ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 411 เขามารอเธอโดยเฉพาะ(3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 411 เขามารอเธอโดยเฉพาะ(3)
บทที่ 411 เขามารอเธอโดยเฉพาะ(3)
“คนนั้นไม่น่าจะใช่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ตำแหน่งไม่น่าจะใหญ่นัก ไม่เช่นนั้นตอนที่พวกคุณจับค้นตัว เขาก็ไม่น่าจะมีจุดรั่วไหลให้เบาะแสแก่พวกเราได้”เวินลั่วฉิงพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค เล้งหรงบอกว่าตอนนั้นพวกเขาได้จับคุมตัวทุกคนที่อยู่ในบริษัท ฉะนั้นตอนนั้นต้องจับคนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
หากตามหลักการทั่วไปแล้ว พนักงานคงจะไปร่วมมือกับเจ้านายของตน เพราะสำหรับผู้บริหารที่มีตำแหน่งสูงๆ คนสำคัญจะต้องได้รับการตรวจค้นตัวอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฉะนั้นผู้ที่ยิ่งมีตำแหน่งสูงมากเท่าไหร่ บนตัวจะไม่มีทางแอบซ่อนสิ่งของเอาไว้เลย ซึ่งในทางกลับกันลูกน้องตัวเล็กๆพวกนั้นก็สามารถถูกละเลยได้
แน่นอน เรื่องนี้ไม่สามารถโทษฝ่ายสืบสวนว่าประมาทเลินเล่อต่อหน้าที่ได้ พูดได้แต่เพียงว่าศัตรูนั้นเจ้าเล่ห์มากเกินไปต่างหาก
ภายในบริษัท ผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุด มีสองคนที่สำคัญที่สุด คนหนึ่งปลอมตัวเป็นลูกน้อง ส่วนอีกคนนั้นปลอมตัวเป็นผู้ถูกทำร้าย ดังนั้นแผนการจึงแยบยลไร้ที่ติ
เวินลั่วฉิงสามารถคาดเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้อย่างคร่าวๆแล้ว
บัดนั้น บอสของคนกลุ่มนี้ก็ต้องอยู่ในเหตุการณ์อย่างแน่นอน เหตุเพราะเรื่องมันเกิดขึ้นกะทันหัน เธอไม่สามารถหลบหนีไปได้ จากนั้นจึงได้ปลอมตัวเป็นผู้ถูกทำร้าย ขังตัวเองเข้าไปภายในกรงด้วย
แน่นอน ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้เตรียมแผนการ ทุกอย่างไว้แล้ว รวมทั้งหญิงชรากับผู้ชายโง่เขลาของเธอด้วย
ไม่มีใครสงสัยว่าผู้ที่ถูกกักขังอยู่ในกรงที่เป็นผู้ถูกทำร้าย แท้จริงแล้วคือบอสใหญ่ผู้ค้ามนุษย์นั่นเอง
และยิ่งไปกว่านั้นสถานะผู้ถูกทำร้ายคนนี้ในสายตาผู้คน คือหญิงชราที่ถูกทำร้ายอย่างน่าเวทนาคนหนึ่ง
ไม่ชมไม่ได้แล้ว คนนั้นมีความคิดที่ละเอียดยิบย่อย วางแผนทุกขั้นตอนได้อย่างรัดกุมมากเหลือเกิน
หากไม่ใช่เพราะเวินลั่วฉิงมาทันเวลา คนนั้นก็สามารถหนีไปได้จริงๆโดยการใช้กลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเล หากเธอหนีรอดออกไปได้
คิดจะจับกุมเธออีกครั้งก็คงจะยากขึ้นกว่าเก่าอย่างแน่นอน
