ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 474 คุณชายสามเย่เอาแต่ใจขนาดนี้จะดีเหรอคะ(2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 474 คุณชายสามเย่เอาแต่ใจขนาดนี้จะดีเหรอคะ(2)
บทที่ 474 คุณชายสามเย่เอาแต่ใจขนาดนี้จะดีเหรอคะ(2)
“เพราะเรื่องที่ตระกูลเย่ร่วมลงทุนกับตระกูลเวิน ฉันกับคุณชายสามเย่เคยเจอหน้ากัน แต่ฉันนึกว่าคุณชายสามเย่งานยุ่งขนาดนั้น น่าจะจำไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าคุณชายสามเย่ยังจำได้” เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจลึกๆทีหนึ่ง พยายามอธิบาย ถึงแม้เหตุผลจะดูไม่น่าเชื่อ แต่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เธอไม่สามารถคิดเหตุผลอื่นได้อีกแล้ว
เย่ซือเฉินได้ยินที่เธออธิบายด้วยคำพูดที่ง่ายๆเช่นนี้ สองตาหรี่ลงเล็กน้อยและในแววตาลึกๆเต็มไปด้วยความเยือกเย็น มุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
เขาและเธอเคยเจอหน้ากันครั้งหนึ่ง?
ยังนึกไม่ถึงว่าเขายังจำได้? เขาจะจำไม่ได้ได้ยังไง?
“อยากให้ผมจำไม่ได้ คงจะยากครับ เพราะว่าเรา……” เย่ซือเฉินจ้องเธออย่างเยือกเย็นหนึ่งครั้ง แล้วพูดขึ้นมากะทันหัน
เวินลั่วฉิงตกตื่นใจทันที เธอรีบยืดขาออกไปเตะเขาอย่างรวดเร็ว
เย่ซือเฉินรู้ว่าเธอกลัวเขาจะพูดอะไรไปเรื่อย ในสายตายิ่งเต็มไปด้วยความเย็นชา
จากนั้นเขาถือโอกาสรีบยืดขากะทันหันในตอนที่เธอยืดขามา ทำให้ขาของเธอถูกดึงและหนีบไว้ เขาหนีบขาของเธอไว้ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองของเขา
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ที่เขาทำ เป็นแค่การกระทำที่อยู่ใต้โต๊ะ บนหน้าของเขาไม่มีอะไรที่แปลกใดๆเลย
เวินลั่วฉิงกลับตกใจอย่างมาก พยายามดึงขาของเธอกลับมา แต่ดึงยังไงก็ดึงไม่ออก
“ไม่มีอะไรค่ะ” ไม่รอให้เย่ซือเฉินเอ่ยปาก เวินลั่วฉิงรีบตอบมาหนึ่งประโยคอย่างรวดเร็ว
เผชิญหน้ากับคุณปู่ที่ทำหน้าไม่เชื่อใจเลย เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจลึกๆ จากนั้นรีบๆหยิบกุ้งมาอีกหนึ่งตัวและปอกอย่างรวดเร็วเหมือนเดิม: “คุณปู่ ท่านก็กินกุ้งด้วยนะคะ”
เวินลั่วฉิงอยากจะเอากุ้งไปวางให้บนถ้วยของคุณปู่ แต่ว่าเธอห่างจากคุณปู่ไกลไปหน่อย ต้องยืนขึ้นมาถึงจะยืนมือถึง แต่ในตอนนี้เย่ซือเฉินหนีบขาของเธอไว้ เธอลุกขึ้นยืนไม่ได้เลย
เวินลั่วฉิงเหลือบมองไปที่เย่ซือเฉิน เพื่อส่งสายตามบอกให้เขาปล่อยเธอ
เย่ซือเฉินไม่เพียงไม่ปล่อย มือข้างหนึ่งยังค่อยๆแอบยื่นลงไปจับที่ขาของเธออีกด้วย
เวินลั่วเฉินเกร็งตัวเล็กน้อย แอบถอนหายใจลึกๆ คนนี้มันบ้าไปแล้วรึไง? เขาคิดจะทำอะไร?
