ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1017 คุณชายสามเย่โปรดเมตตา นั่นคือลูกชายแท้ ๆ ของคุณนะ (8)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1017 คุณชายสามเย่โปรดเมตตา นั่นคือลูกชายแท้ ๆ ของคุณนะ (8)
เธอรู้จักกับฉิงฉิงมาตั้งนาน หลายปีที่ผ่านมาเธออยู่กับฉิงฉิงตลอด ทำไมเธอถึงไม่เคยเจอกับผู้ชายคนนี้ และเธอก็ไม่เคยได้ยินฉิงฉิงพูดถึงเลยด้วย
เป็นเพราะฉู่หลิงเอ๋อรู้สึกช็อกเกินไป จนเกือบจะหลุดปากออกมา หลังจากที่เธอตั้งสติได้ ก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันที : “คุณรู้จักกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเหรอ?”
ตอนที่ฉู่หลิงเอ๋อถามคำถามนี้ออกมา คุณชายสามเย่ก็จ้องเขม็งไปที่หัวหน้าน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังรอฟังคำตอบจากเขาอยู่
“รู้จักอยู่แล้ว” หัวหน้าน้อยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วตอบอย่างมั่นใจเพราะรู้จักจริง ๆ
อะเฉียงรู้สึกทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว หัวหน้าน้อยกลายเป็นคนหน้าด้านหน้าทนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
หัวหน้าน้อยรู้จักกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเหรอ?
หัวหน้าน้อยไม่เคยเจอกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นคืนนี้หัวหน้าน้อยก็คงไม่เสียเวลามาอยู่ที่สมาคมประมูลหงเยว่หรอก
เมื่อได้ยินคำตอบของหัวหน้าน้อย ในดวงตาที่หรี่ลงของคุณชายสามเย่ก็ยิ่งดูอำมหิตเลือดเย็นมากขึ้น รู้จักอยู่แล้วงั้นเหรอ?
แซ่มู่คนนี้รู้จักกับเวินลั่วฉิงจริงเหรอ?
ทำไมเขาถึงไม่รู้เลยสักนิด?
และแม้แต่ฉู่หลิงเอ๋อก็ยังไม่รู้?
เย่ซือเฉินในตอนนี้ สงสัยในคำพูดของผู้ชายคนนี้เป็นอย่างมาก
“คุณรู้จักกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมถึงได้รู้จัก?” เห็นได้ชัดว่าฉู่หลิงเอ๋อไม่เชื่อคำพูดของหัวหน้าน้อย เพราะเธอไม่เคยได้ยินฉิงฉิงพูดถึงมาก่อนเลยจริง ๆ
เมื่อครู่เธอยังคุยกับถังจื่อโม่อยู่เลยว่าฉิงฉิงมีเรื่องอะไรอัพเดทบ้าง
ตอนนั้นจื่อโม่พูดถึงหยวนจุนหลิน แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่หยวนจุนหลินแน่นอน เพราะจื่อโม่บอกว่าคุณชายสามเย่จัดการหยวนจุนหลินจนพ่ายแพ้ไปแล้ว แต่คุณชายสามเย่กลับไม่รู้จักคุณมู่ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้
หยวนจุนหลินไม่มีทางทำตัวเด่นอย่างนี้ ไม่มีทางอวดดีขนาดนี้แน่นอน!!
“นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับเธอสองคน จะบอกให้คนอื่นรู้ได้ยังไงล่ะ?” หัวหน้าน้อยมองฉู่หลิงเอ๋อแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองทางเย่ซือเฉิน คำพูดนี้ดูเหมือนจะตอบฉู่หลิงเอ๋อ แต่กลับจงใจพูดให้เย่ซือเฉินฟัง
และคำพูดนี้ของเขาพูดให้ดูคลุมเครืออย่างเห็นได้ชัด
“คุณชาย พวกเราควรไปกันได้แล้วครับ” อะเฉียงทนฟังต่อไปไม่ได้แล้วจริง ๆ เขาคิดว่าเขาต้องรีบพาหัวหน้าน้อยออกไปโดยด่วน
“รีบไปไหน? แกไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังคุยเรื่องฉิ้นเอ๋ออยู่?” หัวหน้าน้อยปรายตามองอะเฉียง เห็นชัดว่าประโยคนี้เขาจงใจพูดให้เย่ซือเฉินได้ยิน โดยเฉพาะการเรียกชื่อนั้น
ฉิ้นเอ๋อ? !
