ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 408 คุณชายสามเย่ได้เจอลูกสาวแล้ว (8)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 408 คุณชายสามเย่ได้เจอลูกสาวแล้ว (8)
บทที่ 408 คุณชายสามเย่ได้เจอลูกสาวแล้ว (8)
ถึงแม้จื่อโม่จะไม่เคยพบหน้ากับเย่ซือเฉินมาก่อน แต่จื่อโม่กับเย่ซือเฉินก็เคยคุยโทรศัพท์กันมาแล้ว เพียงแต่ในโทรศัพท์กับเสียงตัวจริงมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นจื่อโม่เลยไม่ค่อยจะแน่ใจ เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมถึงอ่อนไหวง่ายขนาดนั้น เพียงแค่ฟังเสียงคล้ายกับเย่ซือเฉินเล็กน้อย
แต่ว่า เย่ซือเฉินทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เย่ซือเฉินมาหาคุณแม่ใช่ไหม
คุณแม่บอกว่าเธอกับเย่ซือเฉินนั้นแต่งงานด้วยกันอย่างมีข้อตกลง ได้หย่ากันแล้ว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเย่ซือเฉินแล้ว
หากไม่ได้มีการเกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว แล้วทำไมเย่ซือเฉินถึงมาหาแม่ได้
เพราะจื่อโม่ยังเด็กมาก สำหรับเรื่องในความรู้สึกจึงรู้น้อยมาก แต่เขาก็ยังรู้สึกว่า หากเย่ซือเฉินสามารถยอมลำบากขนาดนี้เพื่อตามหาคุณแม่ได้ ก็แปลว่าระหว่างเขากับคุณแม่ต้องเหมือนอย่างที่คุณแม่พูดอย่างนั้นแน่ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย
“อะไร สถานการณ์อะไร”เยว่หวหลิงปลอมจื่อซรตลอดเวลา เสียงร้องไห้ของจื่อซีดังมาก ดังนั้น เธอจึงไม่ได้ไปสังเกตเสียงอื่นไปอีก
ตอนนี้ ได้ฟังจื่อโม่พูดแบบนี้ เธอก็เงียบลง ไปฟังอย่างตั้งใจ
“เหมือนจะมีเสียงจริงๆ เกิดอะไรขึ้น คงไม่ใช่ศัตรูบุกถึงหน้าประตูมั้ง”เยว่หงหลิงได้ฟังแบบนี้แล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ข้างล่างนั้นมีเสียงเกิดขึ้นจริงๆ เธอยังได้ยินเสียงคว้าปืนด้วย
เพราะเป็นห้องของทางโรงพยาบาล การกลั้นเสียงจึงไม่ค่อยดีมากนัก แถมตอนนี้ตัวเย่ซือเฉินก็อยู่ที่หน้าบันไดด้วย ดังนั้นเสียงจึงดังมากขึ้นเมื่อได้
เยว่หงหลิงได้ยินมีคนคว้าปืนออกมาเล็กน้อย ในเมื่อมีการคว้าปืนกันแล้ว สถานการณ์ต้องรุนแรงมากแน่ๆ คาดว่าถูกศัตรูบุกมาถึงหน้าประตูแล้วแน่นอน
แต่ว่าถังไป๋เชียนไม่ได้แจ้งอะไรเธอเลย แล้วไม่ได้สั่งเธอไปทำอะไรด้วย เมื่อกี้ตอนถังไป๋เชียนเข้ามานั้น ไม่ได้พูดอะไรกับเธอเลย เธอรู้สึกว่าถังไป๋เชียนเหมือนตั้งใจจะปิดบังอะไรอยู่
แต่ว่า จู่ๆเยว่หงหลิงก็นึกขึ้นได้ ว่าถ้าหากศัตรูบุกล้อมรอบถึงหน้าประตูจริงๆ งั้นตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาต้องปกป้องเด็กสองคนนี้ให้ดี จะไม่ยอมให้เด็กสองคนนี้ได้รับบาดเจ็บใดๆเด็ดขาด
