ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 440 คุณชายสามเย่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 440 คุณชายสามเย่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว (1)
บทที่ 440 คุณชายสามเย่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว (1)
บัดนี้เย่ซือเฉินไมได้พูดถึงเรื่องห้าปีก่อน
เขาแน่ใจว่า เธอน่าจะยังไม่รู้ว่าผู้ชายคืนห้าปีก่อนนั้นเป็นเขา ไม่เช่นนั้น ด้วยความที่เธอเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมและเป็นคนระมัดระวังตัว ก่อนจะจากไปคงไม่ทำท่าทางเดียวกันกับห้าปีก่อนหรอก
ฉะนั้นเรื่องห้าปีก่อน หากเขาได้เจอหน้าเธอแล้วจะค่อยๆคุยกับเธอดู ไม่เช่นนั้น ด้วยนิสัยของเธอ หากรู้ว่าผู้ชายห้าปีก่อนเป็นเขาแล้วล่ะก็ คาดว่า
จะยิ่งหลบหนีเร็วขึ้นกว่าเก่าเป็นไหนๆ
เวินลั่วฉิงรู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องที่เธอมัดเขาให้อยู่ในรถ ตอนนั้นสาเหตุก็มาจากการที่เขาบีบบังคับมากเกินไป จึงจำเป็นต้องทำในสิ่งที่ไม่ค่อยจะดีนัก
ฉะนั้นเรื่องนี้จะโทษเธอไม่ได้
หากตอนนั้นเธอไม่ทำเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก
“คุณเย่ ลูกผู้ชายควรจะรู้จักปล่อยวางบ้าง อันที่จริงเรื่องระหว่างเราได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว คุณเย่ยังตอแยไม่ปล่อยอย่างนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย ไม่ว่าจะยังไงพวกเราก็เป็นสามีภรรยากันมาสามเดือนแล้ว เมื่อหย่าร้างกันแล้ว ถึงแม้จะเป็นเพื่อนกันไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรกลายเป็นศัตรูกันนะ”เวินลั่วฉิงอดกลั้นอารมณ์ไว้ ยังคงเลือกที่จะพูดให้เรื่องราวกระจ่างชัดเจน “คุณเย่ พวกเราเจอกันด้วยดีก็จากกันด้วยดีเถอะ”
อืม เจอกันด้วยดีก็จากกันด้วยดี ตนนี้เธอชมชอบประโยคนี้มาก หากความคิดของเย่ซือเฉินเป็นเหมือนเธอก็คงจะดีไม่น้อย
“เจอกันด้วยดีก็จากกันด้วยดี?”ทันใดนั้นเย่ซือเฉินก็หัวเราะขึ้นมา ประเมินจากสายตาแล้วคงจะต้องถูกเธอตรอมใจตายเป็นแน่
เธอถึงขนาดพูดกับเขาว่าเจอกันด้วยดี จากกันด้วยดีเลยเหรอ?
ครึ่งปีก่อน เธอฉวยโอกาสเขาไปทำงานต่างถิ่นดำเนินเรื่องหย่าอย่างลับๆ จากนั้นก็แอบหนีหายไป อย่างนี้เรียกว่าเจอกันด้วยดี จากกันด้วยดีอีกเหรอ?
ห้าปีก่อน เธอแอบย่องเข้าห้องนอนของเขา จากนั้นก็ร่วมหลับนอนกับเขา ก่อนจะวางเงินหนึ่งหยวนไว้เป็นค่าแรงของเขา อีกทั้งยังเอามือถือและเสื้อผ้าของเขาไปอีก จากนั้นก็หนีออกไป อย่างนี้เรียกว่าเจอกันด้วยดี จากกันด้วยดีเหรอ?
เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเด็ดขาด ดี ดีมาก เขาจะให้เธอรู้ว่าอะไรที่เรียกว่า‘เจอกันด้วยดี จากกันด้วยดี’
ได้ฟังเสียงหัวเราะที่ส่งมาตามสาย จู่ๆเวินลั่วฉิงก็ขนลุกขึ้นมา เขาหัวเราะได้อย่างน่าสะพรึงกลัวมากทีเดียว
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไร เธอจะคอยระแวงในตัวเขาอยู่เสมอ
เพราะเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขามาโดยตลอด
“คุณอยู่ไหน?”เสียงของเย่ซือเฉินส่งมาอีกครั้ง ถึงจะมีระยะทางกั้นเอาไว้โดยสื่อผ่านโทรศัพท์ แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงความโกรธเคืองของเขา
“คุณเย่ ยังไม่จบไม่สิ้นอีกเหรอ?”เวินลั่วฉิงรู้สึกเบื่อหน่าย ยังเป็นเย่ซือเฉินที่เธอรู้จักไหม?
“จบ?ระหว่างพวกเรายังต้องคิดบัญชีไม่ต่ำกว่าหนึ่งเลยนะ”เสียงหัวเราะของเย่ซือเฉินยิ่งลุ่มลึกกว่าเดิม ซึ่งแอบปนความข่มขู่เอาไว้ พวกเขาต้องคิดบัญชีกันทีละอย่างแล้วล่ะ
โดยเฉพาะบัญชีห้าปีก่อน ถึงเวลาต้องสะสางกันแล้ว
เวินลั่วฉิงไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่คิดว่าเป็นเรื่องที่เธอมัดเขาไว้ในรถ เพียงแค่คิดว่าเขาแค่โกรธ ถึงได้พูดเช่นนี้
เธอแอบถอนหายใจ รู้สึกว่ายังไงเสียเขาก็คุยไม่รู้เรื่องอยู่ดี จึงได้วางสายทิ้ง หากต่อกรกับเขาไม่ไหว เธอก็หลบได้นี่?
แต่ทว่าเธอกลับพบว่าแม้แต่หลบก็หลบไปไม่พ้นเสียเลย
เธอไม่เคยคิดเลยว่า หลังจากหย่ากันแล้วเย่ซือเฉินยังมานัวเนียไม่ห่าง เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆ และไม่เข้าใจจริงๆว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่
มองดูโทรศัพท์ที่ถูกวางทิ้ง มุมปากของเย่ซือเฉินก็ยกขึ้น ตอนนี้เธออยู่ในเมือง A เขาอยากหาตำแหน่งที่เธออยู่ มันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก สาเหตุที่เขาโทรหาเธอนั้น แค่อยากรู้ว่าหลังจากที่พบหน้าไป๋ยี่รุ่ยแล้วมีผลกระทบอะไรบ้าง
จากน้ำเสียงของเธอเมื่อสักครู่นี้ เหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบเท่าใดนัก หรือไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้มีความสำคัญเท่าไหร่กับเธอเลย
เลขาหลิวเห็นท่านประธานของตนถูกตัดสายทิ้ง แต่อารมณ์ยังคงไม่ได้แย่มากมาย จึงได้แอบแลบลิ้น เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณนาย ท่านประธานก็มักจะขาดตรรกะการวิเคราะห์ของปกติไป
“นายช่วยผมไปทำธุระหน่อย”ทันใดนั้นเย่ซือเฉินก็ปริปากพูดขึ้นมา สั่งการให้เลขาหลิวไปทำตาม
ในเมื่อมั่นใจแล้วว่าผู้หญิงในห้าปีก่อนเป็นเธอ ถ้าเช่นนั้นต่อไปเขาควรจะเตรียมการดีๆ จากนั้นก็คุยเรื่องตอนนั้นดีๆ
หากเธอรู้เข้า คาดว่าคงต้องมีสีสันอย่างแน่นอน
เวินลั่วฉิงวางสายเย่ซือเฉินทิ้ง คิดถึงคำพูดของเขา รู้สึกว่าคำพูดของเขามีเลศนัยราวกับยังมีเรื่องอื่นแอบแฝงอยู่ด้วย ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ
แต่ทว่าสิ่งที่เย่ซือเฉินทำในช่วงนี้ ทุกอย่างล้วนประหลาดด้วยกันทั้งสิ้น ทุกอย่างล้วนยากจะเข้าใจแบบไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง ฉะนั้นเวินลั่วฉิงจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ไปที่โรงพยาบาลโดยตรง
“คุณปู่ไม่น่าจะยกบริษัทเวินซื่อกรุ้ปทั้งหมดให้กับผู้หญิงโง่เขลาคนนั้นนะครับ ท่านทำอย่างนี้เท่ากับทำลายบริษัทเวินซื่อกรุ้ปเลยนะครับ?”เวินลั่วฉิงกลับมาถึงโรงพยาบาลอีกครั้ง เพิ่งจะถึงนอกประตูก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายส่งออกมาจากด้านในห้องคนไข้
