ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 559 ฝีมือผู้ใหญ่ตระกูลเย่ทั้งสอง คุณชายสามเย่โต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัว (6)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 559 ฝีมือผู้ใหญ่ตระกูลเย่ทั้งสอง คุณชายสามเย่โต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัว (6)
บทที่ 559 ฝีมือผู้ใหญ่ตระกูลเย่ทั้งสอง คุณชายสามเย่โต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัว (6)
เธอนึกถึงสิ่งเหล่านั้นที่เย่ซือเฉินทำเพื่อเธอ ทำให้ใจที่ตอนแรกยังรู้สึกลังเลอยู่นั้น ยิ่งมั่นคงมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เธอไม่มีทางรับปากพวกเขา
“คุณนี่มันเป็นผู้หญิงที่หน้าด้านจริงๆ ทำไมคุณจะต้องมายุ่งกับซือเฉินด้วย คุณหน้าตาไม่สวยไม่ว่า อีกอย่างคุณก็มีลูกไม่ได้ ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้อย่างคุณ ทำไมยังหน้าด้านมาพัวพันซือเฉินของเราไม่ยอมเลิกราสักที” คุณปู่เย่ทนไม่ได้จนโมโหมาก ดังนั้นจึงไม่สนใจอะไรแล้ว
คำพูดนั้นน่าเกลียดมากจริงๆ
ได้ยินคำพูดของคุณปู่เย่ เวินลั่วฉิงตะลึงจนตัวชา สองตาค่อยๆหันไปมองคุณปู่เย่
เวินลั่วฉิงแอบหัวเราะอยู่ในใจ ดี ดีมาก
คิดแล้วว่าเหตุผลที่พวกเขาตั้งใจมาหาเธอในวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้จริงๆ
ใช่ ตอนนี้เธอไม่สามารถมีลูกได้ บางที คนอื่นอาจจะด่าว่าเธอเช่นนี้ได้ แต่ว่ามีแต่คนในครอบครัวของพวกเขาไม่มีสิทธิ์
“ฉิงฉิง ฉันรู้ว่าคุณเป็นเด็กดี ที่แรกจริงๆแล้วเรื่องของคุณกับซือเฉินเราไม่คัดค้านแล้วนะ แต่ว่าคุณมีลูกไม่ได้ คลอดลูกไม่ได้ ถ้าคุณแต่งงานกับซือเฉิน ก็จะทำให้ซือเฉินหมดสิทธิ์ความเป็นพ่อ นี่มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายมากเกินไปสำหรับซือเฉินเลยนะ ถ้าคุณรักซือเฉินจริงๆ ก็ปล่อยซือเฉินไปเถอะ” คุณปู่เย่ตะคอกด้วยความโมโห แล้วคุณย่าเย่ก็เริ่มมาไม้อ่อนต่อ
เวินลั่วฉิงอยากหัวเราะ เธอทำลายสิทธิ์ที่จะเป็นพ่อของเย่ซือเฉิน? ใช่เหรอ?
ถ้าตอนนี้ไม่ว่าเธอจะแต่งงานกับผู้ชายคนไหน จะทำให้ผู้ชายคนนั้นหมดสิทธิ์การเป็นพ่อก็จริง มันอาจจะไม่ยุติธรรมต่อผู้ชายคนนั้นจริงๆ ก็อาจจะโหดร้ายจริง
แต่ว่านอกจากเย่ซือเฉินคนเดียว
เธอได้มีลูกตั้งสองคนให้กับเย่ซือเฉินแล้ว
แต่ว่า เวินลั่วฉิงยังไม่อยากบอกเรื่องนี้กับพวกเขาในตอนนี้ ในขณะนี้เห็นท่าทางของคุณปู่เย่และคุณย่าเย่แล้ว เธอรู้สึกได้แค่ว่ามันประชดประชันกันมาก
“นั่นสิ คุณปล่อยซือเฉินไปเถอะนะ ขอร้องคุณล่ะ อย่าทำร้ายซือเฉินเลย อย่าทำร้ายตระกูลเย่อีกเลย” คุณปู่เย่ก็รีบพูดเพิ่มเติมอีกคำ น้ำเสียงก็อ่อนข้อลงบ้าง