เยว่หงหลิงไม่เข้าใจสถานการณ์ข้างนอก ดังนั้นจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
“ความหมายของคุณคือ คนที่มาต้องการจะมาจัดการกับคนของลุงถางงั้นเหรอ”แววตาถังจื่อโม่ประกายอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง ตอนนี้ สมองของเขาจู่ๆก็มีความคิดหนึ่งเกิดขึ้น หากคนที่มาคือเย่ซือเฉินจริงๆล่ะ
คนที่จะจัดการลุงถางคือเย่ซือเฉินงั้นเหรอ ถ้างั้นเรื่องราวก็อาจไม่เหมือนกับที่ลุงถางพูดเช่นนั้น
“มีความเป็นไปได้แค่อย่างหนึ่ง”เยว่หงหลิงมองถังจื่อโม่แวบหนึ่ง ตอบอย่างแน่วแน่ สถานการณ์เช่นนี้คนที่บุกมาล้อมรอบหน้าประตูไม่ใช่มาจัดการถังไป๋เชียนแล้วยังจะเป็นคนแบบไหนได้อีก
ถังจื่อโม่เม้มปากอย่างแน่น เขารู้สึกว่าถ้าหากคือเย่ซือเฉิน น่าจะไม่ใช่มาจัดการกับลุงถาง แต่น่าจะมาเพราะคุณแม่
ถังจื่อซียังคงร้องไห้ แต่เธอเห็นว่าทั้งสองไม่สนใจเธอแล้ว แถมยังกำลังเริ่มปรึกษาเรื่องจริงจังกันอยู่ ในตาของเธอก็มีความสงสัยเกิดขึ้น เสียงร้องไห้จึงค่อยๆเบาลงไปเยอะ
“คุณแม่หงหลิง ผมอยากออกไปดูครับ”ในใจถังจื่อโม่เกิดความสงสัย เขาเข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เขาอยากรู้ว่าคนที่มาจะใช่เย่ซือเฉินหรือเปล่า
เขารู้สึกว่าจุดนี้สำคัญมาก สำหรับคุณแม่แล้วสำคัญมาก
“พี่ชาย หนูจะไปกับพี่ด้วย”เสียงร้องไห้ถังจื่อซีหยุดลงอย่างกะทันหัน จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าสิ่งที่พี่ชายจะไปทำเหมือนจะน่าตื่นเต้นมาก ดังนั้นเธอก็จะไปด้วย
“ไม่ได้ ไปไม่ได้ ไปไม่ได้ทั้งสองคนแหละ”สีหน้าเยว่หงหลิงตึงเครียดเล็กน้อย ตอนนี้ไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดสถานการณ์อะไรขึ้น เด็กทั้งสองคนจะออกไปได้ยังไง
“ผมคิดว่าไม่น่าจะมีอันตรายอะไร ไม่งั้นเมื่อกี้ตอนที่ลุงถางเข้ามาก็คงให้พวกเราหนีกันไปตั้งนานแล้วครับ”ถังจื่อโม่นั้นฉลาดมากจริงๆ แม้แต่เรื่องนี้ก็สามารถนึกถึงได้
“แถม ตอนนี้ก็มีเสียงรุนแรงอะไรแล้ว เพราะฉะนั้นคงไม่ได้ต่อยตีกันอย่างแน่นอน ทั้งสองฝ่ายพบเจอกัน ยังสามารถใจเย็นกันได้ คงไม่ต่อยตีกันง่ายขนาดนั้นหรอกครับ”ไม่พูดไม่ได้เลย ว่าการวิเคราะห์ของเด็กจื่อโม่นั้นมีวาเหตุผลอย่างมาก
“งั้นพวกเราออกไปกันเถอะ”เด็กจื่อซีที่เมื่อกี้ยังร้องไห้อย่างหนักในตอนนี้ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“น้องมายุ่งอะไรด้วย ไปร้องไห้ของน้องต่อสิ”ถังจื่อโม่ถึงกับมองบนใส่เธอไปทีหนึ่ง เมื่อกี้ปลอบเธอแทบตาย ก็ยังปลอบได้มาได้ ตอนนี้ไม่ปลอบแล้ว ตัวเธอกลับหายเองได้
