ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 432 คุณชายสามเย่เกิดความหึงหวง (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 432 คุณชายสามเย่เกิดความหึงหวง (1)
บทที่ 432 คุณชายสามเย่เกิดความหึงหวง (1)
แต่ทว่าหากยังไม่ได้เจอหน้าเธอ เขาก็รู้สึกไม่วางใจเล็กน้อย
ประจวบเหมาะกับตอนนี้ เลขาหลิวได้เปิดประตูเข้ามา โดยที่เลขาหลิวยังไม่ได้เดินมาถึงตรงหน้าเขาก็รีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “ประธานครับ คุณนายกลับมาแล้ว”
เลขาหลิวรู้ว่าประธานของตนรอคุณนายจนร้อนใจเสียแล้ว ฉะนั้นเมื่อได้รับข่าวก็รีบมารายงานทันที โดยไม่ให้เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว
เย่ซือเฉินนั่งตัวตรงกะทันหัน มือที่จับปากกาไว้แข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัดเจน และนิ้วมือราวกับสั่นตาม ดวงตาทั้งคู่ยกขึ้นมามองเลขาหลิวโดยฉับพลัน “กลับมาเมื่อไหร่?”
เขารู้ว่าธุรกิจของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปเกิดเรื่องขึ้น บวกกับคุณปู่ก็ป่วยเข้าโรงพยาบาลด้วย เธอจึงต้องกลับมาอย่างแน่นอน
ฉะนั้นตอนนี้ได้ยินเลขาหลิวบอกว่าเธอกลับมาแล้วก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไร แต่จู่ๆกลับพบว่าหัวใจของตนเต้นเร็วระริกขึ้นมาราวกับสูญเสียการควบคุมไปเสียแล้ว
ในที่สุดเธอก็กลับมาจนได้ กลับมาจนได้……
ก่อนหน้านั้นเธอฉวยโอกาสตอนเขาไปทำงานต่างถิ่น ทำการหย่าแล้วจากไป ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า ในที่สุดเธอก็กลับมาเสียที
ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาหนึ่งเดือนกว่า เขากลับรู้สึกเนิ่นนานเหลือเกิน ครั้งก่อนพบเธอที่ประเทศM ถึงเธอจะไม่ยอมรับ แต่ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ เธอก็คือเธอ
เพียงแต่เสียดาย สุดท้ายเขาก็ได้แต่ปล่อยเธอจากไป
และในที่สุดวันนี้เธอก็กลับมาจนได้ มีตระกูลเวินและคุณปู่เวินอยู่ที่นี่ เขารู้ว่าครั้งนี้เธอไม่หนีไปไหนอีกแล้ว
“เพิ่งถึงไม่นานครับ ตอนนี้คุณนายไปที่โรงพยาบาลแล้ว”เลขาหลิวรีบตอบทันที
ไม่รอให้เลขาหลิวตอบเสร็จ เย่ซือเฉินก็ลุกขึ้นยืนรีบก้าวเท้าออกไปด้านนอกแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าครั้งนี้เธอกลับมาก็จะไม่หนีอีก แต่เขาอยากจะเจอหน้าเธอแต่แรก
เย่ซือเฉินไปถึงที่โรงพยาบาลด้วยความเร็วแสง เขาเดินไปถึงหน้าห้องคนไข้ของคุณปู่เวิน
ถึงแม้เย่ซือเฉินไม่ใช่คนออกหน้า แต่เขาเป็นคนสั่งการหาหมอเอง จึงรู้ว่าห้องของคุณปู่เวินนั่นอยู่ที่ไหน
เย่ซือเฉินยังรู้ว่าเมื่อวานคุณปู่ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว และเกือบจะพ้นขีดอันตรายแล้วด้วย ตอนนี้จึงไม่อันตรายถึงชีวิต
