ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 443 คุณชายสามเย่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 443 คุณชายสามเย่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว (3)
บทที่ 443 คุณชายสามเย่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว (3)
เลขาหลิวมองหน้าเวินลั่วฉิง พลางพูดตามที่ประธานสั่งเขาไว้ก่อนหน้านี้ “ท่านประธานบอกว่าทำตามกฎระเบียบครับ”
เวินลั่วฉิงสะดุ้งเล็กน้อย คำพูดเมื่อกี้ของเธอ เดิมทีจะล่อถามเลขาหลิวว่าเรื่องนี้เป็นการจัดการของเย่ซือเฉินหรือเปล่า
ทำตามกฎระเบียบ?ในเมื่อทำตามกฎระเบียบ แล้วทำไมต้องให้เลขาหลิวมาหาเธอด้วย?
เมื่อพูดเช่นนี้ก็แสดงว่าเป็นความคิดของเย่ซือเฉินนั่นเอง
อันที่จริงเธอรู้แต่แรกแล้วว่าเป็นความคิดของเย่ซือเฉิน แต่ทว่าสถานการณ์เช่นนี้เธอจะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้
เพราะเรื่องมันรุนแรงจริงๆ
“เขาอยู่ไหน?”ในเมื่อเป็นความคิดของเย่ซือเฉิน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้เป็นฝีมือของเย่ซือเฉิน ฉะนั้นตอนนี้เธอต้องพบหน้าเย่ซือเฉินสักตั้งแล้ว
เธออยากถามให้แน่ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
เธออยากรู้ว่าเย่ซือเฉินคิดจะทำอะไรกันแน่?
“คุณนายจะพบหน้าท่านประธานเหรอครับ?หากคุณนายต้องการจะพบ ผมจะติดต่อหาท่านประธานครับ ดูว่าท่านประธานมีเวลาว่างหรือเปล่า……”เลขาหลิวรีบพูดต่อจากเวินลั่วฉิง
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองหน้าเลขาหลิวแวบหนึ่ง ร่างกายเลขาหลิวก็แข็งทื่อ จนต้องกล้ำกลืนคำพูดประโยคหลังกลับเข้าไป ก่อนจะหยิบมือถือโทรหาเย่ซือเฉิน
“ท่านประธานครับ คุณนายอยากพบท่านครับ”เมื่อรับสาย เลขาหลิวก็พูดตรงประเด็น
เวินลั่วฉิงไม่ได้ยินว่าอีกฝั่งหนึ่งของสายเย่ซือเฉินพูดอย่างไร เลขาหลิวก็ได้วางสายเสียแล้ว
“คุณนายครับ ท่านประธานบอกว่าจะมาเดี๋ยวนี้ ขอให้คุณนายรอสักครู่ครับ”หลังจากที่เลขาหลิววางสาย พลางมองเวินลั่วฉิงด้วยความสุภาพนอบน้อม
“เลขาหลิวร่วมมือกับประธานของตนแสดงละครรู้สึกเหนื่อยไหมครับ?”เวินลั่วฉิงหัวเราะเบาๆ หากเธอดูไม่ออกว่าเป็นการจัดฉากของเย่ซือเฉินแล้วล่ะก็ เธอก็คงไม่ใช่เวินลั่วฉิงแล้ว
เลขาหลิวไม่ได้ปฏิเสธ สีหน้าเริ่มไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมาเล็กน้อย
มุมปากของเวินลั่วฉิงเผยความยิ้มหยันขึ้นมา เธอจะดูสิว่าเย่ซือเฉินจะทำอะไรกันแน่?