แต่ว่า สิ่งที่ทำให้เวินลั่วฉิงยิ่งรู้สึกตกตะลึงก็คือ มือของเขากลับขยับเคลื่อนไหวขึ้นมา ค่อยๆเลื่อนไปตามขาของเธอไปที่อื่น
ทำให้เวินลั่วฉิงไม่กล้าขยับเลย สมองเหมือนโล่งไปทัน จากนั้นเอากุ้งที่เมื่อสักครู่นี้จะปอกให้คุณปู่ใส่เข้าไปในปากของตนเอง
“ฉิงฉิง กุ้งตัวนั้นไม่ใช่ปอกให้ปู่หรอกหรือ?” คุณปู่เวินมองหน้าเวินลั่วฉิง คำพูดนั้นไม่รู้ว่าแกล้งพูดหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม ตอนที่คุณปู่พูดเช่นนี้ สายตานั้นมีความสับสนเล็กน้อย
เวินลั่วฉิงอายจนอยากจะดำดินลงไปในใต้พื้นดิน
เธอรู้สึกว่าทุกๆครั้งที่เผชิญหน้ากับเย่ซือเฉิน เธอจะกลายเป็นคนโง่ที่ไม่มีสมองทันที ทำผิดอยู่บ่อยๆ
เวินลั่วฉิงแอบโมโห โชคดีที่มือของเย่ซือเฉินขยับมือไปถึงต้นขาของเธอแล้วหยุดอยู่กับที่ ไม่ได้ขยับต่อไปอีก แต่ว่า มือของเขาก็ยังวางอยู่ตรงขาของเธอ จนทำให้ตอนนี้เธอไม่กล้าขยับเลย
หลังจากที่เวินหรวนหรวนดึงสติกลับมา เห็นกุ้งที่ตนเองปอกเสร็จแล้ว สายตากระพริบเบาๆ จากนั้นมองไปทางคุณชายสามเย่และยิ้มพูดอย่างอ่อนหวาน: “คุณชายสามเย่ ฉันปอกกุ้งไว้ให้คุณตัวหนึ่ง คุณลองทานดูสิคะ”
ในขณะที่เวินหรวนหรวนพูดไปด้วย จะตักกุ้งที่ปอกเสร็จแล้วไปวางไว้ในถ้วยของคุณชายสามเย่
สายตาของเย่ซือเฉินมองไปที่เวินลั่วฉิงอีกครั้ง ใช้สายตาแสดงให้รู้ว่า เขาไม่เอากุ้งของเวินหรวนหรวน จะให้เวินลั่วฉิงจัดการให้ที
เวินลั่วฉิงอ่านเข้าใจกับความหมายของคุณชายสามเย่อย่างแม่นยำอีกครั้ง
ฮึ่ม เธอเรียนจิตวิทยาเพื่อมาเข้าใจแววตาของคุณชายสามเย่อย่างนั้นเหรอ?
อีกอย่าง เขาไม่อยากเอาก็ปฏิเสธตรงๆก็ได้นิ ทำไมต้องให้เธอจัดการล่ะ?
เธอแกล้งทำเป็นไม่เห็นได้ไหม? แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจได้ไหม?
