ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 495 ความสวยและความสามารถของเธอ ช่างน่าตกใจ (5)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 495 ความสวยและความสามารถของเธอ ช่างน่าตกใจ (5)
บทที่ 495 ความสวยและความสามารถของเธอ ช่างน่าตกใจ (5)
ผู้ฝึกซ้อมหลายคนเห็นเวินลั่วฉิง แต่เพราะเวินลั่วฉิงสวมแว่นกันแดดและหน้ากากอนามัย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะทักทายเธออย่างไรดี จึงได้แต่มองเธอแล้วเดินผ่านไป
“ได้ยินว่า เป็นแขกของตระกูลถัง ที่จริงแล้วเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงต้องปลอมตัวแบบนี้ออกมา?”
“ไม่แน่ใจ ได้ยินว่าเป็นแฟนสาวของคุณชายถัง คุณชายถังเป็นคนพามา”
“แล้วเธอมาที่นี่ทำไม? ที่หลังเขาไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ แล้วทิวทัศน์ก็ไม่ได้สวยอะไร”
“ไม่แน่ใจ คนนี้ดูแปลกเล็กน้อย แต่ได้ยินว่าตอนเที่ยงเธอจะมาเดินเล่นที่หลังเขาทุกวัน”
“ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้มีธุระอะไรทำไมถึงชอบมาเดินแถวหลังเขานี้ หรือพวกเราไปดูกันดีไหม?”
“ไม่ดีมั้ง?”
“มีอะไรไม่ดี แค่ไปดูเฉยๆ ไปกัน”
หลายคนที่สงสัยอยู่เล็กน้อย ทนคำยุยงของคนนั้นไม่ไหว จึงพากับแอบตามไปเงียบๆ
เวินลั่วฉิงยังคงทำเหมือนปกติ นั่งลงบนแนวสันเขา โดยปกติแล้วแนวสันเขานี้จะมีคนมาน้อยมาก
คราวนี้มีคนใส่ชุดสำหรับผู้ฝึกซ้อมโดยเฉพาะเดินมาถึงข้างๆ เธอ แล้วหยุดยืนตรงหน้าเธอ
“โอ๊ะ ทำไมถึงมีอีกคน? ดูเหมือนนี่เป็นสถานการณ์ส่วนตัวอะไร แฟนสาวของคุณชายถังมาเจอคนแบบส่วนตัวที่นี่?”
หลายคนที่แอบตามมาเงียบๆ หลบอยู่ไม่ไกลแล้วมองมาล้วนพากันแปลกใจ
“ไม่หรอกมั้ง แฟนสาวของคุณชายถังจะมาถูกใจอะไรกับคนงานธรรมดา?”
“มันก็ไม่แน่ ไม่แน่อาจจะทนความเหงาไม่ไหว ก็เลยคบชู้”
“แล้วนั่นใคร? นายรู้จักไหม?”
“ไม่รู้จัก? เหมือนไม่เคยเจอมาก่อน? หรือจะเป็นน้องใหม่ของปีนี้? ไม่รู้ว่าเป็นคนของศูนย์ฝึกไหน” กองกำลังทั้งใหญ่และคนเยอะเกินไป ดังนั้นไม่รู้จักกันจึงเป็นเรื่องปกติ
“ฉันก็ไม่เคยเจอมาก่อน ดูไม่คุ้นหน้าเลย พวกนายก็ไม่เคยเจอเหรอ?”