แต่ทว่า ผู้หญิงคนนั้นก็ร้อนใจเกินไปหน่อย เธอคิดว่าหญิงชราคนนั้นยอมรับผิดแล้ว เธอก็จะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่มีโทษอะไร ความคิดนี้ของเธอนั้นยอดเยี่ยมมาก
แต่น่าเสียดายที่เธอต้องพบเจอกับเวินลั่วฉิงเข้าอย่างเลี่ยงไม่ได้
“รีบไปตรวจค้นเร็วๆ อย่าให้มีจุดรั่วไหลอะไรเด็ดขาด”เล้งหรงรีบสั่งการทันที
ทุกคนต่างรีบไปตรวจค้นทุกห้องขังอย่างเข้มงวด สุดท้ายค้นเจอมือถือเครื่องเล็กกะจิ๋วอยู่ใต้ชักโครกในห้องขังห้องหนึ่ง
ในห้องขังห้องนั้นมีนักโทษทั้งหมดสี่คน ซึ่งถูกจับได้จากการกระทำครั้ง และต่างก็เป็นลูกน้องที่ไม่ค่อยสำคัญกันทั้งหมด
เล้งหรงไม่ได้สอบปากคำว่าเป็นมือถือของนักโทษคนไหน เพราะไม่มีความจำเป็นเสียเลย เขาเพียงแต่เอาเบอร์มือถือไปตรวจค้นบันทึกการติดต่อก็เพียงพอแล้ว
เมื่อเล้งหรงเอามือถือเครื่องนั้นจากไป ผู้ชายหนึ่งในนั้นก็ถึงกลับทรุดเข่าตัวอ่อนไปกองกับพื้น เพราะเขารู้ว่า ตอนนี้ทุกอย่างบรรลัยอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว
เล้งหรงตรวจเจอบันทึกการติดต่อของเบอร์มือถือนี้อย่างรวดเร็ว สองชั่วโมงก่อนมีเบอร์หนึ่งได้ส่งข้อความเข้ามายังเบอร์นี้——“ฉันถูกกักตัวแล้ว คิดหาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขา”
เล้งหรงโทรไปยังเบอร์นั้น แต่กลับพบว่ามันปิดเครื่องเสียแล้ว ส่วนตอนนี้มือถือของจงหงนั้นเปิดอยู่
แต่ทว่า ต่อมาทีมงานก็หามือถือขนาดเล็กเจอจากพุ่มไม้ใกล้บ้านของจงหง
เรื่องราวมาถึง ณ จุดนี้ ถือได้ว่าทุกอย่างได้กระจ่างลงแล้ว เหลือแต่ให้จงหงยอมรับโทษก็เพียงพอแล้ว
บัดนี้สีหน้าของหมิงหยวนที่มองเวินลั่วฉิงนั้นเต็มไปด้วยความยกยอ “คุณถัง ขอโทษด้วยครับ หากก่อนหน้านี้ได้ล่วงเกินอะไรคุณไป ก็ขอให้คุณอย่าใส่ใจนะครับ”
บัดนี้คำเรียกคุณถังของหมิงหยวนสามารถแสดงความรู้สึกของเขาได้เป็นอย่างดี
“ช่าง ช่างไม่เสียแรงที่เป็นผู้เชี่ยวชาญนะครับ ยอดเยี่ยมมากครับ ยอดเยี่ยมมากๆเลย ถ้าไม่ใช่คุณถัง พวกเราก็คงปล่อยผู้ร้ายออกไปด้วยมือของพวกเราเองแล้วล่ะครับ”เสี่ยวโจวยิ่งมีสีหน้านับถือ
เล้งหรงไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ทว่าสายตาของเขากลับจ้องมองอยู่แต่เธอ บัดนี้เขารู้สึกช็อกกว่าคนอื่นๆเป็นอย่างมาก ตอนแรกที่เจอเธอ เพราะเธออายุยังน้อยและมีหน้าตาที่สะสวย เขาจึงไม่เชื่อในความสามารถของเธอเลย อีกทั้งยังรู้สึกไม่สบอารมณ์อีกด้วย
แต่ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง เธอก็สามารถไขคดีความที่พวกเขาทำมาตั้งหลายวันก็คลี่คลายไม่ได้
มีคำพูดหนึ่งของเสี่ยวโจวนั้นถูกต้องมาก หากไม่ใช่เธอ พวกเขาก็จะปล่อยตัวคนร้ายออกไปลอยนวลด้วยตัวของพวกเขาเอง ซึ่งเขาไม่กล้าคิดนึกภาพผลลัพธ์เช่นนี้เลย