อาจเป็นเพราะจะปกปิดความอึดอัดใจ เลขาหลิวเอายื่นน้ำเปล่าให้เวินลั่วฉิงแก้วหนึ่ง“ดื่มน้ำครับคุณนาย”
เวินลั่วฉิงก็รู้สึกกระหายน้ำพอดี เธอรับแก้วน้ำมา หลังจากตรวจดูแล้วว่าไม่มีความผิดปรกติใดๆ จึงได้ดื่มน้ำเข้าไปหลายคำ
แก้วน้ำไม่ค่อยใหญ่นัก พอเวินลั่วฉิงดื่มไปเพียงไม่กี่คำ น้ำในแก้วก็เหลือไม่มากแล้ว
เลขาหลิวเห็นเวินลั่วฉิงจะดื่มน้ำหมดแล้ว รีบพูดว่า“ผมช่วยคุณนายรินน้ำเพิ่มดีกว่านะครับ ตอนนี้อากาศหนาว ผมเติมน้ำอุ่นให้นะครับ”
“อืม”เวินลั่วฉิงพยักหน้า เธอรู้ว่าเรื่องนี้จะโทษเลขาหลิวก็ไม่ได้ เพราะเลขาหลิวแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น
ปกติเวินลั่วฉิงก็ไม่เคยพาลใส่คนอื่นอยู่แล้ว
เลขาหลิวจึงได้เอาขวดเก็บความร้อนมาช่วยเวินลั่วฉิงเติมเข้าไปในแก้วจนเต็ม น้ำร้อนที่เลขาหลิวเติมให้แก่เวินลั่วฉิงนั้นได้ผ่านการต้มเดือดจนสุกได้ที่มาแล้ว
“ระวังร้อนครับคุณนาย”เลขาหลิวเติมน้ำเต็มแล้วก็วางแก้วน้ำไว้ด้านหน้าของเวินลั่วฉิง
“เลขาหลิว ฉันกับประธานของคุณได้หย่ากันแล้ว ฉะนั้นคำว่า คุณนายก็เก็บไว้ใช้กับภรรยาในอนาคตของท่านประธานคุณจะดีกว่านะ”บัดนี้เวินลั่วฉิงได้ยินเลขาหลิวขานเรียกเธอว่าคุณนาย จู่ๆก็รู้สึกแสบแก้วหูเล็กน้อย
เลขาหลิวยิ้มไม่ได้พูดอะไร
ต่อมาเลขาหลิวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เวินลั่วฉิงจึงไม่ได้เอ่ยปากพูด ด้านในห้องจึงเงียบกริบเป็นพิเศษ
เวลาค่อยๆผ่านพ้นไป แต่เย่ซือเฉินก็ยังไม่มาเสียที
ปกติเวินลั่วฉิงพบเจอกับปัญหาอะไรก็มักจะใจเย็น ฉะนั้น เธอจึงรออย่างเงียบๆเสมอมา
เพียงแต่ในเวลานี้มือถือของเลขาหลิวก็ดังขึ้นมากะทันหัน
เลขาหลิวมองดูแวบหนึ่ง จากนั้นก็รีบรับสายทันที“ครับ ครับ รับทราบครับ”
เลขาหลิวขานตอบต่อเนื่องหลายคำ ก่อนจะวางสายแล้วมองมาที่เวินลั่วฉิง“คุณนายครับ ท่านประธานติดธุระนิดหน่อย ขอให้คุณนายรออีกสักครู่ครับ”
เวินลั่วฉิงเม้มปากไม่ได้พูดอะไร จากปกติที่เป็นคนใจเย็น ตอนนี้เริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อย และราวกับคอแห้ง เวินลั่วฉิงจึงยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มสองคำ
ตอนแรกก่อนที่เธอจะดื่มน้ำก็ได้ทำการตรวจดูแล้ว ซึ่งไม่พบอะไร ต่อมาเลขาหลิวได้เติมน้ำร้อนให้เธอ บัดนี้กำลังอุ่นพอดีเลย
แต่เมื่อเวินลั่วฉิงดื่มไปสองคำ จู่ๆก็สังเกตถึงความผิดปกติ เมื่อสักครู่กำลังคิดถึงเรื่องเย่ซือเฉินอยู่ จึงไม่ได้ตรวจดูเวลาที่ดื่มน้ำ แต่หลังจากที่ดื่มแล้วก็รู้สึกถึงรสชาติที่ผิดปกติของน้ำ
ทั้งๆที่เป็นน้ำเปล่าแท้ๆ แต่กลับมีกลิ่นเหล้าจางๆแอบแฝงอยู่
ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ มีรสชาติของเหล้าเพียงนิดเดียว น้อยจนไม่ได้กลิ่นตอนที่ดื่มเลย
แต่ทว่าถึงจะจางเพียงใดก็ยังเป็นเหล้าอยู่ดี เวินลั่วฉิงมั่นใจมาก
