ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 498 ความสวยและความสามารถของเธอ ช่างน่าตกใจ (8)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 498 ความสวยและความสามารถของเธอ ช่างน่าตกใจ (8)
บทที่ 498 ความสวยและความสามารถของเธอ ช่างน่าตกใจ (8)
เวินลั่วฉิงสวมแว่นกันแดดก่อนที่กู้เจิ้งหลุนจะพาคนเข้ามา ก่อนที่เธอจะออกจากห้องมาเธอยังถือโอกาสหยิบหน้ากากอนามัยมาสวมอีก ดังนั้นตอนนี้ทุกคนจึงมองไม่เห็นท่าทางและสีหน้าของเธอ
“เด็กคนนี้พูดก็มีเหตุผล ต่อให้เด็กคนนี้เคยเจอกับคนสอดแนมนั่น ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเธอเป็นคนเอาเอกสารลับให้คนสอดแนมคนนั้น” ท่านปู่หลี่ต้องการปกป้องถังหยุนเฉิง เป็นธรรมดาที่จะเลือกข้างที่เป็นประโยชน์ต่อถังหยุนเฉิง
ถังหยุนเฉิงคิ้วกระตุกเล็กน้อย เด็กคนนี้ก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น ยังรู้จักแก้ต่างให้ตัวเอง ที่พูดมาก็ถือว่ามีเหตุผลมากพอ
เพียงแต่เรื่องนี้ตระกูลกู้กุขึ้นอย่างชัดเจน คนสอดแนมคนนั้นต้องเป็นคนของตระกูลกู้ที่หามาแน่นอน ดังนั้นทางเลือกนี้ของเธอจึงถือว่าเป็นทางตัน
เธอยังคิดตื้นๆ เกินไป ยังบริสุทธิ์เกินไป!!
“นี่ไม่ใช่เรื่องยาก สอบสวนคนสอดแนมนั่นก็รู้แล้วไม่ใช่?” ท่านปู่หลิวกลับหัวเราะออกมาเสียงเย็น
“พูดมา ใครเป็นคนเอาเอกสารลับให้นายกันแน่?” หัวหน้ากงหันกลับไปที่คนสอดแนมคนนั้นอีกครั้งด้วยท่าทางการสอบปากคำที่เฉียบขาด
คนสอดแนมเงยหน้า มองไปทางเวินลั่วฉิงอีกครั้ง แววตาเจือความลังเลเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร แล้วก้มหน้าลง
ต้องบอกว่าแสดงได้ดีเลยทีเดียว
แน่นอนว่าที่สำคัญคือผู้บงการให้สัญญาณ เวินลั่วฉิงเห็นกู้หนานขยิบตาให้ผู้ชายคนนั้นอย่างชัดเจน
ตอนแรกแผนการของเวินลั่วฉิงคือโจมตีกู้หนาน เธอจงใจซ่อนความสามารถของตนเอง จงใจบอกกับกู้หนานว่าเธอเป็นแฟนสาวของถังหลิน
เป้าหมายของเวินลั่วฉิงคือต้องการสร้างเรื่องขึ้นมานิดหน่อย ดังนั้นเธอจึงเลือกกู้หนาน เดิมคิดว่าตระกูลกู้จะไม่ทำให้มันเลยเถิดนัก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตระกูลกู้จะน่ากลัวอำมหิต และไร้ยางอายถึงขนาดนี้
“ตีซะ ตีจนกว่ามันจะพูด” เห็นคนสอดแนมคนนั้นไม่พูดอะไร หัวหน้ากงก็ออกคำสั่งทรมาน
“พูดแล้ว ฉันพูดแล้ว อย่าตีเลย ฉันจะสารภาพหมดเลย” ยังตีได้ไม่กี่ทีคนสอดแนมคนนั้นก็ทนไม่ไหว
เวินลั่วฉิงยิ้มเย็นในใจ ตอนแรกไม่ยอมสารภาพ ตีแค่ไม่กี่ทีก็สารภาพหมดเปลือก ละครเรื่องนี้เล่นได้ดีจริงๆ
ถ้าคนสอดแนมสารภาพตั้งแต่แรก อาจทำให้คนสงสัยได้ แบบตอนนี้ถึงจะสมจริงมากกว่า
“พูดมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ใครเป็นคนเอาเอกสารลับให้นายกันแน่?” หัวหน้ากงสอบสวนต่อ โอกาสที่จะจัดการได้อยู่มือกำลังดี
“เอกสารเธอเป็นคนเอาให้ฉัน” ครั้งนี้คนสอดแนมนั่นชี้มาทางเวินลั่วฉิง ไม่อมพะนำเหมือนเมื่อสักครู่แล้ว
สีหน้าคนของตระกูลกู้พอใจขึ้นไม่มากไม่น้อย
แววตาของถังหยุนเฉิงไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะเขาไม่ได้คาดหวังกับเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่แรก คิดถึงผลลัพธ์แบบนี้ได้นานแล้ว
เดิมเขาก็รู้แล้ว ทางที่เด็กคนนั้นเดินเป็นทางตัน
เด็กคนนั้นคิดเรื่องนี้ตื้นเกินไป นี่เป็นหลุมที่ตระกูลกู้วางเอาไว้ แล้วเธอก็กำลังกระโดดลงไปในหลุมที่ตระกูลกู้ขุดเอาไว้
“นายรู้จักเธอไหม?” หัวหน้ากงถามต่ออีกทันที
“รู้จัก เธอเป็นคนที่ถังหยุนเฉิงเชิญมาช่วยไขคดี ชื่อถังฉิ้นเอ๋อ” คราวนี้คนสอดแนมคนนั้นตอบอย่างรวดเร็วและชัดถ้อยชัดคำ
เขาเน้นตรงที่ถังหยุนเฉิงเชิญเธอกลับมาช่วยไขคดีเป็นพิเศษ
คำว่าเชิญแค่คำเดียวก็ทำให้ถังหยุนเฉิงปลีกตัวออกจากเรื่องนี้ได้ยาก
“ที่แท้ก็เป็นถังหยุนเฉิงเชิญกลับมา ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็น่าสนใจแล้ว” ท่านปู่หลิวแสดง ‘ความคิดเห็นที่เหนือชั้น’ ของเขาออกมาเล็กน้อย
“เป็นคนที่หยุนเฉิงเชิญมา หยุนเฉิงต้องรับผิดชอบก็จริง แต่ถ้าเด็กคนนั้นแอบก่อเรื่องลับหลัง หยุงเฉิงเองก็ไม่รู้ อีกอย่าง เด็กคนนั้นอาจจะไม่รู้จักตัวตนคนสอดแนมนี่หรืออาจจะไม่รู้รายละเอียดของคนสอดแนมนี่” ท่านปู่หลี่ตอนนี้พยายามช่วยถังหยุนเฉิง เขาอยากเสียผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยเพื่อรักษาผลประโยชน์ที่มากกว่า
เพียงแต่ว่ารีบไปหน่อย
“ถ้าอย่างนั้นเธอรู้จักนาย รู้รายละเอียดนายไหม?” หัวหน้ากงทำตามคำพูดของท่านปู่หลี่ มองไปที่ ‘คนสอดแนม’ แล้วถามขึ้นอีกครั้ง
“รู้” คนสอดแนมคนนั้นไม่ได้ลังเลอะไรมากนัก จึงพยักหน้า
ในตอนนี้คนสอดแนมนี่พูดแบบนี้ ต่อให้เวินลั่วฉิงไม่ยอมรับก็ไม่มีประโยชน์
คนที่อยู่ในสถานการณ์ต่างเข้าใจตรรกะนี้
เมื่อสักครู่สิ่งเดียวที่เวินลั่วฉิงสามารถโต้แย้งได้ก็คือคนสอดแนมนี่ไม่ได้ชี้ตัวตัวเธอ ตอนนี้คนสอดแนมชี้ตัวเธอแล้ว ถ้าอย่างนั้นเธอก็หมดหนทางแก้ตัวแล้ว
กู้หนานมองไปทางเวินลั่วฉิง ดวงตาทั้งคู่ซ่อนรอยยิ้ม คราวนี้คอยดูว่าผู้หญิงคนนี้จะแก้ตัวว่าอย่างไร
“ถังฉิ้นเอ๋อ คุณมีอะไรจะพูดอีกไหม?” คราวนี้หัวหน้ากงหันกลับมามองที่เวินลั่วเฉิง
