ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 460 หลักฐานคืนห้าปีก่อน (4)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 460 หลักฐานคืนห้าปีก่อน (4)
บทที่ 460 หลักฐานคืนห้าปีก่อน (4)
“ฉิงฉิง คุณรู้ว่าผมรักคุณจริง และคุณก็ยังรักผมอยู่……”ไป๋ยี่รุ่ยจ้องมองหน้าเธอด้วยสีหน้าตึงเครียดและไม่เชื่อ เขารู้ว่าเธอยังรักเขาอยู่ ก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บ เธอยังเป็นห่วงเขาอยู่เลย
ซึ่งเขานอนอยู่ในโรงพยาบาล เธอก็อยู่เฝ้าดูแลไม่ห่างมาสองวันเต็มๆ สองวันสองคืนมานี้เธอไม่เคยได้พักผ่อนเลย ยิ่งไปกว่านั้นไม่เคยก้าวออกไป แม้กระทั่งกับข้าวก็ให้เดลิเวอรี่มาส่ง
หากเธอไม่รักเขาจะทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน?
อีกทั้ง เขารู้จักเธอดี เรื่องที่เธอตัดสินใจไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เขารู้ว่าตอนนั้นเธอรักเขามากมาย
เขารู้สึกว่าในเมื่อตอนนั้นเธอเลือกเขาแล้วก็คงไม่เปลี่ยนแปลงหรอก ต้องยังรักเขาอยู่เป็นแน่
ถึงแม้จะผ่านพ้นมาเป็นเวลานานหกปี แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าเธอยังคงรักเขาอยู่
“ไม่ ฉันไม่ได้รักคุณแล้ว”เวินลั่วฉิงกะพริบตารีบตัดบทพูดของเขาทันที
หกปีก่อน พอเธอรู้ความจริงที่เขามาใกล้ชิดเธอ เขาไม่ได้อธิบายอะไรแม้แต่คำเดียว เธอก็ตัดสินใจวางมือไปแล้ว ซึ่งวินาทีที่ตัดสินใจวางมือก็ได้ตัดสินใจปล่อยวางความรักที่มีต่อเขาทิ้งไปแล้วด้วย
ฉะนั้นเธอกับไป๋ยี่รุ่ยไม่มีทางเริ่มต้นใหม่ได้อีกต่อไป ถึงแม้หกปีก่อนไป๋ยี่รุ่ยจะไม่ได้ใช้เธอเป็นเครื่องมือทุกอย่าง แต่เธอกับไป๋ยี่รุ่ยก็เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว
ในเมื่อเป็นไปไม่ได้ เธอก็ไม่ควรให้ความหวังใดๆกับไป๋ยี่รุ่ย ไม่ปล่อยให้ไป๋ยี่รุ่ยเกิดความเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็น
หรือเวลาหกปีเธอยังลืมเขาได้ไม่หมด แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะให้เริ่มต้นใหม่ ฉะนั้นเธอสมัครใจตัดความคิดของเขาทิ้งไปให้หมดสิ้น
เวลาที่เธอรักก็ทุ่มเทสุดหัวใจ เวลาเลิกกันก็จะไม่ทิ้งเยื่อใยใดๆให้หลงเหลืออยู่แต่ขาด
ไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุใด ขณะที่เธอพูดอยู่ก็นึกถึงเย่ซือเฉินขึ้นมากะทันหัน ราวกับจู่ๆเย่ซือเฉินก็โผล่ขึ้นมาในสมองของเธออย่างไรอย่างนั้น มันมาแบบกะทันหันและทำตัวไม่ถูกจริงๆ
เธอคิดว่าน่าจะเป็นเพราะรู้ว่าผู้ชายห้าปีก่อนเป็นเย่ซือเฉิน รู้ว่าพ่อแท้ๆของลูกรักของตนคือเย่ซือเฉิน ส่งผลให้เธออกสั่นขวัญหายอยู่ตลอดเวลา
ฉะนั้นเวลานี้เธอมักจะนึกถึงแต่เย่ซือเฉินเสมอๆ
อันที่จริงเธอไม่ยินยอมนึกถึงคนที่โหดร้ายอำมหิตและหน้าด้านหน้าทนเลยสักนิด!
