มิใช่ของลัทธิพุทธ และในอดีตนั้น ฉินมู่ก็เรียนเฉพาะวิชาบู๊และมิได้ตรึกตรองทำความเข้าใจเรื่องอื่นๆ เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อตอนนี้มาทบทวนดูอย่างละเอียดแล้ว เขาถึงเพิ่งพบว่ามีแง่อัศจรรย์แห่งการหลอมสร้างมากมายซุกซ่อนอยู่ในวิชาฝึกปรือของพุทธเจ้าท้าวสักกะ
เขาตรึกตรองมันอย่างขะมักเขม้น และเวลาก็ผ่านไปครึ่งปีโดยไม่รู้ตัว
เถียนฉู่ไปตามตัวฉีเจี่ยวอี๋ และเขาลากเจ้าเด็กนั่นกลับมาด้วยการคีบขาเพียงข้างเดียว ทั้งสองคนนั่งลงแล้วเริ่มร่ำสุราด้วยกันจนเมาไม่ได้สติ กิเลนมังกรก็ร่วมวงด้วย และทั้งหัวเราะไปร้องไห้มา ร้องโหวกเหวกที่จะเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับฉีเจี่ยวอี๋และเถียนฉู่
ขณะที่ฉินมู่ตรึกตรองเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการได้อยู่นั่นเอง เขาก็ได้ยินเสียงโขกศีรษะคำนับดังมา เขาเห็นกิเลนมังกร ฉีเจี่ยวอี๋ และเถียนฉู่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น และโขกศีรษะคำนับฟ้าดินด้วยไหสุราอย่างจริงจัง กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานต่างแซ่ต่างสายโลหิต
“แม้ไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่พวกเราขอตายวันเดียวกัน!” ทั้งสามคนกล่าวโดยพร้อมเพรียง
ฉินมู่ส่ายหัวไปมาและกระแอมไป “ข้านึกวิธีที่จะไปจากสถานที่แห่งนี้ออกแล้ว”
ทั้งสามคนหันมามองเขา
ฉินมู่กล่าว “จากวิชาฝึกปรือของพุทธเจ้าท้าวสักกะ ข้าพบช่องโหว่เล็กๆ และจากช่องโหว่ในวิชาฝึกปรือของเขานี้ ข้าก็จะสามารถค้นพบจุดอ่อนที่เขาทิ้งเอาไว้หลังจากหลอมสร้างเทพศาสตรานี้ มีดเทวะประตูจักรพรรดิมิได้ไร้ที่ติ ตราบใดที่พวกเราค้นหาตำแหน่งที่ถูกต้อง ข้าก็จะสามารถปล่อยประตูน้อมสวรรค์ออกมา และพวกเราก็จะสามารถหลบหนีเข้าไปในแดนใต้พิภพ จากนั้นก็วกกลับมายังโลกแห่งคนเป็นจากแดนใต้พิภพอีกที กลับคืนกายเนื้อของพวกเรา!”
เถียนฉู่ทิ้งเคราแพะของเขาแล้วร่ำร้อง “หนีเข้าไปในแดนใต้พิภพ? นั่นไม่ได้แปลว่าข้าจะต้องประจันหน้ากับภูติบดีหรอกหรือ ข้าไม่ไป! ภูติบดีจะกินข้า ข้าไม่ไป!”
ฉินมู่กล่าวอย่างใจเย็น “ผู้อาวุโสเถียน ภูติบดียังคงไว้หน้าข้าอยู่บ้าง หากว่าข้าเข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ย ข้าก็จะช่วยให้พวกท่านทั้งสองวางมีดดาบและเปลี่ยนเป็นดอกไม้ได้ ผู้อาวุโส ไม่ต้องกังวล วางใจเถอะ…”