ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 407 คุณชายสามเย่ได้เจอลูกสาวแล้ว(7)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 407 คุณชายสามเย่ได้เจอลูกสาวแล้ว(7)
บทที่ 407 คุณชายสามเย่ได้เจอลูกสาวแล้ว(7)
เย่ซือเฉินได้ยินเสียงร้องไห้นั้น จู่ๆในใจก็ว้าวุ่น จนไม่สามารถนิ่งสงบเหมือนในปกติได้ เมื่อฟังเสียงร้องไห้ของเด็กนั้นแล้ว เขารู้สึกราวกับมีเข็มมากมายกำลังที่ทิ่มตรงหัวใจของเขา จนรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
ความรู้สึกนั้นมันแปลกมาก
แต่ว่า ภายนอกของเย่ซือเฉินก็ไม่ได้แสดงความผิดปกติใดๆออกมาทั้งสิ้น
“เย่ซือเฉิน นี่นายหมายความว่ายังไง นายพาคนบุกเข้ามาแบบนี้ ฉันมีเหตุผลที่เห็นควรจะทำอะไรก็ได้นะเว้ย”ถังไป๋เชียนจ้องเย่ซือเฉิน มุมปากยกยิ้ม แต่แววตาทั้งคู่กลับเย็นชาเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้ที่เขาพูดอย่างสบายๆไม่เดือดร้อนเช่นนี้ แต่ในใจกับกังวลมากกว่าใคร ตื่นเต้นมากกว่าใคร เพราะในสถานการณ์ตอนนี้อยู่เหนือแผนการของเขาทั้งหมด
เรื่องนอกแผนการมักจะควบคุมยากทั้งนั้น
“เด็กร้องไห้ซะขนาดนั้น ถูกลักมาขายมั้ง”เย่ซือเฉินจ้องมองเขาอย่างเย็นชา จู่ๆก็พูดประโยคนี้ขึ้นมา
จางผิงตะลึงงันไปอย่างชัดเจน มุมปากกระตุกขึ้นอย่างรุนแรง คำพูดนั้นในเมื่อกี้ของเขาเป็นการล้อเล่นเท่านั้น ลูกพี่คงจะไม่คิดว่าความจริงมั้ง
ไม่ ไม่ใช่สิ ลูกพี่มาหาเวินลั่วฉิงไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆถึงเป็นห่วงเด็กขึ้นมา
จุดโฟกัสของลูกพี่เหมือนจะเปลี่ยนไปทางอื่นแล้วนะ
ถังไป๋เชียนก็ตะลึงงันเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงเลยว่าเย่ซือเฉินในตอนนี้จะเอ่ยโดยตรงถึงตัวเด็ก
เขาเคยคิดว่าเสียงร้องไห้ของจื่อซีอาจดึงความสนใจของเย่ซือเฉินได้ แต่กลับที่ไม่ถึงเลยว่าเย่ซือเฉินในตอนนี้ไม่ถามถึงเรื่องของเวินลั่วฉิงเลย แล้วกลับถามถึงเรื่องของเด็กทันที
เมื่อได้ยินคำพูดเย่ซือเฉินแล้ว ในใจถังไป๋เชียนก็สั่นเล็กน้อย
เย่ซือเฉินคงไม่รู้เรื่องอะไรเข้าแล้วใช่ไหม
เย่ซือเฉินคงไม่รู้เรื่องเด็กทั้งสองเข้าแล้วมั้ง
แต่ว่า ก่อนหน้านี้เขาเก็บซ่อนเรื่องของเด็กทั้งสองคนได้ดีมาก เย่ซือเฉินไม่สังเกตเห็นอย่างแน่นอน
นอกเสียจากว่าเวินลั่วฉิงจะบอกเย่ซือเฉินเอง แต่เวินลั่วฉิงไม่รู้มาก่อนว่าผู้ชายเมื่อห้าปีก่อนคนนั้นคือเย่ซือเฉินนี่ ไม่รู้ว่าพ่อของเด็กทั้งสองก็คือเย่ซือเฉิน
“เย่ซือเฉิน นายยุ่งมากไปแล้วนะ
ถึงฉันลักขายเด็กจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่นายควรยุ่งหนิ”แม้ในใจถังไป๋เชียนจะตื่นตะลึง แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงพิรุธใดๆออกมา ถังไป๋เชียนไหลไปตามคำพูดเย่ซือเฉินอย่างติดตลกไม่จริงจังมาก เพื่อจงใจจะถ่วงเวลาไว้