“สิ่งที่ปู่เป็นกังวลมากที่สุดก็คือเรื่องแต่งงานของหนู ตอนนี้บริษัทเป็นแบบนี้แล้ว ปู่เกรงว่า……”เย่ซือเฉินเดินมาถึงหน้าห้องคนไข้ ซึ่งประตูไม่ได้ปิดมิดชิด น้ำเสียงที่อ่อนแอของคุณปู่ได้ส่งออกมา “แต่หนูวางใจได้ ปู่จะหาคู่แต่งงานดีๆให้หนูแน่นอน”
ได้ยินคำพูดของคุณปู่ เย่ซือเฉินก็หยุดก้าวเดิน เขารู้ว่าเธอไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานของพวกเขาเลย ซึ่งรวมทั้งคุณปู่ด้วย เขาจะฟังดูสิว่าตอนนี้เธอจะตอบอย่างไรกัน
“คุณปู่พักผ่อนก่อนนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของหนูหรอกค่ะ“เวินลั่วฉิงเลี่ยงการสนทนานี้ออกไป
สีหน้าของเย่ซือเฉินลุ่มลึกเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าเธอไม่มีทางพูดหรอก
ถึงแม้คุณปู่เวินจะป่วยหนัก แต่เธอก็ยังคงไม่บอกเรื่องแต่งงานของพวกเขาให้คุณปู่ทราบเลย
เมื่อก่อนเธอยังไม่พูดเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ สำหรับเธอแล้ว ตอนนี้พวกเขาได้หย่าร้างกัน แต่เขาไม่ได้รับการหย่าในครั้งนี้
“เห้อ”คุณปู่ถอนหายใจยาวหนึ่งครั้ง หยุดไปหลายวินาที ก่อนที่จะมองเวินลั่วฉิงแววตาก็เกิดความกดดันขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ฉิงฉิง หนูโทษปู่มาโดยตลอดมั้ง?ฉะนั้นจึงไม่ยอมแต่งงานสักที?”
มือของเย่ซือเฉินที่คิดจะผลักประตูเข้าไปก็หยุดอยู่กลางอากาศ พลางขมวดคิ้วขึ้น คำพูดของคุณปู่เวินฟังแล้วแปลกใจเล็กน้อย
“หา?อะไรนะคะ?“เวินลั่วฉิงหยุดชะงัก เห็นได้ชัดว่าเกิดความสงสัยขึ้นมา ไม่เข้าใจความหมายของคุณปู่ในเวลาอันสั้นนี้
“หนูโทษปู่เพราะเรื่องหกปีก่อนหรือเปล่า?ฉะนั้นหนูจึงไม่แต่งงานสักที?”คุณปู่เวินถอนหายใจอีกหนึ่งครั้ง น้ำเสียงมีความสลับซับซ้อนเล็กน้อย
เวินลั่วฉิงกะพริบตา พลางเม้มปากไม่ได้พูดอะไร
ด้านนอกประตู ดวงตาเย่ซือเฉินกะพริบปริบอย่างรวดเร็ว โทษปู่เพราะเรื่องหกปีก่อน?หกปีก่อนเกิดอะไรขึ้น?
“ปู่รู้ว่าตอนนั้นหนูรักเขาจริง ตอนนั้นปู่ไปควรห้ามให้พวกหนูเลิกกัน ตอนนั้นเป็นความผิดของปู่เอง อันที่จริงขอแค่หนูรัก ขอแค่หนูมีความสุข อย่างอื่นก็ไม่สำคัญเลย ผิดที่ปู่บีบบังคับให้พวกหนูเลิกกันตอนนั้น”น้ำเสียงของคุณปู่แฝงความตำหนิตนเองเอาไว้ และได้ซุกซ่อนอารมณ์อื่นที่ไม่แน่ชัดเอาไว้ด้วย
“ฉิงฉิง หนูไปหาเขาเถอะ ปู่ไปคัดค้านอีกแล้ว ไปหาเขาเถอะ ผ่านไปนานอย่างนี้ หากเขายังรอหนูอยู่ก็ควรค่าที่หนูจะฝากชีวิตไว้กับเขาแล้ว”คุณปู่เวินมองเวินลั่วฉิงด้วยแววตาจริงใจ แต่อารมณ์ยังคงซับซ้อนอยู่
เรื่องบางเรื่องช่างเป็นวัฏจักรของผลกรรมจริงแท้
เย่ซือเฉินได้ยินคำพูดของคุณปู่ ร่างกายก็แข็งทื่อขึ้นมาอย่างเห็นได้เด่นชัด