หลายคนพากันส่ายหน้า
ไม่ไกล คนนั้นยืนอยู่ข้างเวินลั่วฉิง ล้วงเอากระดาษปึกหนึ่งออกมาแล้วส่งมาที่หน้าเวินลั่วฉิง: “คุณเวิน นี่คือคุณชายถังให้ผมเอามาส่งให้คุณ”
“เหรอ? มันคืออะไร?” เวินลั่วฉิงลากสายตาขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วยื่นมือไปรับเอาของจากมือคนนั้น แต่คนนั้นกลับไม่ได้ปล่อยมือในทันที
ในตอนนั้นเอง คนที่หลบอยู่ไม่ไกลคนหนึ่งอยู่ๆ ก็ล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้รูปหนึ่ง
“นายทำอะไร?” คนหนึ่งที่อยู่ข้างเขาชะงักไป มองคนที่กำลังถ่ายรูปอย่างงงงวย
“ถ่ายรูปไว้บอกคุณชายถัง จะให้คุณชายถังโดนหลอกไม่ได้” คนนั้นเบะปาก ใบหน้าแสดงชัดถึงความเหยียดหยาม
“ถ้าเป็นธุระจริงๆ ของเขาล่ะ”
“ถ้าเป็นธุระจริงจำเป็นต้องคุยกันที่นี่ไหม?”
อีกด้านหนึ่งเวินลั่วฉิงเห็นเขาไม่ปล่อยมือ ดวงตาทั้งคู่หรี่ลงแต่ก็ไม่ออกแรงดึง แต่คนนั้นกลับปล่อยมือทันทีหลังจากนั้น
เวินลั่วฉิงหยิบมาเปิดดู ความจริงแล้วเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดี มุมปากเธอยกโค้งขึ้นเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไร
“ไปเถอะ พวกเราไปกันเถอะ เดี๋ยวถ้าถูกเจอเข้าจะไม่ดี” คนที่แอบถ่ายรูปเมื่อสักครู่ลากทุกคนออกมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลายคนนั้นจากไปแล้ว คนที่ยืนอยู่ข้างเวินลั่วฉิงก็กลับไปแล้วเช่นกัน
หลังจากนั้นเวินลั่วฉิงจึงลงจากเขาแล้วกลับบ้านทันที
ทันใดนั้นอยู่ๆ เสียงสัญญาณเตือนก็ดังขึ้น เป็นเสียงสัญญาณเตือนของพวกเขาแปดตระกูลใหญ่ที่จะดังขึ้นก็ต่อเมื่อเกิดเรื่องใหญ่
ในตอนนั้นเองถังหยุนเฉิงที่กำลังทานอาหารกลางวันเสร็จ ยังไม่ได้ออกไปไหน เมื่อได้ยินเสียงสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“แย่แล้ว เกิดเรื่องแล้ว” บอดี้การ์ดประจำตัวของถังหยุนเฉิงรีบวิ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว
สีหน้าของบอดี้การ์ดร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นเวินลั่วฉิงกำลังนั่งทานเมล็ดแตงโมและดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก เขาก็ชะงักไป แต่ก็ยังรีบพูดอย่างรวดเร็ว: “เมื่อสักครู่พึ่งจับคนสอดแนมได้ และพบเอกสารลับที่ตัวของเขา คนสอดแนมคนนั้นบอกว่าเอกสารลับนั้นคุณเวินเป็นคนเอาให้เขา และมีหลายคนเห็นคุณเวินเอาเอกสารให้คนสอดแนมคนนั้นที่หลังเขาเองกับตา หลักฐานพยานครบ ตอนนี้คนของตระกูลกู้กำลังพาคนมาจับตัวคุณเวิน”
เวินลั่วฉิงที่ได้ยินที่บอดี้การ์ดพูดมุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย ดูท่าแล้วคราวนี้ตระกูลกู้เปลืองแรงไปไม่น้อยในการสร้างละครฉากใหญ่ ในเมื่อเป็นแบบนั้นเธอก็จะเล่นกับพวกเขาสนุกๆ เสียหน่อย
“เกิดอะไรขึ้น?” ถังหยุนเฉิงตะลึง ดวงตาทั้งคู่มองไปทางเวินลั่วฉิงย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าสับสนยุ่งเหยิงเป็นอย่างมาก
“ฉันก็ไม่รู้” เวินลั่วฉิงลากสายตาขึ้นมองเขา ใบหน้าไม่รู้สึกรู้สา ระหว่างพูดยังพ่นเปลือกเมล็ดแตงโมออกมาด้วย ทั้งยังพ่นลงในถังขยะที่อยู่ไม่ไกลจากตรงหน้าได้พอดี
ถังหยุนเฉิงเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอแล้วก็โกรธจนต้องกำหมัด: “ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้แล้ว เธอยังมีแก่ใจจะกินเมล็ดแตงโมดูละครอีก?”
