ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 442 คุณชายสามที่เย่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 442 คุณชายสามที่เย่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว (3)
บทที่ 442 คุณชายสามที่เย่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว (3)
“ฉิงฉิง เขาจริงใจกับหนูนะ และตลอดหลายปีมานี้หนูก็คงยังไม่ลืม ฉะนั้นพวกหนู……”คุณปู่เวินเห็นเวินลั่วฉิงไม่ได้เอ่ยปากพูดดวงตากะพริบเบาๆ ก่อนที่จะให้คำชี้แนะกับเธอ
“ปู่ค่ะ ตอนนี้หนูไม่อยากพูดถึงเรื่องพวกนั้นค่ะ”เวินลั่วฉิงตัดบทพูดของคุณปู่อีกครั้งด้วยท่าทีที่หนักแน่น
เธอไม่อยากพูดถึงเรื่องพวกนี้ เรื่องมันผ่านมาแล้วตั้งหกปี ซึ่งอะไรหลายๆอย่างก็ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแล้ว ผ่านไปแล้วก็คือผ่านไปแล้ว มันไม่สามารถจะย้อนกลับไปเป็นเหมือนในอดีตได้อีก
“เฮ้อ”คุณปู่เวินถอนหายใจเบาๆ แอบส่ายหัว แต่ไม่ได้พูดต่อ
เวินลั่วฉิงอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่เวินที่ห้องคนไข้ตลอด ซึ่งหลังจากที่ครอบครัวเวินจีหยันออกไปแล้วก็ไม่ได้กลับเข้ามาใหม่อีกเลย
ตอนกลางคืนประมาณสองทุ่มเศษๆ มือถือของเวินลั่วฉิงก็ดังขึ้นกะทันหัน ตอนแรกเวินลั่วฉิงคิดว่าเป็นสายจากเด็กน้อยทั้งสองคน
แต่เมื่อเธอนำมือถือออกมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของเลขาหลิว
คิดได้ว่าก่อนหน้านี้เย่ซือเฉินนำมือถือของเลขาหลิวโทรมาหาเธอ ดวงตาของเวินลั่วฉิงจึงกะพริบอย่างลังเล และไม่ได้รับสาย
อีกฝั่งหนึ่ง เย่ซือเฉินเห็นมือถือของเลขาหลิวดังขึ้นมาหลายครั้ง แต่เวินลั่วฉิงก็ยังคงไม่รับสาย ดวงตาของเขาจึงหรี่ขึ้น เขาคิดว่าเธอกลัวเขาจะใช้มือถือของเลขาหลิวโทรหาเธอ ฉะนั้นเธอจึงไม่ยอมรับสาย?
เครียดกับผู้หญิงคนนี้จังเลย
“ท่านประธานครับ คุณนายไม่รับสายของผมครับ”เวินลั่วฉิงไม่ได้รับสาย เลขาหลิวจึงมองประธานของตนอย่างหวาดระแวง
“โทรต่อ”บัดนี้เย่ซือเฉินโกรธจนแอบกัดฟัน เธอช่างแน่มาก ตอนนี้แม้กระทั่งสายของเลขาหลิวก็ไม่รับเสียแล้ว
เธอช่างยึดมั่นกับการหลบหน้าเขาจังเลย!!
เลขาหลิวกดเบอร์โทรหาเวินลั่วฉิงอีกครั้ง
เวินลั่วฉิงเห็นเลขาหลิวโทรมาใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ครุ่นคิดดูแล้วก็ยอมรับสายเสียที แต่ทว่าเธอไม่รีบร้อนพูด เพราะเธอคิดว่าหากเป็นเย่ซือเฉินโทรมาจริงๆ เธอจะกดวางสายทิ้งทันที
ตอนนี้เย่ซือเฉินยิ่งนานวันยิ่งพูดจาไม่มีเหตุผลสิ้นดี!
“คุณนายครับ คุณมาที่นี่สักครู่ได้ไหมครับ?”เสียงที่ส่งมาตามสายโทรศัพท์คือเลขาหลิว
“เลขาหลิวมีเรื่องอะไรคะ?”คิ้วของเวินลั่วฉิงขมวดขึ้น เลขาหลิวโทรหาเธอจะมีธุระอะไรกันนะ?อีกทั้งยังบอกให้เธอไปหาอีก?