เลขาหลิวที่ยืนอยู่ด้านข้างแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก คิดไม่ถึงว่าประธานมาหาคุณนาย แล้วต้องมารับฟังเรื่องพวกนี้
คุณนายมีคนที่ชอบอยู่แล้ว?คุณปู่เวินยังให้คุณนายไปหาคนนั้นอีก?นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
มือของเย่ซือเฉินที่ผลักประตูสั่นเทา จากนั้นก็กำไว้แน่น ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ผลักออก
ตั้งแต่แรก เธอกับเขาแต่งงานกันก็ได้ตั้งเงื่อนไขไว้แล้ว เดิมทีเขาคิดว่าเวลาหนึ่งปีเพียงพอที่จะให้เธอตกหลุมรักเขาได้ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีเลย
ทำไมถึงไม่มีล่ะ?คาดว่าสาเหตุนี้ก็คงเป็นเพราะในใจเธอมีความที่รักอยู่แล้วนั่นเอง
หลังจากสังเกตมาได้ระยะหนึ่ง เขารู้ว่าเธอไม่ได้มีความรู้สึกฉันหนุ่มสาวกับถังไป๋เชียน เธอแค่เห็นถังไป๋เชียนเป็นพี่น้องคนหนึ่งเท่านั้นเอง
แต่ทว่าแฟนหนุ่มที่เธอคบเอง เธอต้องชอบอยู่แล้ว
ยิ่งได้ฟังคำพูดของคุณปู่แล้ว เกรงว่าไม่เพียงแต่ชอบเท่านั่นหนะสิ
ประตูห้องเปิดออกเล็กน้อย ตำแหน่งที่เย่ซือเฉินยืนสามารถเห็นใบหน้าด้านข้างของเธอ เพียงแต่มองไม่ออกว่าเธอมีสีหน้าอย่างไร
ฉะนั้นเขาไม่รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังคิดแบบไหนอยู่
“ตอนนั้นพวกเราไม่ได้เลิกกันด้วยสาเหตุนี้ค่ะ”พอผ่านไปสักพัก เสียงของเธอก็ได้ส่งออกมา แต่ฟังอารมณ์ความรู้สึกไม่ออก แต่ทว่าหากต้องใจฟังดีๆแล้วจะพบว่าน้ำเสียงนั่นปนความลุ่มลึกเอาไว้เล็กน้อย
เย่ซือเฉินได้ฟังเธอพูด สีหน้าก็ยิ่งเคร่งขรึมกว่าเดิม คำพูดนี้ของเธอยืนยันว่าคำพูดของคุณปู่เวินเป็นความจริง ตอนนี้เธอชอบผู้ชายคนนั้นจริงๆ
ถึงแม้จะเลิกกันแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะลืมไปเสียหมดสิ้น ฉะนั้นเธอรีบร้อนจะหย่ากับเขาก็เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นหรือไม่?
“ไม่ใช่สาเหตุนี้?แล้วเพราะอะไร?”คุณปู่หยุดชะงัก เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่“ฉิงฉิง หนูอย่าปลอบใจปู่เลย”
“หนูไม่ได้ปลอบใจปู่หรอกค่ะ ปู่รู้จักนิสัยของหนูดี เรื่องที่หนูตัดสินใจแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลของคนอื่นเป็นตัวขัดขวางให้แยกจากกันได้ ฉะนั้นที่เลิกกันตอนนั้นเป็นเพราะปัญหาของพวกหนูสองคนเองค่ะ”แววตาของเวินลั่วฉิงแอบซ่อนความลึกลับซับซ้อนเอาไว้ ตอนนั้นเธอกับเขาเลิกกัน หากดูจากผิวเผินอาจคิดว่าเป็นเพราะคุณปู่เวินบีบบังคับ
แต่ทว่ามีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ดีว่าพวกเธอเลิกกันด้วยสาเหตุอันอื่น!
ตอนนั้นคุณปู่บีบบังคับพอดี เธอจึงใช้เป็นข้ออ้างนั่นเอง