เย่ซือเฉินเป็นคนเฉลียวฉลาด จะดูไม่ออกได้ยังไงว่าถังไป๋เชียนนั้นจงใจจะถ่วงเวลาไว้ เขาไม่ได้ตอกกลับคำพูดไร้สาระของถังไป๋เชียนอีก เดินตรง ไปทางขึ้นชั้นบน
เด็กร้องไห้ทำให้หัวใจของเขาเริ่มไม่สบายมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น เขาต้องขึ้นไปดูให้ได้
ดูสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ยังไม่เคยมีเสียงร้องไห้ของใครที่ทำให้ในใจของเขาคือความรู้สึกไม่สบายมากมายขนาดนี้ได้
ถังไป๋เชียนหรี่ตาลง แล้วโบกเรียก จากนั้นเหล่าคนที่ติดตามอยู่ในข้างๆของเขาก็คว้าปืนออกมาทันที ทั้งหมดชี้ไปทางเย่ซือเฉิน
ถังไป๋เชียนรู้ดี ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ จะให้เย่ซือเฉินเห็นเด็กสองคนนั้นไม่ได้เด็ดขาด ในขณะนี้จื่อซีได้ร้องหาผู้เป็นแม่มาตลอด หากตอนนั้นเย่ซือเฉินถามจื่อซีผู้เป็นแม่เป็นใคร
จื่อซีก็คงจะตอบแน่นอน ถึงตอนนั้นเรื่องทั้งหมดก็ไม่สามารถปิดเอาไว้ได้แล้ว
ตแ
ตอนนี้เย่ซือเฉินวิ่งไล่ตามเวินลั่วฉิงไม่ปล่อยแล้ว หากให้เย่ซือเฉินรู้ว่าเวินลั่วฉิงได้คลอดลูกสองคนให้เขา ถึงตอนนั้น……
เพราะฉะนั้น เขาจำเป็นต้องขัดขวาง……
คนข้างกายของเย่ซือเฉินก็คว้าปืนออกมาอย่างรวดเร็ว จู่ๆสถานการณ์ก็ตึงเครียดขึ้นทันที
ใบหน้าเย่ซือเฉินกลับไม่แปลกไปแม้แต่น้อย ตอนจ้องมองถังไป๋เชียนนั้นในแววตาของเขาราวกับมีรอยยิ้มเผยออกมาเล็กน้อย “ถังไป๋เชียน นายคิดว่าทำแบบนี้ก็สามารถขัดขวางฉันได้แล้วเหรอ”
“นายก็ลองดูสิ”ถังไป๋เชียนยิ้มเยาะออกมา แม้สถานการณ์มีความเปลี่ยนแปลง คนที่เขาเตรียมไว้ได้ปลอมตัวเป็นเวินลั่วฉิงแล้ว โดยซ่งหยุนเป็นคนพา ออกไปจากหลังประตู
เขาคิดว่า เย่ซือเฉินจะได้ข่าวในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
แต่ว่า ในตอนนี้ขัดขวางเย่ซือเฉินขึ้นไปชั้นบน ถังไป๋เชียนจึงหัวเราะออกมา จู่ๆก็พูดขึ้นมา”เย่ซือเฉิน นายมาหาฉิงฉิงใช่ไหม ฉันสามารถบอกนายได้นะ ฉิงฉิงได้กลับประเทศ กลับเมืองAไปแล้ว”
คำพูดที่ของถังไป๋เชียนเอ่ยมาในตอนนี้คือเรื่องจริง แต่เขารู้ดี ว่าตอนนี้ที่เขาเอ่ยแบบนี้ เย่ซือเฉินต้องไม่เชื่ออย่างแน่นอน
เย่ซือเฉินต้องไม่เชื่อว่าในตอนนี้เวินลั่วฉิงได้กลับเมืองAไปแล้ว
เย่ซือเฉินสงสัยคำพูดในตอนนี้ของเขา พอผ่านไปสักพักถึงเย่ซือเฉินจะเช็กข่าวที่เวินลั่วฉิงกลับเมืองAได้แล้วก็ยังต้องสงสัยอยู่แน่ สงสัยว่าต้องเป็นเขาที่จงใจปล่อยออกไป
นี่แหล่ะคือผลลัพธ์ที่ถังไป๋เชียนต้องการ
เย่ซือเฉินเมื่อได้ยินคำพูดถังไป๋เชียน ฝีเท้าก็หยุดไปอย่างกะทันหัน แววตาทั้งคู่ของเขาจ้องตรงไปที่ถังไป๋เชียน หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย จากนั้นจู่ๆก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรเบอร์ๆหนึ่งออกไป”เช็กดูซิ ว่าเวินลั่วฉิงได้กลับเมืองAไปแล้วหรือยัง”
เย่ซือเฉินไม่เชื่อคำพูดถังไป๋เชียนจริงๆด้วย เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเวินลั่วฉิงอีก ถึงเขาจะไม่เชื่อ แต่เขาก็จะตรวจสอบให้เข้าใจในทันที
มีครั้งก่อนเพราะการเข้าใจผิดเลยทำให้เลขาหลิวจัดการเรื่องหย่า ซึ่งในตอนนี้เย่ซือเฉินจึงจริงจังกับทุกเรื่องเป็นพิเศษ เข้มงวดเป็นพิเศษ ตอนนี้เขาไม่ยอมให้มีเรื่องผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นอีก
ถังไป๋เชียนบอกว่าเวินลั่วฉิงกลับเมืองAแล้ว
เขาเพียงแค่ให้คนในเมืองAเช็กดูแป๊บหนึ่งก็รู้เรื่องแล้ว
ถังไป๋เชียนนิ่งอึ้งไปทันที ทีแรกเขาคิดว่าเย่ซือเฉินจะสงสัยคำพูดของเขาทั้งหมด ดังนั้นจึงจะล้มล้างเส้นทางนี้ทั้งหมด
ถังไป๋เชียนคิดไม่ถึง ว่าเย่ซือเฉินจะเชื่อ แถมยังจะให้คนในทางเมืองAไปเช็กอีก
ถ้างั้นนี่นับว่าเขายกก้อนหินมาทุบเท้าตัวเองหรือเปล่า
ในเวลานี้ ถังไป๋เชียนรู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อยที่เมื่อกี้พูดแบบนั้นออกไป
ถังไป๋เชียนไม่รู้คือ เย่ซือเฉินไม่เชื่อคำพูดของเขา แต่คนของเย่ซือเฉินมีมากมาย เพราะฉะนั้น เย่ซือเฉินคิดว่าเช็กสักน้อยก็ไม่ยุ่งยากอะไร เพราะถึงยังไงก็ไม่เกิดความเสียหายอะไรอยู่แล้ว
ชั้นบน เสียงร้องไห้จื่อซียังคงดังอยู่เรื่อยๆ
“แม่คุณทูนหัวของฉัน ได้โปรดเถอะนะหนู อย่าร้องอีกเลยนะ หนูร้องไห้แบบนี้ฉันเป็นห่วงจะตายอยู่แล้ว ฉันเกือบจะร้องไห้ตามหนูไปแล้ว”เยว่หงหลิงนั้นเป็นห่วงจริงๆ เด็กคนนี้ร้องไห้เสียงดังขนาดนี้ จะเหนื่อยไหมนะ จะเจ็อคอหรือเปล่า
ถังจื่อโม่ในตอนนี้ยืมอยู่อีกฝั่ง ไม่พูดอะไร เหมือนกับกำลังฟังอะไรอยู่ ฟังอย่างตั้งใจมาก ราวกับไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเสียงร้องไห้ของจื่อซี
“จื่อโม่ นายรีบปลอบน้องนายเร็ว ยืนเหม่ออะไรอยู่”เยว่หงหลิงในตอนนี้ไม่มีวิธีอะไรแล้วจริงๆ เธอทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากจื่อโม่
เห็นจื่อโม่ยืนเหม่ออยู่ ไม่ห้ามจื่อซีเลย เยว่หงหลิงก็สงสัยเล็กน้อย ปกติจื่อโม่นั้นรักน้องเขาที่สุด ปกติจื่อซีร้องไห้ปุ๊บ จื่อโม่ก็จะหาวิธีมาปลอบทันที วันนี้ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
ทำไมถึงยืนเหม่อลอยอยู่คนเดียว
“ข้างล่างเกิดเรื่องอะไรขึ้น”ถังจื่อโม่ยังคงไม่ปลอมจื่อซีเช่นเดิม เพียงแต่จู่ๆก็ถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง เขากำลังฟังอยู่ว่าในข้างล่างมีคนคุยกัน เสียงนั้นมีความคล้ายเย่ซือเฉินเล็กน้อย