ดวงตากลมโตของเวินลั่วฉิงเบิกกว้าง รีบหันไปมองเลขาหลิว“ในน้ำมีเหล้าผสมอยู่”
คำพูดของเวินลั่วฉิงไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นน้ำเสียงที่มั่นใจเป็นอย่างมาก
หากเป็นคนปกติทั่วไป เหล้าเพียงแค่นี้ไม่มีทางส่งผลกระทบอะไรอย่างแน่นอน แต่เธอไม่เหมือนกัน เพราะเธอเป็นโรคแพ้เหล้า ซึ่งเหล้าเพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้เธอสลบไสลไปได้เลย
เย่ซือเฉินรู้ว่าเธอดื่มเหล้าแล้วจะเวียนหัว ฉะนั้นเวินลั่วฉิงรู้ว่าต้องเป็นฝีมือกำกับของเย่ซือเฉินอย่างแน่นอน
เย่ซือเฉินช่างวางแผนได้อย่างรัดกุมมากทีเดียว
“คุณนาย ผม……”เลขาหลิวมองดวงตาของเวินลั่วฉิง บัดนี้เริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะแววตาของคุณนายเมื่อเทียบกับท่านประธานแล้วน่ากลัวกว่าอีก
ดวงตาของเวินลั่วฉิงลุ่มลึก รีบลุกขึ้นยืน อยากจะเดินออกไปก่อนที่เธอจะสลบไสลลงไป
แต่ทว่าเมื่อเวินลั่วฉิงยืนขึ้นมาก็เริ่มรู้สึกเวียนหัว เธอเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นเดินออกไปทางประตู เพียงแต่ตอนที่เธอเปิดประตูออกไปนั้นก็ชนกับแผ่นอกของใครบางคนเข้า
เวินลั่วฉิงเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใครแล้ว เธอก็กัดฟัน
เป็นเขาจริงๆ เขาเป็นคนวางแผนไว้จริงๆ
เวินลั่วฉิงรีบถอยออกจากอ้อนกอดของเขา แต่ทว่ายิ่งรู้สึกเวียนหัวจนยืนไม่มั่นคงเสียแล้ว
“เย่ซือเฉิน คุณหมายความว่ายังไง?”บัดนี้เธอรู้สึกเวียนหัว แต่ก็ยังคงรับรู้ได้อยู่บ้าง เธอจ้องมองเขา ซึ่งในแววตามีความเพลิงโกรธอย่างไม่คิดที่จะปิดบังแต่อย่างใด
ขณะที่เวินลั่วฉิงพูดคำนี้อยู่นั้น ร่างกายก็เริ่มโยกเยกจนเกือบจะล้ม
“ระวังหน่อย”เย่ซือเฉินตกใจรีบไปพยุงเธอเอาไว้
“เย่ซือเฉิน ไอ้สารเลว”เวินลั่วฉิงกัดฟันด่าออกมาหนึ่งประโยค จากนั้นก็สลบไปอยู่ในอ้อนแขนของเขา เธอไม่มีภูมิต้านทานกับเหล้าเลยแม้แต่น้อย
เย่ซือเฉินรู้จุดอ่อนนี้ดี ฉะนั้นเขาจึงใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์อย่างเจ้าเล่ห์
เย่ซือเฉินยื่นมือออกไปรับเธอมาอยู่ในอ้อนแขน ดวงตากะพริบเร็วๆ หากเขาไม่ทำเช่นนี้ เธอจะยอมพบหน้าเขาเหรอ?
หากเขาไม่ทำเช่นนี้ เขาจะมีโอกาสคุยเรื่องห้าปีก่อนเหรอ?
เขารู้จักเธอดียิ่งนัก เธอเป็นคนที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ฉะนั้น เรื่องห้าปีก่อน จำเป็นต้องให้กลับไปสู่เหตุการณ์เก่า มีเพียงเช่นนี้เธอถึงจะยอมรับมัน
“ท่านประธานครับ เหมือนคุณนายจะโกรธแล้ว หลังจากที่คุณนายตื่นมาแล้วจะฆ่าผมไหมครับ”เลขาหลิวนึกถึงภาพแววตาของเวินลั่วฉิงที่มองเขาครั้งสุดท้าย เขาก็อดหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้
ตอนนี้เขารู้อีกสถานะของเวินลั่วฉิงแล้ว ซึ่งคุณนายเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยา