ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 562 ถังจื่อโม่ไปพบคุณย่าแท้ๆ (2)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 562 ถังจื่อโม่ไปพบคุณย่าแท้ๆ (2)
บทที่ 562 ถังจื่อโม่ไปพบคุณย่าแท้ๆ (2)
“รู้จักกันเมื่อสองวันก่อน คุณป้าท่านนี้มีความเมตตา ใจดีมากๆ เด็กทั้งสองคนก็เข้ากับท่านได้ดี สิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากก็คือเด็กทั้งสองคนก็ชอบท่านเป็นพิเศษ ไม่อยากกลับไป”น้ำเสียงของเยว่หงหลิงแฝงรอยยิ้มไว้หลายส่วน
“ความหมายของพี่คือ คุณป้าคนนั้นสำคัญกว่าคนเป็นแม่อย่างฉันเสียอีก?”เวินลั่วฉิงเบ้ปาก จู่ๆก็รู้สึกหึงหวงขึ้นมาเล็กน้อย ลูกทั้งสองคนของเธอ เพียงเพื่อคุณป้าที่เพิ่งรู้จักก็ถึงกับยืดเวลากลับมาหาแม่แท้ๆอย่างเธอ?
“ฮ่าๆๆ……”เยว่หงหลินหัวเราะเสียงดังลั่น“ทำไม?คุณหึงเหรอ?วางใจเถอะ ฉันคอยดูแลเด็กน้อยทั้งสองคนทุกฝีก้าว พรุ่งนี้พวกเราค่อยกลับไปนะ”
“คุณป้าคนนั้นคือใคร?”เวินลั่วฉิงรู้สึกแปลกๆ ทำไมออกไปท่องเที่ยวยังไปรู้จักคนอย่างนี้ได้?
เจอกันโดยบังเอิญจริงๆเหรอ?หรือมีคนจงใจจัดเตรียมไว้แล้ว?
เธอรู้ว่ารุ่นพี่ต้องรู้เรื่องที่เธอจะรับเด็กทั้งสองคนกลับเมือง Aมาอย่างแน่นอน
เธอรู้ว่ารุ่นพี่ไม่มีทางรั้งเด็กสองคนนี้ไว้อย่างเปิดเผย แต่มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะแอบทำอะไรลับๆอยู่ด้านหลัง
“ท่านเป็นภรรยาของเหลยเห้อ คุณรู้จักเหลยเห้อใช่ไหม ก็คือ……”เยว่หงหลิงก็เป็นเพราะเหลยเห้อถึงได้ปัดการระมัดระวังทิ้ง
ตกลงให้เด็กทั้งสองคนไปเที่ยวหาได้
“ภรรยาของคุณเหลยเห้อ?”เวินลั่วฉิงหยุดชะงัก นึกถึงครั้งก่อนเหลยเห้อไปช่วยเหลือเธอโดยเฉพาะ มุมปากพลันยิ้มบางๆ“หากเป็นภรรยาของคุณเหลยเห้อ ฉันก็วางใจแล้ว”
“วางใจได้ มีฉันอยู่ทั้งคน มีหรือจะปล่อยให้เด็กทั้งสองคนถูกลักพาตัวไป?”เยว่หงหลิงพูดหยอกล้อ“บางครั้งวาสนาก็แปลกมากๆ คุณว่าทำไมเด็กสองคนนี้ถึงได้สนิทกับคุณนายเหลยมากถึงเพียงนี้?คุณไม่รู้หรอก เด็กสองคนนี้เรียกคุณย่า คุณย่าเสียสนิทปากเลย ฉันยังเคลิ้มตามเลย”
“อืม บางครั้งวาสนาก็แปลกมากๆจริงๆ”เวินลั่วฉิงก็หัวเราะเบาๆ ในเมื่อเป็นคนที่บ้านเหลยเห้อ เธอก็ไม่มีเหตุผลต้องกังวลอะไรแล้ว
“ใช่แล้ว ฝั่งคุณไปถึงไหนแล้ว?คุยกับคุณชายสามเย่เรียบร้อยแล้วหรือยัง?เขารู้เรื่องเด็กทั้งสองคนหรือยัง?”เยว่หงหลิงอดถามหนึ่งประโยคไม่ได้
“ยังไม่รู้เลย”เยว่หงหลิงพูดถึงเย่ซือเฉิน ทำให้เวินลั่วฉิงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่
สำหรับเรื่องของเด็กทั้งสองคน ตอนแรกเธอตัดสินใจจะบอกเย่ซือเฉินอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เธอรู้สึกสับสนซับซ้อน