แต่ว่า มือของเย่ซือเฉินกลับบีบขาของเธออีกครั้ง
ทั้งตัวของเวินลั่วฉิงแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง หายใจลึกๆแรงๆทีหนึ่ง: “คุณชายเย่ทานหนึ่งตัวก็พอแล้ว กินเยอะไปไม่ดี คอเลสเตอรอลสูงไป”
เห็นกุ้งของเวินหรวนหรวนกำลังจะตกเข้าไปในถ้วยของเย่ซือเฉินแล้ว เวินลั่วฉิงจึงต้องรีบขยับถ้วยของเย่ซือเฉินเล็กน้อย จากนั้นกุ้งที่ปอกไว้ของเวินหรวนหรวนก็ตกลงไปบนโต๊ะ
สีหน้าของเวินหรวนหรวนเปลี่ยนไปทันทีและดูน่าเกลียดมากเป็นพิเศษ แต่ว่าเธอก็ยังพยายามอดทนถึงที่สุด
“พี่สาวครับ พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง คุณชายสามเย่เป็นแขก พี่ย้ายสิ่งของของคุณชายสามเย่แบบนี้ได้ยังไงกัน พี่ทำไมถึงกล้าคิดแทนคุณชายสามเย่…….” หลังจากที่เวินหรวนหรวนพยายามทนไฟแห่งความโกรธนั้นไว้ นึกว่าสิ่งที่เวินลั่วฉิงทำเมื่อสักครู่นี้ต้องทำให้คุณชายสามเย่ไม่พอใจอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงคิดเติมไฟให้มันยิ่งลุกแรงมากขึ้น
เวินหรวนหรวนคิดว่าคุณชายสามเย่ต้องโกรธแน่นอน ไม่แน่อาจจะสั่งสอนเวินลั่วฉิงซะด้วย
เวินลั่วฉิงกล้าเกินไปแล้ว กล้าย้ายของของคุณชายสามเย่เอง โดนหาที่ตายชัดๆ
“อืม ในเมื่อคุณไม่ให้ผมกิน ผมก็ไม่กินละกัน” แต่ว่า เย่ซือเฉินหันไปมองเวินลั่วฉิง จากนั้นก็พูดคำหนึ่งอย่างปกติมาก
แต่ว่าความหมายที่เขาพูดในตอนนี้ ทำให้คนอื่นคิดไปต่างๆนาๆ
เธอไม่ให้เขากิน เขาก็ไม่กิน คุณชายสามเย่ทำไมถึงเชื่อฟังขนาดนี้ล่ะ? ฟังคำพูดของเวินลั่วฉิงขนาดนั้น?
ตาบ้า!! เวินลั่วฉิงเหม่อลอยอยู่สักพัก ทนไม่ไหวจนต้องแอบด่าในใจหนึ่งคำ
ทั้งๆที่ตนเองไม่อยากกิน ทำไมต้องให้เธอทำแบบนี้ ยังมีแผนการที่เลวกว่านี้อีกไหม?
ยังแกล้งพูดให้หวานแว๋วขนาดนั้น ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด!
ทันใดนั้น คนอื่นๆที่นั่งทานข้าวโต๊ะเดียวกันสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
แค่คำพูดของคุณชายสามเย่เมื่อสักครู่นี้ ก็สามารถทำให้ทุกคนเข้าใจว่า ความสัมพันธ์ของเขาและเวินลั่วฉิงไม่ธรรมดา
เวินหรวนหรวนหน้าชาไปทันที สีหน้าน่าเกลียดเป็นพิเศษ อีกทั้งยังน่ากลัวอีกด้วย สองตาของเธอจ้องเวินลั่วฉิงอย่างโหดร้าย แอบด่าอยู่ในใจ เวินลั่วฉิง อีเลว ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่
สีหน้าของหลี่หยุนก็เศร้าไปทันที หลังจากที่เวินจื้อหลงตั้งสติได้ รีบหันไปมองหวินหรวนหรวนอย่างรวดเร็ว สายตาประชดประชัน
มีแต่ตอนที่คุณปู่เวินก้มหน้า มุมปากยิ้มขึ้นเล็กน้อย ดูแล้วความสัมพันธ์ของฉิงฉิงกับเย่ซือเฉินไม่ธรรมดาจริงๆ
กับความพิเศษที่เย่ซือเฉินมีต่อฉิงฉิง เขารู้สึกว่าต้องมีอะไรแน่ๆ บางทีเขาสามารถวาดฝันได้อย่างเต็มที่
ไม่แน่อาจจะมีความเป็นไปได้จริงๆล่ะ แน่นอนว่า ถ้าเย่ซือเฉินกลับไปแล้ว เขาจะต้องไปถามฉิงฉิงให้เข้าใจ
หลังจากนั้น งานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำคืนนี้ก็เงียบลง
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จเรียบร้อย เย่ซือเฉินไม่ได้พูดอะไรที่มากไปกว่านั้น ลุกขึ้นยืนแล้วขอตัวลากลับโดยทันที
แต่เขาบอกว่าจะกลับแต่สุดท้ายก็ไม่กลับ ยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ มองมาทางเวินลั่วฉิงและพูดขึ้นมากะทันหัน: “เมื่อกี้ผมดื่มเหล้าไปหลายแก้ว ขับรถไม่ได้ คุณไปส่งผมหน่อย”