ฉะนั้น บัดนี้เขารู้สึกช็อกจริงๆ แต่ทว่าเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอเหมือนใครสักคนหนึ่ง เมื่อเห็นเธอกำลังเหม่อลอยคิดอะไรบางอย่างอยู่ ดวงตาของเล้งหรงก็เกิดประกายวาววับขึ้นมาแวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างสะดุ้งตกใจ“เวินลั่วฉิง”
เล้งหรงเรียกอย่างกะทันหันจนไม่ให้เธอมีโอกาสป้องกันหรือเตรียมใจแต่อย่างใด
และอีกอย่าง ตอนนี้เวินลั่วฉิงก็กำลังใช้ความคิดอยู่
บัดนี้เล้งหรงเรียกกะทันหัน เวินลั่วฉิงเกือบจะขานตอบรับด้วยสัญชาตญาณเสียแล้ว
แต่ทว่า เวินลั่วฉิงก็คือเวินลั่วฉิงอยู่วันยันค่ำ วินาทีต่อมา เธอก็สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว
เธอแอบหัวเราะอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าเล้งหรงจะเริ่มสงสัยในตัวเธอเสียแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอก็จะอยู่ต่อที่นี่นานไม่ได้แล้ว
สิ่งที่เธอควรจะทำก็ทำสำเร็จแล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมสอบสวนกับพวกเขาแล้ว
เวินลั่วฉิงยังคงเหม่อลอยอยู่ คล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่โดยที่ไม่ได้รับผลจากเล้งหรงเลย
เล้งหรงเห็นการตอบสนองของเธอ จึงกะพริบตาเบาๆรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
เมื่อสักครู่นี้เธอไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ผิดปรกติแต่อย่างใด ฉะนั้นเธอไม่น่าจะเป็นเวินลั่วฉิง
“ลูกพี่ ถูกผีสิงหรือเปล่า.?ผมรู้ว่าลูกพี่ชอบเวินลั่วฉิง แต่ก็ไม่ควรไปเรียกคุณถังว่าเวินลั่วฉิงนะ เวินลั่วฉิงกับคุณถังต่างกันไม่น้อยเลยนะครับ”หมิงหยวนได้สติกลับคืนมา อดไม่ได้ที่มุมปากจะกระตุกขึ้นมา
คุณถังคือผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาอาชญากรรม และมีหน้าตาที่สวยงามมาก ซึ่งต่างจากเวินลั่วฉิงราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว
แต่ลูกพี่กลับเรียกคุณถังว่าเวินลั่วฉิง ช่างไม่สมเหตุสมผลกันเลย
เล้งหรงยังคงมองหน้าเวินลั่วฉิงอยู่ มุมปากขยับราวกับกำลังอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็อดกลั้นเอาไว้
“ใช่แล้ว สะสางได้พอสมควรแล้ว ฉันก็ควรจะไปเสียที”เวินลั่วฉิงไม่ได้มองหน้าเขา แต่พูดออกมาหนึ่งประโยคอย่างเป็นธรรมชาติ
“เร็วจังเลย จะไปแล้วเหรอ?”สีหน้าของเล้งหรงเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งลุกขึ้นยืนทันที
“อืม”เวินลั่วฉิงไมได้พูดมากอะไร เพียงแต่พยักหน้าตอบเท่านั้น