ความกล้าหาญที่เมื่อคืนเพิ่งจะมีก็เริ่มสั่นคลอเสียแล้ว
“คุณยังไม่ได้บอกเขาเหรอ?”เยว่หงหลิงไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร พลางพูดด้วยน้ำเสียงมีชีวิตชีวาอยู่หลายส่วน “ไม่บอกก็ดีไปอย่าง ให้เขาสังเกตเห็นเอง อย่างนี้ถึงจะมีความหมายมากกว่า ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มากๆ ดังนั้นฉันรู้สึกว่าช่วงเวลาที่คุณชายสามเย่รู้ความจริงเองจะน่าสนใจ มีสีสันมากกว่า”
เยว่หงหลิงหยุดพูด จากนั้นก็กล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม“แต่ด้วยสติปัญญาของคุณชายสามเย่ หากเด็กๆกลับไปถึงเมืองAเมื่อไหร่ เขาต้องรู้แน่ๆ ฉันรู้สึกอยากจะเห็นท่าทางการตอบสนองของคุณชายสามเย่ เมื่อรู้ความจริงเสียแล้ว คงต้องตื่นตาตื่นใจเป็นแน่”
เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของเธอ อดกระตุกที่มุมปากไม่ได้ มีคนจำพวกชอบดูความครึกครื้นแบบไม่กลัวเรื่องจะบานปลายใหญ่โตเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้ว
“โอเค ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว คุณเหลยเห้อกับคุณนายเหลยมารับเด็กทั้งสองคนแล้ว ฉันไปกับพวกเขาก่อน พรุ่งนี้ค่อยพาเด็กๆกลับไปที่เมืองA”เยว่หงหลิงอธิบายสองประโยคพลันวางสาย
เวินลั่วฉิงมองมือถือที่วางสายแล้ว รู้สึกมึนงงเล็กน้อยกับเรื่องคุณเหลยเห้อกับคุณนายเหลยไปรับลูกรักทั้งสองด้วยกัน?เห็นท่าพวกเขาจะชอบลูกรักทั้งสองคนจริงๆ
มีคนชื่นชอบลูกของเธอ เธอต้องดีใจอยู่แล้ว แต่ต้องจริงใจไม่ใช่แอบแฝงเจตนาอื่นไว้ด้วย
“คุณย่ามารับพวกเราแล้วเหรอคะ?”ถังจื่อซีเห็นเมิ่งหยูเยียนพลางโถมตัวเข้าหาด้วยใบหน้าตื่นเต้นดีใจ
เมิ่งหยูเยียนรีบคุกเข่าลงไปอุ้มเธอ“ช้าหน่อย ช้าหน่อย เดี๋ยวล้ม”
เมิ่งหยูเยียนมองหน้าถังจื่อซี รอยยิ้มบนใบหน้าเบ่งบานออกมาไม่ขาดสาย หล่อนรู้สึกยิ่งดูก็ยิ่งชอบเด็กทั้งสองคนนี้เป็นอย่างมาก
ผลตรวจDNAเมื่อวานซืนออกมาแล้ว ผลปรากฏว่าเด็กคนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเลือดของเธอเลย
เหลยเห้อเป็นคนไปตรวจDNAเองกับมือ ไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด
แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เธอชอบพวกเขาเป็นพิเศษ
ดังนั้นถึงแม้พวกเขาไม่ใช่ลูกของเย่ซือเฉิน แต่หล่อนก็อดมาหาพวกเขาไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าเด็กทั้งสองคนก็ชอบหล่อนมาเช่นกัน หรืออาจจะเรียกว่ามีวาสนาต่อกันก็เป็นได้
แต่สิ่งที่เมิ่งหยูเยียนไม่รู้ก็คือ เส้นผมที่เธอเอาบนศีรษะของถังจื่อซีถูกสับเปลี่ยนแต่แรกแล้ว
