ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 737 ฉินมู่ปะทะจักรพรรดิก่อตั้ง
- Home
- ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods
- ตอนที่ 737 ฉินมู่ปะทะจักรพรรดิก่อตั้ง
เดิมทีนั้น ชุมนุมสระหยกก็เป็นสถานที่อันคับคั่งอยู่แล้ว และมีผู้คนอยู่ทุกหนทุกแห่ง เมื่อฉินมู่ซัดวิญญูชนสวรรค์หั่วกระเด็นไป มันก็สร้างความอึกทึกไม่ใช่น้อย ผู้คนมากมายต่างก็หลั่งไหลเข้ามาดู
ครึ่งเทพสามารถเป่าวิญญูชนสวรรค์หั่วกระเด็นไปได้โดยง่าย แต่การที่ผู้ฝึกวิชาเทวะสักคนจะทำเช่นนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้
วิญญูชนสวรรค์หั่วเป็นผู้ก่อตั้งระบบฝึกวรยุทธสมบัติเทวะ และเขาก็เป็นผู้ที่เปิดสมบัติเทวะชาวสวรรค์ เขาได้รับการอวยพรจากเทพบรรพกาลและมีวรยุทธอันกล้าแข็ง ผู้ที่สามารถทัดเทียมกับเขาได้ก็มีแต่หกวิญญูชนสวรรค์ที่เหลือเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น กำลังฝีมือของวิญญูชนสวรรค์หั่วก็มิใช่ด้อยที่สุดในเจ็ดวิญญูชนสวรรค์
วิญญูชนสวรรค์หัวครอบครองพลังอำนาจแห่งไฟ และความสำเร็จเชี่ยวชาญในทักษะเทวะเพลิงไฟของเขานั้นเหนือล้ำกว่าคนอื่นๆ บัดนี้เมื่อเขาถูกฉินมู่ซัดกระเด็นไป จะไม่สร้างความปั่นป่วนโกลาหลแก่ผู้อื่นๆ ได้อย่างไร
“ทัดเทียมเทพเจ้า?”
ฉินมู่ไม่เหลือบแลผู้คนที่กรูกันมา เขาเอียงคอเล็กน้อยและขบคิด ความหมายของเทพเจ้าแบบนี้ออกมาได้อย่างไร
หากว่าใครสามารถสำเร็จความอมตะ พวกเขาก็อาจถูกเรียกว่าเทพเจ้าได้เพียงแค่ฝึกฝนทักษะเทวะเสกสรร
ทักษะเทวะเสกสรรสามารถทำให้กายเนื้อไม่มีวันตาย และรักษาร่างกายเอาไว้ไม่ให้เสื่อมถอย ถ้ามองเพียงแค่อายุขัย ก็นับได้ว่าทัดเทียมกับเทพเจ้าบรรพกาล
และวิธีการที่วิญญูชนสวรรค์อวี้ได้สร้างสรรค์ขึ้นมา น่าจะเป็นระบบการฝึกวรยุทธปราสาทสวรรค์แห่งอารยธรรมอนาคต
สองวิธีการนี้มีจุดสำคัญที่แตกต่างกัน ระบบฝึกวรยุทธปราสาทสวรรค์มีการแบ่งแยกเขตขั้นต่างๆ อย่างชัดเจน และผู้ฝึกสามารถค่อยๆ ขึ้นไปทีละขั้นๆ จนถึงบัลลังก์จักรพรรดิได้
แต่ทว่า ทักษะเทวะเสกสรรไม่มีการแบ่งแยกที่ชัดเจนขนาดนั้น และมันเป็นการใช้ทักษะเทวะเพื่อประกอบสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้ยังคงรักษาความเยาว์วัยอยู่เสมอเสียมากกว่า
แต่ทว่า วิชาเสกสรรนั้นยากที่จะฝึกปรือ และมันก็เป็นเพียงแค่ทักษะเทวะหนึ่งๆ มันไม่สามารถแพร่หลายออกไปอย่างกว้างขวางเหมือนระบบฝึกวรยุทธปราสาทสวรรค์ได้ และไม่สามารถเป็นที่ยอมรับของทุกผู้คน