เวินลั่วฉิงมีการตอบสนองเช่นนี้ เล้งหรงจึงไม่อยากพูดอะไรมากแล้ว เดิมทีเขาก็มาช่วยคลี่คลายคดีอยู่แล้ว ตอนนี้คดีได้คลายออกแล้ว
เธอไปก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป
เขาไม่มีแม้กระทั่งเหตุผลของการรั้งเธอไว้เลย
“คุณถัง คุณก็ไม่ได้มาบ่อยๆ อยู่เที่ยวอีกสักสองสามสิครับ”ที่เสี่ยวโจวพูดไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเองไม่อยากให้เธอจากไป หรือรั้งเธอไว้เพื่อหัวหน้าของเขากันแน่
“ที่ตรงนี้ของพวกคุณมีอะไรน่าเล่นบ้างล่ะ ไปแล้ว บ๊าย”เวินลั่วฉิงโบยมือ จากนั้นก็เดินไปยังทิศทางด้านนอก
ภารกิจเสร็จสิ้น เธอก็ต้องเร่งรีบกลับไปอยู่แล้ว เพราะลูกรักทั้งสองของเธอยังรอคอยเธออยู่
เล้งหรงอยากจะให้เธออยู่ต่อมาก แต่เขาหาเหตุผลไม่เจอจริงๆ และยิ่งไปกว่านั้นเขาเห็นใบหน้าของเธอแน่วแน่เหลือเกิน เกรงว่าตัวเองจะรั้งเธอไว้ไม่อยู่ ฉะนั้นเมื่อคำพูดมาถึงปลายลิ้นก็ได้เปลี่ยนไป“ผมให้คนไปส่งคุณดีกว่า”
ครั้งนี้เวินลั่วฉิงไม่ได้ปฏิเสธ เพราะที่นี่กันดารมาก เธอเรียกรถก็ไม่สะดวก
เล้งหรงแอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง สุดท้ายก็ได้แต่จัดเตรียมรถให้ไปส่งเธอเท่านั้น เล้งหรงยืนมองทิศทางที่เธอจากไปนานแสนนาน
เดิมทีเวินลั่วฉิงคิดจะมาสืบเรื่องของคุณแม่ด้วย แต่ทว่าหญิงชราไม่ใช่ผู้ค้ามนุษย์ ฉะนั้นจึงไม่มีทางรู้เรื่องของคุณแม่ได้เลย และเธอก็ได้ตรวจสอบข้อมูลอื่นแล้ว แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไรเลย
ในใจของเวินลั่วฉิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เธอแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือกในขณะที่นั่งอยู่บนรถ พลางทอดสายตามองไปด้านนอก จากนั้นก็เห็นป้ายเขียนไว้ว่าหมู่บ้านซิงหู
“จอดด้านหน้าหน่อยค่ะ ฉันจะลงไปดู”เวินลั่วฉิงไม่เคยมาที่หมู่บ้านซิงหู แต่ทว่าคุณแม่ของเธอในยามเด็กถูกขายมายังหมู่บ้านซิงหูแห่งนี้ ฉะนั้นเมื่อเธอเห็นชื่อหมู่บ้านซิงหู ปฏิกิริยาการตอบสนองแรกคืออยากจะไปดูสักหน่อย
คนส่งจอดรถ เวินลั่วฉิงก็ลงจากรถอย่างรวดเร็ว เมื่อเดินไปด้านหน้าไม่กี่ก้าวก็เห็นมีผู้ชายคนหนึ่งพิงหลังอยู่กับรถที่จอดเอาไว้ ซึ่งดวงตาของเขาได้มองตรงมาหาเธอ เห็นได้ชัดว่ากำลังรอคอยการมาถึงของเธออยู่
เวินลั่วฉิงหยุดเดิน ดวงตากะพริบหรี่ๆ……
พบเจอเขาในสถานที่อย่างนี้ ไม่ว่าจะยังไงเวินลั่วฉิงก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญเลย
หากเขาไม่มีธุระอะไรก็คงไม่มาที่แห่งนี้เป็นแน่
และยิ่งไปกว่านั้น ท่าทางของเขานั้นชัดเจนมากว่ากำลังรอคนอยู่ หากพูดให้ถูกก็คือรอเธออยู่นั่นเอง