“ฉิงฉิง ฉันเชื่อว่าคุณต้องเข้าใจความลำบากใจของคนแก่อย่างเราทั้งสอง คุณรับปากเราได้ไหม? รับปากพวกเราว่าจะเลิกกับซือเฉินได้ไหม?” บนใบหน้าของคุณย่าเย่เต็มไปด้วยความเศร้าและเจ็บปวด ตอนที่เธอพูดก็อยากจะไปจับมือของเวินลั่วฉิง
แต่ว่าเวินลั่วฉิงถอยหลบไป
คุณย่าเย่ตะลึงเล็กน้อย แต่ทั้งสองตามองหน้าเวินลั่วฉิง บนใบหน้าเต็มไปด้วยการร้องขอ ไม่พูดไม่ได้ว่าแววตาของคุณย่าเย่ในขณะนี้เหมือนจริงมาก
“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันรับปากท่านไม่ได้” เวินลั่วฉิงเม้มปาก ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านของตระกูลเย่ข่มขู่บังคับคนขนาดนี้ เธอรู้สึกโมโหมาก รู้สึกโกรธด้วย เธอถึงกับโกรธเย่ซือเฉินด้วย แต่ว่าเธอกลับไม่รับปากจะเลิกกับเย่ซือเฉิน
เพราะเรื่องที่คุณปู่เย่และคุณย่าเย่ทำเช่นนี้ เย่ซือเฉิงไม่รู้เรื่องด้วย ถ้าเธอรับปากพวกเขาจริงๆ มันไม่ยุติธรรมสำหรับเย่ซือเฉิน
เธอนึกถึงสิ่งที่เย่ซือเฉินทำเพื่อเธอเมื่อคืนนี้ที่บ้านตระกูลถัง ยอมถูกคุณปู่ถังใช้ไม้เท้าตี กลางคืนยังแอบเข้าไปอยู่ในห้องนอนของเธอ ยังไงก็จะค้างคืนอยู่กับเธอให้ได้
ทุกอย่างที่เย่ซือเฉินทำก็เพื่อเธอทุกอย่าง เธอรู้เธอเข้าใจ ดังนั้น เธอรับปากคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ไม่ได้
เซี่ยเถียนเถียนที่หลบอยู่ข้างนอกมองจนตาค้างตะลึงไปเลย ปู่ย่าตระกูลเย่ทั้งสองขอร้องเวินลั่วฉิงขนาดนี้ เวินลั่วฉิงกลับใจร้ายไม่ยอมรับปาก ปฏิเสธอย่างหน้าด้านๆขนาดนี้?
สองตาของเซี่ยเถียนเถียนกระพริบๆอย่างเร็ว จากนั้นหยิบมือถือออกมา อัดวิดีโอไว้
“คุณ คุณ คุณมันผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายจริงๆ ทำไมคุณถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ นี่คุณคิดจะบีบให้เราตายไปเลยหรือไง?” คุณปู่เย่ยืดหน้าอกพองออกมาเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าร้อนใจเกิน สองตาของเขาจ้องมองเวินลั่วฉิงอย่างโหดร้าย ตะคอกเหมือนพูดไม่ค่อยออก: “คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง หน้าตาก็น่าเกลียดขนาดนี้ แล้วยังมีลูกไม่ได้ อีกอย่างคุณก็รู้ว่าเย่ซือเฉินไม่ชอบคุณ ทำไมคุณยังจะมายุ่งเกี่ยวกับซือเฉินอีก ถ้าไม่ใช่อยากได้เงินของซือเฉิน ผู้หญิงอย่างคุณไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง ยังโลภมากอย่างนี้ ฉันจะยอมให้ซือเฉินเอาคุณเป็นเมียได้ยังไง จะยอมให้คุณเข้ามาในตระกูลเย่ได้ยังไง”
“วันนี้ คนแก่ๆอย่างเราทั้งสองคนถึงกับขอร้องคุณเช่นนี้แล้ว คุณก็ยังไม่ยอมปล่อยซือเฉินอีก ไม่ยอมปล่อยตระกูลเย่ของเราด้วย คุณคิดจะบีบคั้นให้คนแก่ๆอย่างเราสองคนให้ถึงตายเลยหรือไง ดี วันนี้ฉันจะทำให้คุณสมหวังดั่งใจคิด ฉันจะกระโดนลงไปเดี๋ยวนี้ตอนนี้เลย” คุณปู่เย่พุ่งไปนอกระเบียงหน้าต่าง ยังทำท่าทำทางจะก้าวขา จะปีนขึ้นไป