วันนั้น การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของถังไป๋เชียนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะเขารับรู้เป้าหมายในการมาเยือนที่แท้จริงของเมิ่งหยูเยียน ดังนั้นจึงจงใจสับเปลี่ยนเส้นผมไป
ตอนที่ถังไป๋เชียนเดินไปถึง เมิ่งหยูเยียนยังไม่ได้วางเส้นผมลง ถังไป๋เชียนจึงถือโอกาสเอาเส้นผมที่เขาเตรียมมาเปลี่ยนไปอยู่ในมือของเมิ่งหยูเยียนแทน
ตอนนั้นเมิ่งหยูเยียนจดจ่ออยู่กับเด็กๆ ซึ่งขณะนั้นมือโดนสัมผัสอะไรบางอย่างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร
“สวัสดีครับคุณย่า”ถังจื่อโม่ก็เดินเข้ามา ถึงแม้เขาไม่ได้กระตือรือร้นเฉกเช่นถังจื่อซี แต่ใบหน้าของเขาก็ประดับรอยยิ้มไว้เหมือนกัน
“อืม อืม เป็นเด็กดีจังเลย”เมิ่งหยูเยียนมองเด็กน้อยทั้งสองตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยนราวกับสามารถหยดน้ำออกมาได้ก็ไม่ปาน
เหลยเห้อเห็นท่าทางของหล่อนพลันรู้สึกมีเบิกบานใจ เขาพบว่าทุกครั้งที่หล่อนได้พบหน้าเด็กๆทั้งสองคนนี้ก็จะมีความสุขเป็นพิเศษ
คล้ายกับเดินออกมาจากความมืดมนในอดีตได้แล้ว
เขาอยากเห็นเรื่องอย่างนี้เป็นที่สุด
“ย่าทำของอร่อยๆมาเยอะเลยนะ รอพวกหนูไปกินกันนะ ไปขึ้นรถกันเถอะ”ตอนที่เหลยเห้อมองเด็กทั้งสองคน แววตามีความอ่อนละมุนมาหลายส่วน
ผู้หญิงของเขาชอบ เขาก็ต้องชอบเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว อันนี้น่าจะเป็นอย่างที่เขาเรียกว่ารักบ้านพลอยรักอีกาที่เกาะอยู่บนหลังคาด้วย (รักสิ่งของหรือคนรอบข้างของคนที่รักเรา)
“ดีค่ะ ดีค่ะ”ถังจื่อซีได้ยินว่ามีของกินก็ยิ่งตื่นเต้นดีใจเข้าไปใหญ่ พลางพยักหน้าหงึกๆ
เหลยเห้อยิ้มพร้อมกับส่ายหัว จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นรถ
คำพูดของเหลยเห้อไม่โอเวอร์เลยสักนิด หลังจากที่เด็กน้อยทั้งสองตอบรับคำเชิญของพวกเขา เมิ่งหยูเยียนตื่นนอนตอนยังไม่ถึงตีห้า จากนั้นก็เข้าครัวทำอาหารอร่อยๆไว้หลายอย่าง
ถังจื่อโม่เห็นอาหารบนโต๊ะก็ชะงักค้าง ล้วนเป็นอาหารโปรดของเขาทั้งนั้นเลย?แน่นอนว่าน้องสาวก็ชอบด้วย
เขาเหมือนไม่เคยบอกว่าตนชอบกินอะไรมาก่อน?ทำไมคุณย่าถึงรู้ล่ะ?
“โธ่ เป็นอาหารที่พี่กับหนูชอบทั้งนั้นเลย อันนี้ อันนี้ และอันนี้พี่หนูชอบกินมากที่สุดเลยค่ะ”ถังจื่อซีเห็นของอร่อยเต็มโต๊ะ น้ำลายพลันไหลยืดออกมา
สำหรับนักกินตัวยงอย่างถังจื่อซีนั้นไม่ได้ช่างเลือกเลย ชอบกินทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่พี่ชายของเธอไม่เหมือนกัน พี่ชายช่างเลือก แต่บังเอิญว่าอาหารวันนี้มีแต่ของโปรดของพี่ชายทั้งนั้นเลย ช่างวิเศษไปเลย