“ก็ได้ ฉันยอมรับว่ารู้จักเขา” เวินลั่วฉิงพยักหน้าเบาๆ ยอมรับตามตรง ในตอนนี้เธอสวมหน้ากากอนามัย ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นว่ามุมปากของเธอยกยิ้มขึ้นบางเบา
เมื่อเวินลั่วฉิงพูดจบ ทุกคนต่างตะลึงชะงักไป……
ตอนนี้คนสอดแนมชี้ตัวเธอแล้ว ทุกคนล้วนคิดว่าเธออาจจะไม่มีทางแก้ตัวแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะยอมรับตามตรงแบบนี้
อย่างไรก็ตามถ้าตอนนี้เธอออกปากยอมรับเองแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่มีทางหนีทีไล่อีกแล้ว
“เธอ เธอมันตัวซวย เธอตั้งใจใช่ไหม” นิสัยของท่านปู่หลี่ใจร้อนที่สุดตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ลุกขึ้นยืนแล้วเริ่มด่าทอเวินลั่วฉิง
สีหน้าถังหยุนเฉิงในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่แรกเขาก็รู้ว่าเป็นแผนการร้ายของตระกูลกู้ ดังนั้นจึงยอมรับว่าเธอไม่รู้อะไร
ดังนั้นแค่เธอไม่ยอมรับ เรื่องนี้ย่อมมีวิธีคลี่คลาย แต่ถังหยุนเฉิงคิดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่าเธอจะยอมรับแบบนี้
หรือว่าเด็กคนนี้ตั้งใจทำร้ายครอบครัวเขา แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ใจของถังหยุนเฉิงถึงได้ขัดแย้งต่อความคิดนี้เป็นอย่างมาก
เวินลั่วฉิงกวาดตามองทุกคน ยกมือขึ้นชี้ไปที่คนสอดแนมคนนั้น ริมฝีปากแดงเผยอขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดช้าๆ ทีละคำ: “เขาเป็นคนขององค์กรหงหู”
เมื่อเธอพูดจบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไป แต่สีหน้าของคนสอดแนมนั้นยังปกติ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จักว่าองค์กรหงหูคืออะไร
“องค์กรหงหูเป็นหน่วยที่เหี้ยมโหดที่สุด และเป็นศัตรูตัวใหญ่ที่สุดของแปดสุดยอดวงศ์ตระกูล บรรพบุรุษตระกูลเคยสั่งไว้ว่าถ้าเจอคนขององค์กรหงหูต้องยิงทิ้งทันที ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรจะรอช้าไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้น พวกคุณยังรีรออะไรอีก?” เวินลั่วฉิงหรี่ตาลง ครั้งนี้น้ำเสียงเย็นกดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังเจืออำนาจที่ทำให้ผู้คนยอมจำนนโดยไม่รู้ตัว
“นี่เธอคิดจะฆ่าคนปิดปากใช่ไหม?” กู้หนานนัยน์ตาเข้มขึ้นเล็กน้อย ถลึงตาใส่เวินลั่วฉิง
“ที่เธอพูดหมายความว่าอย่างไร ในเมื่อเขาเป็นคนขององค์กรหงหู แล้วฉันที่ติดต่อกับคนขององค์กรหงหูจะหนีความผิดพ้นเหรอ?”
เวินลั่วฉิงกลับหัวเราะเสียงเบาโดยเสียงหัวเรานั้นนุ่มนวลเป็นพิเศษ
ในตอนนั้นเองทุกคนที่ได้ยินกลับรู้สึกแปลกประหลาด เหมือนจะมีความที่น่าขนลุก!