“ข้อจำกัดของวิชาเสกสรรนั้นใหญ่หลวงเกินไป”
ฉินมู่คิดคำนวณและกล่าวกับวิญญูชนสวรรค์หลิง “พี่หลิง แม้ว่าทักษะเทวะเสกสรรจะสามารถทำให้ผู้ฝึกสามารถทัดเทียมกับเทพเจ้าได้ แต่มันก็ไม่อาจเทียบเท่ากับวิธีการที่วิญญูชนสวรรค์อวี้คิดค้นขึ้นมา ไม่ใช่ว่าพลานุภาพด้อยกว่า เพียงแต่ว่ามันยากที่จะร่ำเรียนมากเกินไป”
วิญญูชนสวรรค์หลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นล้วนแต่เป็นพวกอัจฉริยะดาษดื่น สิ่งที่เราเสาะหาคือมรรคาเต๋า แล้วไฉนพวกเราจะต้องใส่ใจกับอัจฉริยะดาษดื่นพวกนั้น ทักษะเทวะเสกสรรของเจ้า สามารถช่วยให้ข้าขัดเกลาทักษะเทวะของข้าให้สมบูรณ์แบบได้จริงๆ พวกเราจะต้องศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียด!”
นางจูงมือฉินมู่ไป และพากันเบียดออกจากฝูงคน ในตอนนั้นเอง วิญญูชนสวรรค์หั่วก็เหาะลงมาด้วยเสียงดังปัง และเขาก็ห้อมล้อมไปด้วยเพลิงไฟที่ปะทุออกไปในอากาศ เขาตะโกน “ข้าเผลอไปก็เลยถูกเจ้าซัดกระเด็น!”
วิญญูชนสวรรค์หลิงฉุดมือข้างหนึ่งของฉินมู่ไปข้างหน้า ดังนั้นเขาจึงได้แต่ใช้มือข้างที่เหลือเผชิญกับการโจมตีของวิญญูชนสวรรค์หั่วด้วยนิ้วทั้งห้า ด้วยเสียงกึกก้องกัมปนาท วิญญูชนสวรรค์หั่วถูกซัดกระเด็นไป
จักรพรรดิก่อตั้งเดือดดาล และเขาตะโกนไปด้วยเสียงต่ำ “ข้าบอกว่าอย่าโจมตีอีกอย่างไร! เจ้าคิดจะสร้างความวุ่นวายไปอีกมากเท่าไรหา”
ฉินมู่เองก็โมโหนิดๆ “เขาโจมตีข้า หากว่าข้าไม่สู้กลับ ข้าก็จะต้องเจ็บตัวไม่ใช่หรือ หากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะยืนเฉยๆ ไม่ตอบโต้หรืออย่างไร”
จักรพรรดิก่อตั้งขมวดคิ้ว วิญญูชนสวรรค์หั่วบุกเข้ามาอีกครั้งด้วยโทสะดาลเดือด “ทุกคนถอยออกไป ที่นี่มีคนเยอะเกินไป ข้าไม่อาจปลดปล่อยการโจมตีได้”
ทุกคนพลันกระจายตัวออกห่างและทิ้งพื้นที่โล่งว่างเอาไว้
จักรพรรดิก่อตั้งรีบกล่าว “วิญญูชนสวรรค์หั่ว ทั้งหมดนี่เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด…”
เพลิงไฟรอบกายวิญญูชนสวรรค์หั่วยิ่งมาก็ยิ่งเกรี้ยวกราด เขาแปลงร่างเป็นยักษ์สูงสิบแปดวาที่มีพลังอำนาจไร้ประมาณและมีมังกรไฟกระหวัดพันไปรอบๆ
จักรพรรดิก่อตั้งขมวดคิ้ว แม้ว่าวิญญูชนสวรรค์หั่วจะมีความสำเร็จในทักษะเทวะเพลิงไฟและทักษะเทวะกายเนื้อไม่ใช่น้อย แต่สำหรับเขาพวกมันก็ยังค่อนข้างตื้นเขิน
ฉินมู่ดึงมือของตนหลุดจากมือของวิญญูชนสวรรค์หลิงและกล่าวอย่างเยือกเย็น “พี่สาว ถอยออกไปก่อน ส่วนเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร”