“คุณอย่าคิดทำร้ายตัวเองอีก คุณน่าจะรู้จักฉันดี เรื่องที่ฉันตัดสินใจแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอันขาด คุณทำร้ายตัวเอง ฉันดูแลคุณได้ แต่ไม่ใช่เพราะรัก เพียงแต่ฉันไม่อาจทนดูชีวิตหนึ่งต้องดับสูญต่อหน้าต่อตาฉัน”เวินลั่วฉิงไม่อยากให้เขาทำร้ายร่างกายคตัวเองอีก เธอรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ฉะนั้นบัดนี้เธอพูดอย่างละเอียดชัดเจน
นี่ก็คือเธอ ไม่น่าจะเรื่องอะไรก็มักทำให้ชัดเจน เข้าใจกระจ่าง
เวินลั่วฉิงพูดจบก็หันหลังเดินออกไปจากห้องคนไข้
เธอไม่รู้ว่าไป๋ยี่รุ่ยจะยอมรามือหรือเปล่า
แต่เธอจำเป็นต้องทำเช่นนี้ สำหรับเรื่องความรัก หากคุณไม่สามารถมอบความรักให้อีกฝ่ายได้ ถ้าเช่นนั้นก็อย่าได้ให้ความหวังกับอีกฝ่ายเด็ดขาด
มันไม่ใช่ความโหดร้าย แต่เป็นความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่างหาก
ไป๋ยี่รุ่ยกับคุณปู่เวินไม่ได้รักษาตัวในโรงพยาบาลเดียวกัน หลังจากที่เวินลั่วฉิงออกไปก็มุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลที่คุณปู่เวินรักษาตัวอยู่
อาการของคุณปู่ดีขึ้นมากเลย มีชีวิตชีวามาก เห็นเวินลั่วฉิงเข้ามา คุณปู่ก็หยุดชะงัก ใบหน้าประดับรอยยิ้มที่ยากจะหยั่งถึงหลายส่วน:“เห็นท่า หนูกับไป๋ยี่รุ่ยคุยกันถูกคอนะ”
คุณปู่เวินรู้สึกว่ากว่าเธอจะกลับมาก็นานแสนนาน ต้องมั่นใจว่าคุยกันได้ไม่เลว
เพราะเป็นวัยหนุ่มสาวมีความกระตือรือร้นสูง ฉะนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ถือเป็นเรื่องปกติ
“หนูเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วค่ะ หนูไม่เข้าใจรายละเอียดนัก รอให้คุณปู่ออกจากโรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยไปดูนะคะ เห็นคุณปู่มีสดใสมีชีวิตชีวาเช่นนี้ น่าจะได้ออกไปเร็วๆนี้แล้วล่ะค่ะ”เวินลั่วฉิงแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายของคุณปู่เวิน อีกอย่างเรื่องก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณปู่คิด
“พวกหนูคุยแต่เรื่องสัญญาเหรอ?จำเป็นต้องถามเรื่องสัญญานานขนาดนี้เลยเหรอ?”เห็นได้ชัดว่าคุณปู่เวินไม่เชื่อ เขารู้สึกว่าเวลานานเช่นนี้ต้องคุยเรื่องอื่นบางแหละ ไม่แน่ว่าทั้งสองคนอาจจะคืนดีกันแล้วก็ได้
ตอนนี้เขาไม่ขออะไรทั้งนั้น เขาขอเพียงให้ฉิงฉิงของเธอมีความสุขก็เพียงพอ
ฉะนั้นเขาสามารถไม่ถือสาเรื่องอื่นได้ ขอเพียงไป๋ยี่รุ่ยจริงใจกับเธอก็พอแล้ว
“หรือเจตนาของคุณปู่ไม่ใช่ให้หนูไปคุยเรื่องสัญญาเหรอคะ?”เวินลั่วฉิงรู้ความคิดของคุณปู่ดี เธอไม่อยากให้คุณปู่ถามอะไรต่อ
ฉะนั้นจึงตัดบทที่เหลือของคุณปู่ทิ้ง
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ไป๋ยี่รุ่ยแทงตัวเอง เพราะมันไม่ใช่เรื่องดีอะไร และตอนนั้นไป๋ยี่รุ่ยก็ใช้ให้คนปิดข่าวด้วย เธอจึงไม่พูดมากอะไร
เวินลั่วฉิง“……”
มุมปากของคุณปู่เวินเบะเล็กน้อย จะล่อถามเด็กคนนี้ช่างยากเย็นยิ่งนัก?เขาเป็นห่วงเรื่องปั้นปลายชีวิตของเธออย่างไรล่ะ?เด็กคนนี้ช่างไม่เข้าใจความหวังดีเสียเลย?