“คุณนายครับ สัญญาฉบับนั้นมีปัญหาครับ วันนี้ทนายหมิงมาหาผมโดยเฉพาะ ฉะนั้นรบกวนคุณนายมาหาผมหน่อยได้ไหมครับ?”คำพูดของเลขาหลิวนั้นสุภาพมาก แต่กลับเจือความกดดันเอาไว้
“ปัญหาอะไรคะ?”เวินลั่วฉิงรู้สึกมึนงง เงื่อนไขทั้งสองข้อในสัญญาจะไปมีปัญหาอะไรได้?
“ปัญหารุนแรงหน่อยครับ ทนายหมิงบอกว่าจะยื่นฟ้องศาล ตอนนั้นผมได้รั้งเอาไว้ครับ เพราะอยากจะถามคุณนายก่อน”น้ำเสียงเลขาหลิวยิ่งมีความกดดันเพิ่มขึ้นมาอีก
“ฟ้องร้อง?”ดวงตาของเวินลั่วฉิงกะพริบ สัญญาของเธอกับเย่ซือเฉินมีอะไรให้ฟ้องร้องกัน?
“เลขาหลิวคุณกำลังพูดตลกใช่ไหมคะ?หรือฉันควรถามคุณเย่ว่าคิดจะทำอะไรอีก?”เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าต้องเป็นเล่ห์เหลี่ยมของเย่ซือเฉินอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าเย่ซือเฉินคิดจะทำอะไรอีก?
“คุณนายครับผมไม่ได้พูดเล่นครับ สัญญาของพวกคุณมีปัญหาจริงๆครับ ตัวหนังสือในสัญญาได้หายไปเกือบหมดแล้วครับ แต่ยังเหลืออยู่ไม่กี่คำ หากเรียบเรียงคำก็จะได้เนื้อหาเข้าข่ายการแอบเปิดเผยความลับที่ค่อนข้างจะรุนแรงมากเลยทีเดียว หากการฟ้องร้องมีผล คุณนายอาจต้องจำคุกเลยนะครับ”
เวินลั่วฉิงตะลึง กะพริบตารัวๆอย่างรวดเร็ว เกิดอะไรขึ้นกันนี่?
หมายความว่าไงกับคำว่าตัวหนังสือในสัญญาหายไป?
และตัวหนังสือที่เหลืออยู่ก็กลับกลายเป็นการแอบเปิดเผยความลับ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เวินลั่วฉิงจำได้ว่าตอนที่เขียนสัญญาฉบับนั้น เย่ซือเฉินได้ดื่มเหล้าแล้วจูบ จนทำให้เธอรู้สึกเบลอๆ
เป็นเพราะตอนนั้นเย่ซือเฉินแอบทำอะไรตุกติกหรือเปล่า?
“คุณนายครับ หากคุณไม่เชื่อผมจะถ่ายรูปส่งไปให้คุณนายดูนะครับ คุณลองเปิดดูนะครับ”เลขาหลิวพูดเสริมขึ้นมาหนึ่งประโยค
โดยที่ไม่รอให้เวินลั่วฉิงตอบ เขาก็ได้ถ่ายรูปส่งไปให้เวินลั่วฉิงดู
เวินลั่วฉิงเปิดรูปถ่ายออกมาดู ซึ่งในรูปมีเพียงกระดาษแผ่นเดียว เธอจำได้ว่าเป็นสัญญาฉบับที่พวกเขาเขียนไว้ก่อนหน้านี้ และด้านล่างยังมีลายเซ็นต์ของเธออยู่ด้วย
แต่ทว่าลายเซ็นต์ของเย่ซือเฉินนั้นหายไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นดั่งที่เลขาหลิวแจ้งมาไม่มีผิด ตัวหนังสือเดิมได้หายไปแล้ว แต่ยังเหลืออยู่ไม่กี่ตัว เมื่อเวินลั่วฉิงเรียบเรียงตัวหนังสือมาอ่านหนึ่งรอบ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างกลมโต เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เลขาหลิวกล่าวมานั้นมีมูลความจริง มันเพียงพอให้เธอจำคุกไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว
“คุณนายครับ ทนายหมิงบอกว่า หากเรื่องนี้สะสางไม่ได้ภายในวันนี้ พรุ่งนี้เขาจะไปยื่นฟ้องต่อศาลครับ”และในเวลานี้ เสียงของเลขาหลิวก็ได้ส่งมาอีกครั้ง
“คุณอยู่ไหน?”เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจ เธอมีว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากล และเธอยังรู้ว่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นฝีมือของเย่ซือเฉิน แต่เมื่อมีสิ่งนี้อยู่ เธอจึงไม่ไปสนใจไม่ได้
เลขาหลิวบอกที่อยู่อย่างรวดเร็ว
“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”เวินลั่วฉิงรู้ว่าที่นั่นเป็นร้านอาหารที่ขึ้นชื่อมาก เป็นร้านใหญ่ที่ถูกกฎหมาย เวินลั่วฉิงจึงรู้สึกโล่งอกเล็กน้อยเพราะเธอกลัวว่าเลขาหลิวจะนัดเจอที่โรงแรมเสียอีก
“ท่านประธานครับ คุณนายบอกว่าจะมาเดี๋ยวนี้ครับ”เลขาหลิววางสาย ก่อนจะมองใบหน้าประธานของตน แบบแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก
“อืม ทำตามที่ผมบอก”มุมปากของเย่ซือเฉินยกยิ้มขึ้น ขอแค่เธอมาก็เพียงพอแล้ว
เขารู้ว่าตอนนี้เธอหลบหลีกเขาเหมือนกับป้องกันตัวจากโจรไม่มีผิด หากเขาเป็นคนให้เธอมา เธอก็จะไม่มาเด็ดขาด
เขายิ่งรู้ดีว่า ด้วยความเป็นคนระมัดระวังของเธอ เขาก็ไม่มีทางทำอะไรกับเธอได้เด็ดขาด ฉะนั้นเขาจึงให้เลขาหลิวเป็นผู้ดำเนินการแทน
“ครับ”เลขาหลิวรู้สึกขนหัวลุก แต่ทว่าคำพูดของท่านประธาน เขาไม่กล้าขัดคำสั่ง
จากนั้นเย่ซือเฉินจึงได้ออกไปจากห้องวีไอพี ซึ่งไม่นานนักเวินลั่วฉิงก็เดินทางมาถึง
เวินลั่วฉิงเดินเข้ามาถึงห้องก็ไม่พบหน้าเย่ซือเฉิน ดวงตาก็กะพริบเบาๆ เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ไม่เห็นหน้าเย่ซือเฉิน
เธอกวาดสายตามองทุกมุมของห้องโดยไม่มีพิรุธใดๆ ซึ่งพบว่าไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ เธอจึงวางใจขึ้นมาหน่อยหนึ่ง
“คุณนายดูนี่ครับ”เลขาหลิวยื่นสัญญาฉบับนั้นไปยังตรงหน้าเวินลั่วฉิง
เวินลั่วฉิงตรวจดูอย่างละเอียดรอบคอบหนึ่งรอบ พบว่าเป็นฉบับที่เธอเขียนขึ้นมาจริงๆ
แต่ทว่าไม่เห็นตัวหนังสือก่อนหน้านี้ที่เคยเขียนไว้แล้ว เหลือเพียงไม่กี่ตัว และยังมีลายเซ็นต์กำกับของเธอไว้ด้วย
เดิมทีเธอเป็นคนเขียนสัญญาฉบับนี้ด้วยตัวเอง ตัวหนังสือที่เหลือไม่กี่ตัวจึงเป็นลายมือของเธอเอง
ถึงแม้เวินลั่วฉิงจะเคยดูจากรูปถ่ายมาแล้ว แต่ตอนนี้มาดูใหม่อีกรอบก็ทำให้เธอรู้สึกตกใจกลัวเล็กน้อย
เวินลั่วฉิงกำลังใช้สมองอยู่ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้?
เธอรู้ว่ามีปากกาชนิดหนึ่ง เมื่อเขียนผ่านไปได้สักระยะหนึ่งตัวหนังสือก็จะจางหายไป แต่ทว่าทำไมอันนี้ยังมีเหลืออยู่ไม่กี่ตัวกันล่ะยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเนื้อหาพวกนี้อีก?
สภาพเช่นนี้ หากบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปคิดจะฟ้องร้องขึ้นมา เธอ……
เธอรู้ว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเย่ซือเฉินอย่างแน่นอน
“ประธานของพวกคุณหมายความว่ายังไง?”ถึงแม้เวินลั่วฉิงจะรู้สึกตกใจกลัวเล็กน้อย แต่ทว่าสีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด น้ำเสียงก็ยังคงราบเรียบเฉกเช่นปกติ