ประโยคที่สองนั้นถามไปยังจักรพรรดิก่อตั้ง
ร่างของจักรพรรดิก่อตั้งไม่เคลื่อนไหว และเขาเพียงแต่จ้องมา กล่าวอย่างชืดชา “หากว่าเจ้าสร้างความโกลาหลมากเกินไป เจ้าและข้าก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต”
“ระมัดระวังจนเกินเหตุ นั่นแหละคือเจ้า”
ฉินมู่ยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ถอยสักก้าว และมีรอยยิ้มอันไม่เชิงยิ้ม “ข้าไม่เหมือนกับเจ้า ข้าไม่เอาอะไรมาแบกให้หนักหัวขนาดนั้น ใครก็ตามที่ต่อยตีข้า ข้าก็จะซัดมันกลับ!”
วิญญูชนสวรรค์หั่วก้าวเข้าไปโจมตี แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมสูงสิบแปดวาพลันปรากฏข้างหลังฉินมู่ ด้วยสามเศียรและหกกร มันก็ขับไล่วิญญูชนสวรรค์หั่วให้ถอยร่น
จักรพรรดิก่อตั้งก็มีจิตวิญญาณดั้งเดิมสูงสิบแปดว่าข้างหลังเขา อันเข้าไปสกัดกั้นการโจมตีของฉินมู่ เขาไม่อาจสะกดโทสะได้อีกต่อไป และหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว “ข้าตระหนักมาตั้งนานแล้วว่าเจ้าดูถูกข้า และเอาแต่หาเรื่องข้า ถ้าเช่นนั้น ทำไมพวกเราไม่มาซัดกันให้รู้ดำรู้แดง!”
ฉินมู่เองก็ไม่อาจระงับโทสะที่มีต่อจักรพรรดิก่อตั้งได้อีกต่อไป และรัศมีของเขาก็พวยพุ่งออก ปราณและโลหิตของเขาพลันโหมทะยานสู่ท้องฟ้าและกวาดซัดเมฆและลม!
จิตวิญญาณสามเศียรหกกรสูงสิบแปดวาของเขายืนอยู่ในวังวนของปราณและโลหิต ร้องคำรามอย่างเกรี้ยวกราดปานสายฟ้า “ก็มาสู้กันสิ! คิดว่าข้ากลัวเจ้าหรืออย่างไร มา–”
ในบริเวณรอบๆ ผู้ฝึกวิชาเทวะนับไม่ถ้วนมีสีหน้าอันเหม่องงเมื่อพวกเขามองไปยังรูปเงาอันปรากฏบนท้องฟ้าด้วยสายตาฉงนฉงาย พวกเขาไม่อาจจะฟื้นจากภวังค์ตะลึง
แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว
ในยุคสมัยนี้ ไม่เคยมีผู้ฝึกวิชาเทวะที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน!
วิญญูชนสวรรค์หั่วถลันกลับเข้าไปเมื่อจะโจมตีอีกครั้ง แต่สีหน้าของเขาซีดเผือดเมื่อเห็นจิตวิญญาณดั้งเดิมของฉินมู่ยืนอยู่ท่ามกลางกระแสอันเชี่ยวกรากของปราณและโลหิต “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้ฝึกวิชาเทวะอันแข็งแกร่งขนาดนี้…”
จักรพรรดิก่อตั้งเดือดดาลอย่างฉุดไม่อยุ่ และรัศมีของเขาก็ระเบิดออกไป เขาตะโกนอย่างดุดัน “ที่เจ้าทำไปมันเลวร้ายที่สุดแล้ว! ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าทำตามอำเภอใจได้อีกต่อไป!”