เวินลั่วฉิงฟังออกว่าเป็นเสียงของเวินหรวนหรวน
“พ่อครับ หรวนหรวนพูดถูก พ่อไม่ควรเอาบริษัทเวินซื่อกรุ้ปไปเสี่ยงเลยนะครับ……”น้ำเสียงของเวินจีหยันก็ระคนความร้อนใจเอาไว้อย่างชัดเจน
“เรื่องนี้ตกลงกันเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ?ฉิงฉิงเป็นประธานบริษัทเวินซื่อกรุ้ปอยู่แล้ว”เห็นได้ชัดว่าท่าทางของคุณปู่เวินนั้นแน่วแน่ ตัดบทพูดของเขาทิ้ง
“พ่อครับ ฉิงฉิงเป็นประธานของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่สามารถกอบกู้วิกฤตของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปได้ กลับทำให้สถานการณ์ในตอนนี้ของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปย่ำแย่กว่าเก่า ฉะนั้นท่านควรจะไตร่ตรองดูใหม่นะครับ จะให้ฉิงฉิงบริหารต่อไปไม่ได้แล้ว”บัดนี้เวินจีหยันร้อนใจมาก อยากจะเคาะกะโหลกคุณปู่ให้ตื่น ให้คุณปู่เปลี่ยนความคิดเสียใหม่
“อันที่จริงเดิมทีบริษัทเวินซื่อกรุ้ปพังก็เพราะอยู่ในมือของเธอนะครับ”เวินจื้อหลงเอ่ยปากพูดกะทันหัน เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงเย้ยหยัน
“หลงหลง คำพูดนี้หมายความว่ายังไง?”น้ำเสียงของหลี่หยุนนั้นโอเวอร์มาก เห็นได้ชัดว่ากำลังร้องประสานกับเวินจื้อหลงอยู่
เวินลั่วฉิงผลักประตูเข้าไปห้องคนไข้
“โอ๊ย เจ้าตัวกลับมาแล้ว?”เวินจื้อหลงจ้องมองเวินลั่วฉิง พลางยกคิ้ว อีกทั้งมุมปากยังยกยิ้มอย่างเยาะเย้ยอีกด้วย
“คุณปู่ หนูกลับมาแล้วค่ะ”เวินลั่วฉิงไม่ได้สนใจเขา เดินไปอยู่ด้านหน้าคุณปู่เวินโดยตรง
หลายปีก่อนเป็นเพราะเวินจื้อหลงก่อเรื่องวุ่นวาย จนคุณปู่เวินโมโห แต่ถึงอย่างไรเวินจื้อหลงก็เป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลเวิน
ภายหลังคุณปู่เวินก็ได้ช่วยเวินจื้อหลงกลบเกลื่อนเรื่องเลวร้ายพวกนั้นทิ้งไป จากนั้นก็ส่งตัวเวินจื้อหลงไปอยู่ต่างประเทศ ตอนนั้นคุณปู่ได้เตือนเวินจื้อหลงไว้ว่าห้ามกลับเข้าประเทศโดยพลการ
ตอนนี้คุณปู่ป่วยหนัก การกลับมาของเวินจื้อหลงจึงสมเหตุสมผล เพียงแต่ท่าทางของเขาเช่นนี้ไม่เหมือนกับมาเยี่ยมไข้เลย
“เชอะ คุณยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ ได้ยินมาว่าไปหาไป๋ยี่รุ่ยมานี่ ตอนนี้บริษัทเวินซื่อกรุ้ปเป็นแบบนี้ก็เพราะไป๋ยี่รุ่ย และไป๋ยี่รุ่ยเป็นคู่ที่เหมาะสมดั่งกิ่งทองใบหยกกับหนู ทำไม?พวกคุณทั้งสองไปหารือว่าจะทำลายบริษัทเวินซื่อกรุ้ปยังไงอยู่เหรอ?”เวินจื้อหลงเห็นท่าทีของเวินลั่วฉิง สีหน้าก็เผยความโกรธเคืองขึ้นมา
“หลงหลง ลูกพูดอย่างนี้หมายความว่า?ลูกว่าเธอร่วมมือกับไป๋ยี่รุ่ยมาทำลายบริษัทเวินซื่อกรุ้ปของพวกเราเหรอ……”หลี่หยุนพูดด้วยความประหลาดใจ จงใจพูดแล้วหยุดทีหลัง แต่ทว่าความหมายที่สื่อออกมานั่นชัดเจนมากทีเดียว