ฟังดูสนิทสนมกันดีนี่!!
เมื่อคุณชายสามเย่ได้ยินการเรียกชื่อที่หัวหน้าน้อยจงใจอวดนั้น เขาก็หัวเราะออกมาทันที
ฉิ้นเอ๋อ?
คนที่สนิทกับเธอต่างรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอ และจะไม่เรียกเธอว่าฉิ้นเอ๋อ
ฉะนั้นผู้ชายคนนี้น่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเวินลั่วฉิง ต่อให้รู้จักกันจริง ๆ ก็คงรู้จักกันเพียงผิวเผินเท่านั้น
ความหึงของคุณชายสามเย่เมื่อครู่นี้สลายหายไปหมดแล้ว ไม่ใส่ใจผู้ชายแซ่มู่คนนี้อีกแล้ว
เพียงแต่ คืนนี้คุณมู่คนนี้หาเรื่องเขาจริง ๆ ตอนนี้ดูท่าทางจะเกี่ยวข้องกับเวินลั่วฉิง คุณชายสามเย่จึงรู้สึกระแวงมากขึ้น
“ลูกพี่ครับ จ่ายเงินให้คุณฉู่เรียบร้อยแล้วครับ” กู้หวูจ่ายเงินให้ฉู่หลิงเอ๋อเรียบร้อยแล้ว ขอแค่มีเงินเพียงพอ เรื่องจ่ายเงินก็ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว
“ไปกันเถอะ” คุณชายสามเย่ไม่ได้สนใจหัวหน้าน้อยอีก ได้แต่หมุนตัวเดินลงไปทันที ในใจเขายังคงรู้สึกสงสัยคุณมู่คนนี้ เมื่อสงสัยก็ต้องไปสืบดูให้แน่ชัด
แต่ว่า ก่อนจะสืบให้แน่ชัด เขาไม่มีทางทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน
ฉู่หลิงเอ๋อมองไปที่หัวหน้าน้อย แล้วยิ้มออกมา : “คุณมู่เรียกคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอย่างสนิทสนมแบบนี้ ความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาจริง ๆ”
ที่ฉู่หลิงเอ๋อพูดฟังดูก็รู้ว่าพูดประชด ฉู่หลิงเอ๋อรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าคนที่สนิทกับฉิงฉิงจริง ๆ จะไม่มีทางเรียกฉิงฉิงว่าฉิ้นเอ๋อแน่นอน
ฉะนั้นคุณมู่คนนี้เมื่อครู่คงจงใจเรียกแบบนั้นเพื่อโอ้อวด แต่ทว่ากลับเป็นการเปิดเผยว่าคุณมู่กับฉิงฉิงไม่ได้เป็นอะไรกันเลย
ฉู่หลิงเอ๋อพูดจบ ก็ไม่สนใจหัวหน้าน้อยอีก เธอกลับไปทันที
หลังจากที่คุณชายสามเย่กลับไปแล้ว คนอื่น ๆ ก็แยกย้าย
“เมื่อกี้ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ? !” หัวหน้าน้อยรู้สึกงุนงง ทำไมหลังจากที่เขาพูดเมื่อครู่นี้ เย่ซือเฉินกับคุณฉู่ก็มีท่าทีแบบเดียวกันเลย
“หัวหน้าน้อยครับ ผมคิดว่าคุณปล่อยไก่แล้วล่ะครับ ผมรู้สึกว่าน่าจะมีปัญหาที่การเรียกชื่อคุณถัง” อะเฉียงเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อะเฉียงดูออกว่าหัวหน้าน้อยผิดพลาดตรงที่จงใจเรียกชื่อนั้นอย่างโอ้อวด
“ทำไมล่ะ?” หัวหน้าน้อยตอนนี้ไม่เข้าใจจริง ๆ : “การเรียกแบบนี้ยิ่งดูสนิทก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอ? คุณหนูใหญ่ตระกูลถังชื่อถังฉิ้นเอ๋อไม่ใช่หรือไง? ฉันเรียกฉิ้นเอ๋อแล้วผิดตรงไหน? !”
“ตามหลักแล้วก็ไม่ผิดหรอกครับ แต่เท่าที่เห็นท่าทีของคุณชายสามเย่กับคุณฉู่ แสดงว่าผิดปกติแน่นอน ดูไม่สมจริงเลย” อะเฉียงเองก็ไม่เข้าใจ แต่เขาก็ยังวิเคราะห์ให้หัวหน้าน้อยของตัวเองฟัง
“ถ้าหากเป็นแบบนี้จริง ๆ ก็เป็นไปได้อย่างหนึ่ง นั่นคือพวกเราพลาดข้อมูลที่สำคัญมาก ๆ ไป” ตอนนี้หัวหน้าน้อยเก็บอาการรักสนุกไว้ก่อน และตั้งใจคิดไตร่ตรองดู
“แกไปสืบเรื่องเกี่ยวกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังมาอีกสิ” สีหน้าของหัวหน้าน้อยดูสงบนิ่งเป็นปกติแล้ว ดวงตาคู่นั้นดูจริงจังมากขึ้น : “เริ่มสืบจากเย่ซือเฉินก่อน”
ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่สืบเรื่องของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังมาโดยตลอด แต่ตระกูลถังเก็บความลับเป็นอย่างดี ทำให้เขาสืบได้ไม่เยอะมาก
ไม่เพียงแต่เขาสืบหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไม่ได้เลยเท่านั้น แม้แต่ผู้ดูแลจ้งก็สืบอะไรไม่ได้เหมือนกัน
ดังนั้นครั้งนี้หัวหน้าน้อยอยากเปลี่ยนมุมมองในการสืบหา ในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างคุณหนูใหญ่ตระกูลถังกับเย่ซือเฉินไม่ธรรมดา ถ้าหากสืบจากเรื่องของเย่ซือเฉิน ไม่แน่อาจจะสามารถสืบเจออะไรที่มีประโยชน์ก็ได้
ต้องบอกว่า เวลาที่หัวหน้าน้อยสงบนิ่งนั้นดูเฉลียวฉลาดมาก ๆ!!
ฉู่หลิงเอ๋อเข้าไปในลิฟต์ แล้วลงไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดิน เพราะจื่อโม่ของเธอยังรอเธออยู่ในรถ
เมื่อฉู่หลิงเอ๋อออกจากลิฟต์ ก็ตรงไปที่ด้านหน้ารถของตัวเอง จากนั้นก็เปิดประตูรถ เห็นถังจื่อโม่กำลังนั่งอยู่ในรถ และกำลังเล่นเกมอย่างสบายใจ
“จื่อโม่ ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้? เมื่อครู่น้าเกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้วนะ แต่หนูกลับเล่นเกมอยู่ที่นี่” ฉู่หลิงเอ๋อเบ้ปาก อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา : “ครั้งนี้ หนูเกือบทำให้น้าตายเลยนะ”
ถังจื่อโม่วางโทรศัพท์มือถือ แล้วเงยหน้าขึ้น มองไปที่ด้านหลังของฉู่หลิงเอ๋อ แล้วพบว่ามีเพียงฉู่หลิงเอ๋อคนเดียว ดวงตาเขาลุกวาวขึ้นมา รู้สึกตะลึงเล็กน้อย และดูผิดหวังด้วย
“ทำไมถึงมีน้าแค่คนเดียว?” ถังจื่อโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเม้มปากเบา ๆ
“หมายความว่าไง? ไม่ใช่น้าคนเดียวแล้วยังจะมีใครอีก? หนูกำลังรอใคร?” ได้ยินคำพูดของถังจื่อโม่ ฉู่หลิงเอ๋อก็อึ้งไปครู่หนึ่ง : “จื่อโม่จ๊ะ หนูไม่ได้หมายถึงคุณชายสามเย่หรอกใช่ไหม?”