ตูม
ปราณและโลหิตของเขาพวยพุ่งสู่นภากาศ และจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็กระโจนขึ้นไปเหยียบบนปราณและโลหิต มันสร้างภาพอันโอ่อ่ากว้างขวางของจ้าวผู้ครองพิภพแห่งยุคสมัยหนึ่ง!
จิตวิญญาณดั้งเดิมของพวกเขาทั้งสองต่อสู้กันในสภาสวรรค์ และรัศมีของพวกเขาก็พวยพุ่งออกไปข้างหน้าสะกดข่มไปทั่วการชุมนุมสระหยก นี่ทำให้ผู้ฝึกวิชาเทวะทั้งหมดในชุมนุมสระหยกทั้งแตกตื่นและสะท้านขวัญ พวกเขาได้แต่มองไปยังภาพอันน่าสะพรึงกลัวกลางอากาศด้วยสีหน้าวว่างเปล่า!
วิญญูชนสวรรค์อวี้ และวิญญูชนสวรรค์คนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งที่กำลังอภิปรายถกเถียงเรื่องราวในโถงวังทองคำสระหยกก็แตกตื่นไปด้วย พวกเขาได้แต่เงยศีรษะขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
จิตวิญญาณดั้งเดิมที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ปราณและโลหิตที่แข็งแกร่งขนาดนี้ มันทำให้ผู้ชมดูรู้สึกละลานตา และในขณะเดียวกันก็รู้สึกขมขื่น
วิญญูชนสวรรค์หลิงเองก็เงยหน้าขึ้นมองดูด้วยความตื่นตะลึง นางกระซิบเสียงเบาหวิว “แข็งแกร่งอะไรอย่างนี้ พวกเขาฝึกวรยุทธกันมาอย่างไร…”
เสียงอันว้าวุ่นของวัวแก่ดังมาจากข้างหลังนาง “ข้าจะทำอย่างไรดี ข้าจะทำอย่างไรดี เจ้าสองคนนี้ดื้อรั้นยิ่งกว่าวัว…ไม่สิ พวกเขาคือลาดื้อหัวรั้น…วัวมันไม่ดื้อขนาดนี้! ถ้าพวกเขาต่อสู้กันมันต้องแย่แน่ๆ…”
วิญญูชนสวรรค์หลิงฉงนใจเล็กน้อย “พวกเจ้าทั้งสามไม่ได้มาด้วยกันหรอกหรือ พวกเจ้าไม่ใช่เพื่อนกันหรือ”
หนิวซานตัวถอนหายใจและส่ายหัว “ทั้งสองคนต่างก็อยากจะเป็นเพื่อนกัน แต่ก็หยิ่งผยองจนเกินไป พวกเขาไม่ต้องการละวางความหยิ่งของตนเอง…”
ท้องฟ้าพลันสะเทือนเลื่อนลั่นเมื่อจิตวิญญาณดั้งเดิมของฉินมู่และจักรพรรดิก่อตั้งพลันระเบิดออกไปด้วยทักษะเทวะนานา พลานุภาพของทักษะเทวะอันเกริกไกรเหล่านี้ได้สร้างพายุหมุนบนท้องฟ้าอันเป่าซัดไปทั่วสารทิศ ชั้นเมฆบนท้องฟ้าถูกเป่าออกไปด้วยคลื่นอันรุนแรงและหายลับ!
ท้องฟ้ากลายเป็นสีฟ้ากระจ่างอย่างสิ้นเชิง
ในพริบตาถัดมา สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนก็แล่นสวนกันไปมา และฟาดเปรี้ยงลงสู่พสุธาราวห่าฝน!
“ทักษะเทวะของเจ้าไม่เลว!”
ข้างล่าง จักรพรรดิก่อตั้งรีดเร้นพลังของเขาเพื่อทุ่งทะยานไปยังฉินมู่ เขายิ้มหยัน “แต่ทว่าปฏิภาณความเข้าใจในทักษะเทวะของเจ้าก็ยังด้อยกว่าข้าเยอะ!”
มือของเขาพลิกไป และทักษะเทวะก็เข้ามากักอยู่ในมือของเขา เขาสะบัดแขนเสื้อหนึ่งที ทักษะเทวะเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนก็เข้ามาห้อมล้อมเขา
เขาคือผู้ก่อตั้งยุคสมัยหนึ่งๆ และแม้ว่าเขาจะยังอยู่ในวัยหนุ่มเยาว์ เขาก็เผยให้เห็นทักษะฝีมือและยุทธศาสตร์อันเขื่องโขโอ่อ่า ทักษะเทวะอันตระการตาและน่าลุ่มหลงที่สุดแห่งยุคสมัยก่อตั้งถูกเขาคิดค้นขึ้นมา และทักษะเทวะเหล่านั้นก็ค้ำยันยุคสมัย!
เขานั้นเป็นผู้ก่อตั้ง ‘วิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ’ ฉบับดั้งเดิมที่สุด อันฉินมู่กำลังฝึกปรืออยู่ มีวิธีการนับไม่ถ้วนในการจัดเรียงทักษะเทวะนับหมื่นของผู้ฝึกวิชาเทวะ พวกมันล้วนแต่เป็นทักษะเทวะที่คนตัดไม้จำแนกแยกแยะออกมาจากทักษะเทวะจักรพรรดิก่อตั้ง
เมื่อฉินมู่อยู่บนเรือเหาะของบิดาเขาฉินหานเจิน วิธีการที่อัดแน่นพลานุภาพทักษะเทวะให้เข้มข้นสุดขีดนี้ก็มาจากจักรพรรดิก่อตั้ง
พลานุภาพของทักษะเทวะสามารถมีฤทธิ์เดชอันทำลายล้างพื้นที่รัศมีกว่าสิบลี้ เมื่อพละกำลังเช่นนี้ระเบิดออกไป การทำลายล้างก็เกินจะคาดคะเน!
ฉินมู่กู่ร้องด้วยเสียงอันดัง คนอื่นๆ มีเจ็ดมหาสมบัติเทวะ แต่เขาสามารถมีได้ถึงสิบสี่สมบัติเทวะที่แบ่งเป็นเทพและมาร นอกจากสมบัติเทวะเป็นตายและสะพานเทวะแล้ว สมบัติเทวะอื่นๆ ก็ถูกเปิดขึ้นมา ดังนั้นจึงมีสมบัติเทวะทั้งหมดสิบชิ้น
และสมบัติเทวะทั้งสิบชิ้นนี้ก็ได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งแล้ว
ปราณชีวิตของเขาตกลงมาเหมือนกับน้ำตก และไหลพุ่งลงจากสมบัติเทวะอันยิ่งใหญ่ของเขาดุจเสาหลักแห่งปราณหรือกระทั่งมหาอุทกภัย มีแท่งเสาปราณชีวิตหลายร้อยจนถึงพันที่ไหลเวียนและถักทอกันเป็นฟ้าและดินในสมบัติเทวะ
เพราะว่าสมบัติเทวะของเขารวมเป็นหนึ่ง ความเร็วในการเคลื่อนโคจรปราณจึงเร็วเสียยิ่งกว่าจักรพรรดิก่อตั้ง พละกำลังที่เขาระเบิดออกมาจึงยิ่งแข็งแกร่งกว่า และฤทธินุภาพก็ยิ่งสูงล้ำ!
แม้ว่าทักษะเทวะของเขาจะด้อยกว่าจักรพรรดิก่อตั้ง แต่เขาก็ไม่หวั่นการปะทะเลยแม้แต่น้อย!
ทั้งสองคนเข้าปะทะกัน และพลานุภาพของทักษะเทวะทั้งหลายก็ระเบิดออกมาในเสี้ยวพริบตา ข้างใต้เท้าของพวกเขา แผ่นหยกขาวปูพื้นก็ลอยขึ้นมาในวินาทีนั้น ทั้งสองอยู่ในจุดศูนย์กลางของวงกลม ชิ้นแผ่นหยกมากมายลอยขึ้นมารอบๆ และแผ่นหยกปูพื้นข้างใต้เท้าผู้ฝึกวิชาเทวะคนอื่นๆ ที่ยืนห่างออกไปก็ลอยขึ้นมาด้วยเช่นกัน ทำให้ผู้คนเหล่านั้นต้องถอยออกไปอย่างไม่เต็มใจ!
ปัง ปัง ปัง! เสียงซัดปะทะนับไม่ถ้วนดังมาราวกับสายฟ้าฟาด และในเสี้ยวพริบตาที่พลานุภาพแผ่พุ่งออกไป ทั้งคู่ก็ถูกซัดกระเด็นออกจากกัน และอัดกระแทกเข้าไปในดินด้วยความเร็วสูงดุจดาวตก พวกเขาพุ่งชนเข้าไปในผนังของโถงวังมหึมาสองแห่งอันอยู่ห่างจากกันหนึ่งร้อยลี้
และบนท้องฟ้า จิตวิญญาณดั้งเดิมอันน่าเกรงขามทั้งสองก็เคลื่อนไหวไปมาดุจอสุนีบาตเพื่อฟาดซัดซึ่งกันและกันอย่างไม่คิดชีวิต ทำให้เกิดเปลวแสงกรีดวูบวาบอยู่บนเวหา
ที่ท้องฟ้านั้น รูปเงาแห่งแสงฉวัดเฉวียนตัดกันไปมา และภาพปรากฏการณ์ทุกรูปแบบก็พวยพุ่งออก พวกมันมีทั้งมังกรเหิน หงส์ไฟร่ายรำ กระบี่บินหมื่นเล่ม ดาบอันผ่าแยกท้องฟ้า มุทราหมัดอันเหมือนกับขุนเขา แม่น้ำสายใหญ่อลังการ และระฆังมหึมาที่หมุนติ้ว…
ที่มาพร้อมกับรูปเงาเหล่านั้นคือเสียงอันวิจิตรพิสดารมากมาย และพวกนั้นคือเสียงเต๋าที่ส่งออกมาจากการระเบิดของทักษะเทวะ!
หลังคาของโถงวังทั้งสองระเบิดเปิดเปิงออก เมื่อฉินมู่และจักรพรรดิก่อตั้งพุ่งทะยานขึ้นไปบนอากาศ พวกเขาลงไปเหยียบบนหลังคาและถลึงตาจ้องกันจากระยะหนึ่งร้อยลี้
พวกเขาประสานสายตากัน
“อย๊าาาา–”
ฉินมู่คำราม และปราณของเขาก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาพลันกระโจนออกมาจากโถงเหยียบย่างขึ้นไปบนอากาศ และแม้ว่าเขาจะเดินอยู่บนท้องฟ้า แต่รอยเท้าของเขาก็ปรากฏอยู่บนพื้น!
เขาวิ่งตะบึงไปบนอากาศธาตุดุจแสงที่วูบไหวและเงาที่พร่าพราย ด้วยย่างก้าวหนึ่ง เขาก็ปลดปล่อยหมัดออกไปนับไม่ถ้วน และมุทราหมัดของเขาก็อัดอากาศจนควบแน่นเป็นสสาร กำปั้นมหึมาซัดตรงไปยังจักรพรรดิก่อตั้งด้วยความเร็วอันน่าแตกตื่น และเมื่อจำนวนหมัดมุทราเพิ่มขึ้น พวกมันก็ก่อขึ้นมาเป็นกำแพงแน่นหนามากขึ้นทุกที!