เวินลั่วฉิงหันไปมองเขา ไม่ขยับ แล้วก็ไม่ออกเสียง เธอก็ไม่เข้าไปห้าม หน้าต่างของโรงพยาบาลปิดตายไว้หมด ปกติก็เพราะกลัวว่าคนไข้จะทนความเจ็บปวดไม่ไหวและฆ่าตัวตาย ดังนั้น ไม่มีทางกระโดดลงไปได้หรอก คุณปู่เย่กำลังแสดงชัดๆ คุณปู่เย่ก็แค่อยากใช้วิธีนี้บีบบังคับเธอ
เซี่ยเถียนเถียนที่หลบอยู่ข้างนอกสีหน้าเปลี่ยนด้วยความตกใจมาก อยากจะเข้าไปห้าม แต่ว่าเธอคิดได้ว่าตนเองยังกำลังอัดคลิปอยู่ ภาพที่พิเศษขนาดนี้ เธอจะต้องอัดไว้ให้ได้
ในเมื่อตอนนี้คุณปู่เย่ก็ยังไม่กระโดด
“ฉิงฉิง ฉันขอร้องคุณ ขอร้องคุณล่ะนะ คุณปล่อยซือเฉินไปเถอะ ชีวิตของคนแก่ๆอย่างเราทั้งสองไม่เอาก็ได้ เราแค่ขอให้คุณอย่างทำร้ายซือเฉินเลย อย่างอื่นเราไม่ถือสาก็ได้ คุณจะอยากได้เงินของซือเฉินหรือไม่เราก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ว่าคุณมีลูกไม่ได้ มีลูกไม่ได้ ตระกูลเย่ของเราจะไม่มีผู้สืบทอดตระกูลไม่ได้ ซือเฉินของเราจะไม่มีลูกไม่ได้” คุณย่าเย่ร้องไห้ขึ้นมาทันที ในขณะที่เธอโห่ร้องไห้ มายืนตรงหน้าเวินลั่วฉิง ทำท่าจะคุกเข่าให้เวินลั่วฉิง: “ฉิงฉิง ฉันขอร้องคุณล่ะ ปล่อยซือเฉินไปเถอะ ฉันคุกเข่าขอร้องเธอล่ะ”
เวินลั่วฉิงมองหน้าคุณย่าเย่อย่างเย็นชา ไม่ได้ห้ามเธอ แค่มองอย่างเย็นชาอยู่อย่างนั้น เธอเห็นคุณย่าเย่งอเข่าหลายที แต่ก็ไม่คุกเข่าลงไปอยู่ดี แค่มองดูเธอร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจมากยิ่งขึ้น
ในใจของเวินลั่วฉิงยิ้มอย่างเยือกเย็น เห็นทีคุณย่าเย่ผู้นี้ช่างมีฝีมือการแสดงเก่งจริงๆ
คุณย่าเย่นึกไม่ถึงว่าเวินลั่วฉิงไม่คิดจะห้ามเธอเลยสักนิด ยิ่งนึกไม่ถึงว่าเวินลั่วฉิงจะใจแข็งได้ถึงขนาดนี้
คุณย่าเย่ทำใจ จะคุกเข่าลงไปจริงๆแล้ว
“คุณย่าเย่คะ ท่านอย่าไหว้ฉันเลย ฉันรับไม่ไหวหรอกค่ะ” แต่ว่า ในขณะที่เวินลั่วฉิงเอ่ยปากพูดขึ้นมากะทันหัน น้ำเสียงของเธอเยอกเย็นมาก ไม่มีความรู้สึกเลยสักนิดเดียว
เธอก็ไม่ใช่นางฟ้าผู้ใจดีอะไร ดังนั้น เธอไม่มีความรู้สึกที่เห็นใจเลย
เธอรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี คุณย่าเย่ต้องการจะบีบบังคับเธอจึงต้องแสดงละครบทนี้
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอไม่แคร์ไม่สนใจหรอก แต่ว่าตอนนี้ เธอแคร์ เธอแคร์ทุกอย่างในสิ่งที่เย่ซือเฉินทำให้เพื่อเธอ แค่ความรู้สึกที่เย่ซือเฉินมีต่อเธอ
ดังนั้น เธอรับปากไม่ได้
คุณย่าเย่ได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิงรู้สึกตะลึงนิดๆ ตอนที่เห็นแววตาสีหน้าของเวินลั่วฉิง ทั้งตัวของเธอเกร็งเล็กน้อย: “ฉิงฉิง ฉันนึกไม่ถึงว่าคุณจะเยือกเย็นขนาดนี้ ใจร้ายถึงขนาดนี้”
เห็นได้ชัดว่าคุณย่าเย่ไม่ทนแสดงอีกต่อไป ไม่ใช้คำพูดอ่อนโยนอ้อนวอนร้องขอเหมือนเมื่อสักครู่นี้อีกแล้ว