ไม่สามารถเติมเต็มความอยากรู้อยากเห็นของตาเฒ่าหน่อยเหรอ?
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูด บัดนี้คุณปู่เวินยิ่งสงสัยเขาไปใหญ่ เพราะฉิงฉิงไม่ได้กลับมาสองวันสองคืนเต็มๆเลย
สองวันสองคืนนี้ ฉิงฉิงต้องอยู่กับไป๋ยี่รุ่ยแน่ๆ!!
หากไม่เกิดอะไรนิดหน่อยขึ้น ตีเขาให้ตาย เขาก็ไม่เชื่อ
แต่ฉิงฉิงปิดปากได้อย่างมิดชิด เห็นท่าจะล่อถามอะไรไม่ได้ คุณปู่เวินจึงได้แต่แอบถอนหายใจ
“ฉิงฉิง อันที่จริงหนูไม่ต้องรีบกลับมาดูแลปู่หรอก ปู่ดีแล้ว คุณหมอบอกว่าออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ไม่งั้น หนูไม่ทำธุระของหนูเถอะ”คุณปู่เวินยังไม่ตายใจ ฉะนั้นจึงเปลี่ยนวิธีพูดรูปแบบใหม่เพื่อล่อให้เวินลั่วฉิงพูดออกมา
คุณปู่เวินอายุมากแล้ว อาการก็เป็นโรคเก่า ครั้งนี้ไม่ได้ผ่าตัด เพียงแต่ทำกายภาพบำบัดเท่านั้น ช่วงนี้ร่างกายของคุณปู่ฟื้นฟูได้ดีมากสามารถกลับบ้านได้แล้ว
เพราะอย่างไงเสียก็อยู่บำรุงเฉยๆ กลับบ้านไปบำรุงจะดีกว่าโรงพยาบาลเป็นไหนๆ
“หากปู่อยากออกจากโรงพยาบาล หนูก็จะไปช่วยดำเนินเรื่องให้ ที่ประเทศMหนูยังมีเรื่องจะต้องทำอีกเยอะ ท่านหายดีแล้ว ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว หนูก็กลับไปได้แล้ว”เวินลั่วฉิงจ้องมองคุณปู่แวบหนึ่ง พูดคล้อยตามคุณปู่หนึ่งประโยค
เวินลั่วฉิงเข้าใจความคิดของคุณปู่เป็นอย่างดี ฉะนั้นบัดนี้เธอจึงจงใจพูดเช่นนี้
คุณปู่เวินเงียบไม่พูดไปเรื่อยทันที หลายปีมานี้ฉิงฉิงอยู่ที่ประเทศ Mตลอด ถึงแม้เขาไม่ได้ก้าวก่ายเรื่องของเธอ แต่อยู่ห่างกันมาก บางครั้งเขาก็คิดถึงจนคลั่งไปเลยก็มี
ไม่ง่ายเลยที่ตอนนี้จะมีโอกาสให้ฉิงฉิงอยู่เป็นเพื่อนตาเฒ่าแก่คนนี้ เขาไม่อยากให้เธอกลับไปเร็วอย่างนี้หรอก
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังวางแผนเรื่องงานแต่งงานของเธอกับไป๋ยี่รุ่ยอยู่ หากเธอกลับไปประเทศMเร็วขนาดนี้ เรื่องนี้ก็คว้าน้ำเหลวล่ะสิ?
ฉะนั้น เขาจะไม่ยอมให้ฉิงฉิงกลับประเทศMเด็ดขาด