“ไม่ว่าข้างนอกจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเธอกฺออกไปไม่ได้ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ ฉันจะบอกยังไงกับคุณแม่พวกเธอ”เยว่หงหลินไม่ปล่อยเด็กทั้งสองออกไปในสถานการณ์แบบนี้แน่ ถ้าหากทั้งสองฝ่ายต่อยติดกันขึ้นมาจริงๆ กระสุนไม่มีตาอยู่แล้ว
นัยน์ตาถังจื่อโม่ประกายแวววาวเล็กน้อยแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไรอีก
บนบันได จู่ๆจางผิงก็ได้รับข้อมูลอันหนึ่ง จากนั้นเข้าใกล้เย่ซือเฉินเล็กน้อย พูดด้วยเสียงเบาๆ”พบว่ามีคนพาคุณเวินลั่วฉิงออกไปจากประตูหลังแล้วครับ”
แม้จางผิงจะเอ่ยเสียงเบา แต่กลับไม่ได้เบาอะไรมาก ซึ่งเพียงพอที่ถังไป๋เชียนจะได้ยินได้
แววตาเย่ซือเฉินอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จ้องถังไป๋เชียนอย่างหนาวๆแวบหนึ่ง มุมปากเขากระตุกเล็กน้อย กระตุกยิ้มเยาะออกมาอย่างเล็กน้อย จากนั้นก็พูดอย่างสบายๆ”ให้คนไปตามสองสามคน อย่าตามจนคนหายล่ะ”
ในเมื่อเย่ซือเฉินไม่ค่อยจะเชื่อว่านั้นคือเวินลั่วฉิง ก็ไม่ไปตามด้วยตัวเองอยู่แล้ว
เย่ซทอเฉินรู้สึกว่า หากเป็นเวินลั่วฉิงรู้ว่าเขามาหาถึงหน้าประตูแล้ว จากนิสัยของเธอน่าจะออกมาเจอเขาด้วยตัวเอง มีเรื่องอะไร ก็ควรพูดต่อหน้าดกันไปเลย นี่ถึงจะเป็นสไตล์ของเธอ
แต่ว่า จนถึงตอนนี้เวินลั่วฉิงก็ยังไม่โผล่หน้ามาโดยตลอด
งั้นเวินลั่วฉิงในตอนนี้ก็คงจะไม่อยู่ที่นี่จริงๆรึเปล่า
เธอหนีไปก่อนที่เขาจะมางั้นเหรอ
ไอ้ผู้หญิงสมควรตาย วางแผนหย่ายังพอรับได้ ในตอนนี้เธอจะยังวางแผนทุกอย่างเพื่อหนีอีก รอเขาจับเธอได้ก่อนเถอะ ไม่ปล่อยเธอไว้แน่
ตอนนี้ เสียงร้องไห้ชั้นบนได้หยุดลงแล้ว ความรู้สึกสบายในใจเย่ซือเฉินนั้นก็ค่อยๆจางหายไป เพียงแต่ ดวงตาทั้งสองของเขานั้นก็ยังอดอยากขึ้นไปชั้นบนดูสักสองทีไม่ได้
ไม่รู้เด็กบ้านใครร้องไห้ได้ดังลั่นเช่นนี้ ร่างกายต้องแข็งแรงแน่ๆ ต้องมีพลังเต็มเปี่ยมอย่างแน่นอน
ถังไป๋เชียนเห็นเย่ซือเฉินแค่สั่งสองสามคนค่อยสะกดรอยตามเท่านั้น ตัวเองกลับไม่ตามไปด้วย ในแววตาก็มีเยือกเย็นเกิดขึ้นเล็กน้อย
คิดไม่ถึงเลยว่าเย่ซือเฉินจะไม่หลงกล
ตอนนี้ข้างในของห้อง ถังจื่อโม่กับถังจื่อซีสบตากัน จากนั้นถังจื่อซีก็พูดอย่างน่าสงสารกับเยว่หงหลิง “คุณแม่หงหลิง หนูอยากล้างหน้า หนูอยากแปรงฟัน หนูอยากเข้าห้องน้ำค่ะ”
“ได้ ได้ คุณแม่หงหลิงจะพาหนูไปนะคะ”เยว่หงหลิงอุ้มถังจื่อซีไปห้องน้ำด้วยรอยยิ้มเบาๆ
จากนั้นถังจื่อโม่ก็ค่อยๆเปิดประตู ออกไปจากห้อง