“เมล็ดแตงโมอร่อยออก ละครก็สนุก” มุมปากของเวินลั่วฉิงโค้งขึ้นเล็กน้อยราวกับจะบอกว่าก็เป็นเช่นนั้น
“เธอ เธอ ถังหลินไอ้ลูกชั่ว อยากให้ฉันโกรธตาย……” ถังหยุนเฉิงที่สุขุมมาตลอด ในตอนนี้กลับถูกเวินลั่วฉิงทำให้โมโห
ถ้าเวินลั่วฉิงไม่ใช่เด็กผู้หญิง ถ้าเวินลั่วฉิงเป็นคนของพวกเขาตระกูลถัง เขาต้องลงมือด้วยแน่ๆ
“หยุนเฉิง คุณอย่าพึ่งร้อนรน ฟังที่ฉิ้นเอ๋อพูดก่อน” เฟิ่งเหมียวเหมียวเป็นคนที่ค่อนข้างจะสงบที่สุดในตอนนี้แล้ว
“คุณถัง พวกเขาพาคนมาจับคุณแล้ว ทำไมคุณถึงยังไม่เดือดร้อนเลยสักนิด?” บอดี้การ์ดที่มองอยู่ยังกระวนกระวายแล้ว
“เธอพูดมาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เธอทำอะไรไปกันแน่? ถ้าเธอไม่บอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อีกเดี๋ยวฉันก็จะช่วยเธอไม่ได้แล้ว”
นัยน์ตาของเวินลั่วฉิงเป็นประกายขึ้น ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถังหยุนเฉิงไม่ได้พยายามตัดหางเธอ แต่พยายามคิดว่าจะช่วยเธอได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้เจ้าพ่อถังยังด่าเธอเสียไม่มีชิ้นดี
ดูท่าแล้วเจ้าพ่อถังจะเป็นพวกปากร้ายใจดี?
เวินลั่วฉิงรู้สึกอบอุ่นและซาบซึ้งในใจเล็กน้อย คนตระกูลถังล้วนให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และความชอบธรรม
แม้ว่าเจ้าพ่อถังไม่ชอบเธอ และเธอขัดหูขัดตาเขาอยู่มาก แต่ในช่วงเวลาสำคัญยังคงปกป้องเธออย่างไม่ลังเล
ด้วยเหตุนี้เธอจึงพยายามอย่างมากเพื่อที่จะไขคดีให้ได้
เวินลั่วฉิงยังไม่ทันได้ตอบอะไร กู้เจิ้งหลุนก็ได้พาคนเข้ามาแล้วเห็นได้ชัดว่ามาจับเธอ
“พวกนายจะทำอะไร?” ถังหยุนเฉิงเห็นกู้เจิ้งหลุนที่พาคนเข้ามาเลย สีหน้าจึงครึ้มลงอย่างเห็นได้ชัด
“พวกเรามาธุระด่วนของทางการ ถ้าเป็นการรบกวนหวังว่าจะให้อภัย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กและเป็นความลับ เป็นคำสั่งจากหัวหน้ากงโดยตรงให้พวกเรามาจับคน หัวหน้ากงตอนนี้กำลังรีบเดินทางมา หัวหน้ากงต้องการตรวจสำนวนและสรุปเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นจะถูกหรือผิดหัวหน้ากงจะตรวจสอบให้ชัดเจนเอง” คำพูดของกู้เจิ้งหลุนยังถือว่ามีความเกรงใจ แต่สีหน้ากลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเขามองไปทางเวินลั่วฉิงก็ออกสั่งทันที: “เข้ามา เอาตัวเธอไป”