วัวแก่ตื่นตระหนก และเขารีบร้องออกไป “ฉินเย่…ฉินไค อย่าสู้กับเขาด้วยกำลังเถื่อน ทักษะของเขาในมรรคาบู๊ได้บรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว!”
ที่ฟากหนึ่งของโถงวังอีกแห่ง จักรพรรดิก่อตั้งไม่สนใจคำพูดของวัวแก่ เขาเคลื่อนที่ตรงไปยังฉินมู่ และมือของเขาก็ขยับขึ้นๆ ลงๆ ราวผีเสื้อกระพือปีก ทักษะเทวะเล็กจิ๋วจำนวนนับไม่ถ้วนก็หลั่งไหลออกมาจากปลายนิ้ว ฝ่ามือ และแม้แต่ใต้แขนเสื้อของเขา หอคอย กระถาง ระฆัง เจดีย์ มีด หอก กระบี่ ง้าว มังกร พยัคฆ์ เต่าดำ หงส์แดง และมหาสมบัติเทวะทุกชนิดก็หลั่งไหลออกมาตรงหน้าเขาด้วยพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัว พวกมันเปล่งแสงเป็นประกายไปหมด!
ในรัศมีของเขามีคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัว ที่อัดแน่นไปด้วยพลานุภาพอันแตกตื่นสะท้านขวัญ
วัวแก่เลือดในกายเย็นเยียบ และเขาตะโกนไป “มู่ชิง อย่าไปสู้กับเขาด้วยกำลังดิบ! ความเชี่ยวชาญของฉินไคในทักษะเทวะได้บรรลุจุดสูงสุดแล้ว!”
ที่กลางอากาศ คลื่นอันน่าสะพรึงกลัวซัดเข้ามาตอนที่กำปั้นพุ่งเข้าปะทะกับทักษะเทวะ เมื่อทั้งสองคนเข้าชนกระแทก แสงสีขาวบาดตาก็แผ่พุ่งออกมาจากจุดศูนย์กลางระเบิด มันเหมือนกับมีดอันคมกล้าไร้ปานเปรียบที่เฉือนตัดลงยังใจกลางของเกาะวิเศษสระหยก
พื้นดินสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด และร่องเหวสวรรค์ก็ผ่าแยกเกาะวิเศษสระหยก รอยแยกนี้ตัดเนียนกริบ และยิ่งขยายใหญ่ขึ้น ยาวขึ้น และกว้างขึ้น!
ฟิ้ววว
ลมอันรุนแรงซัดออกไปในทุกทิศทาง และกระเบื้องหลังคาของทุกๆ โถงวังก็ลอยขึ้นไป เผยให้เห็นกระดูกมังกรข้างใต้ กระเบื้องหยกเขียวนับไม่ถ้วน ก่อขึ้นมาเป็นเมฆหยกที่ปลิวกระจัดกระจายไปทั่วทิศ
“จิตวิญญาณดั้งเดิมสถิตร่าง!”
เสียงสองเสียงดังออกมาพร้อมๆ กัน และกระแสเชี่ยวกรากของปราณและโลหิตก็พลันไหลกลับย้อนเข้ามาในร่างกายของพวกเขาพร้อมๆ กัน
รัศมีของพวกเขาทั้งสองคลั่งพยศ กายเนื้อของฉินมู่ปูดโปนออกมาและยิ่งสูงขึ้นและสูงขึ้น จนสูงถึงสิบแปดวา เขายืนตระหง่านประดุจเทพเจ้า
แขนทั้งหกของเขาขับเคลื่อนพลังอำนาจออกไป และกล้ามเนื้อของเขาก็ปูดออกมา หัวทั้งสามของเขาคำรามก้อง และเขาก็ตบฝ่ามือลงไปบนพื้น
“หลอมสร้างสมบัติเป็นอาวุธ!”
พื้นดินสั่นสะเทือน และโถงวังมหึมาก็ถล่มลงจากแผ่นดินอันเลื่อนลั่นหวั่นไหว เสาทองแดงทะยานพุ่งสู่ท้องฟ้า และหลอมละลายภายใต้เพลิงไฟเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธวิญญาณเหินหาวอันก็คือกระบี่บินที่เคลื่อนไหวไปด้วยความเร็วยิ่งยวด!
อีกฟากหนึ่ง จักรพรรดิก่อตั้งประกบมือมาตรงหน้าอก และรัศมีของเขาก็พวยพุ่งออกไป โถงวังอีกหลังลอยขึ้นมาและถูกบดขยี้ในอากาศ โลหะเทวะและวัสดุเทวะทั้งหลายได้แปรเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้าย และสมบัติวิเศษมากมายที่วิ่งกรูเข้าไป
นั่นคือรูปทรงของอาวุธวิญญาณของเขาหลังจากที่ทักษะเทวะก่อรูปดีแล้ว
ทั้งสองคนรีดเร้นโทสะข้างในตน และวิธีการที่พวกเขาใช้ก็เกินเลยกว่าการต่อสู้ปกติไปมาก
วัวแก่รู้สึกปวดหัวจนโป่งพอง เขาปกป้องวิญญูชนสวรรค์หลิงเอาไว้และตะโกนไป “ฉินไค เลิกสู้กับเขา เขาคือกายาจ้าวแดนดิน พวกเราสู้เขาไม่ได้!”
จักรพรรดิก่อตั้งไม่ใส่ใจ และวัวแก่ก็กล่าว “มู่ชิง ทำไมเจ้าถึงสู้กับเขา ทักษะเทวะของเขากว้างใหญ่ไร้ประมาณ และเจ้าก็อาจจะถูกเขาสังหารเอาได้! ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาคือวิชากระบี่ ทักษะเทวะพวกนี้เป็นเพียงของตบตา”
บนท้องฟ้า สุดยอดทักษะเทวะของพวกเขาได้ทำให้ทุกคนบนเกาะตื่นตระหนก พวกเขาได้ทำให้ผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งยุคบรรพกาลอ้าปากค้าง มองดูทักษะเทวะทั้งสองที่กำลังจะเข้าไปปะทะกัน
“พวกเจ้าทั้งสองคน!”
ในที่สุดหนิวซานตัวก็ห้ามตัวเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป เสียงคำรามกึกก้องสะท้านโลกดังออกมาจากเขา “พวกเจ้าทั้งสองจะพอกันได้หรือยัง ข้าโมโหแล้ว!”
วิญญูชนสวรรค์หลิงเกินคำว่าตื่นเต้น และสีหน้าของนางก็เหม่อลอยไปไม่น้อย ข้างๆ นางนั้น จู่ๆ ผู้เฒ่าคนนี้ก็ระเบิดออกมาด้วยรัศมีอันสะเทือนโลกา ทำให้มิติอวกาศรอบๆ แตกร้าวและส่งเสียงเปรี๊ยะปร๊ะ
วิญญูชนสวรรค์หลิงมองไปยังผู้เฒ่าที่ตัวสูงขึ้นและสูงขึ้นทุกที นางเห็นก็แต่กายเนื้ออันทนทายาดของเขา อันแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเทพบรรพกาล โทสะของวัวแก่รั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ และเสียงของเขาก็ตวาดก้องไปทั่วทั้งสภาสวรรค์ แม้กระทั่งสร้างคลื่นมรสุมขึ้นในแม่น้ำสวรรค์!
บนท้องฟ้า รอยร้าวของห้วงมิติปรากฏทุกหนแห่ง
เกาะวิเศษสระหยกดูจะไม่สามารถรองรับกายเนื้อที่แท้จริงของผู้เฒ่านี้ได้!