ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 602 คุณท่านทั้งสองของตระกูลเย่ได้พบเจอกับเด็ก ๆ แล้ว (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 602 คุณท่านทั้งสองของตระกูลเย่ได้พบเจอกับเด็ก ๆ แล้ว (1)
บทที่ 602 คุณท่านทั้งสองของตระกูลเย่ได้พบเจอกับเด็ก ๆ แล้ว (1)
เวินลั่วฉิงรู้ว่าถังจื่อโม่ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะยอมรับเย่ซือเฉินจริง ๆ เพียงแต่ว่าในใจของจื่อโม่เพื่อนตัวเล็กในตอนนี้ยังมีความขัดแย้งเล็ก ๆ อยู่บ้าง
และแน่นอนว่า เวินลั่วฉิงเข้าใจดีว่าปมในใจของถังจื่อโม่อยู่ตรงจุดไหน
อย่างแรก ถังจื่อโม่กลัวว่าเย่ซือเฉินจะดีกับเธอได้ไม่มากพอ และกลัวว่าเย่ซือเฉินจะไม่ชอบพวกเขาสองคน
อย่างที่สอง ถังจื่อโม่เพื่อนตัวเล็กยังไม่ยอมรับความสามารถทั้งหมดของเย่ซือเฉิน ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือถังจื่อโม่ยังไม่เคยเห็นความสามารถของเย่ซือเฉินมาก่อน
“หรือไม่ หนูหาโอกาสประลองกับเย่ซือเฉินสักหน่อยไหม?” เวินลั่วฉิงรู้ว่าถ้าจะแก้ไขปัญหาจะต้องเริ่มจากรากก่อนเลย มีเพียงแต่ให้ถังจื่อโม่ยอมรับในความสามารถของเย่ซือเฉินได้ เรื่องนี้ถึงจะถือได้ว่าสมบูรณ์แล้ว
“วางใจเถอะ เรื่องสนุกกำลังจะเริ่มขึ้นเร็ว ๆ นี้แหละ” เห็นได้ชัดว่าถังจื่อโม่ได้เตรียมการไว้นานแล้ว ท่าทางเหมือนกับว่าวาดแผนการไว้ในใจอยู่แล้ว “หวังว่าเขาจะไม่ทำให้ผมผิดหวังมากเกินไปนะ”
“ถังจื่อโม่ หนูจะต้องรู้ไว้นะ คนยังมีคนที่เหนือกว่า ฟ้าก็ยังมีฟ้าที่สูงกว่า เพราะฉะนั้น อย่างผยองมากเกินไป” เวินลั่วฉิงมองไปที่เขา แล้วกำชับไปด้วยคำพูดที่มีความหมายลึกซึ้งประโยคหนึ่ง
แม้แต่เธอก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่ซือเฉิน เห็นได้ชัดว่าถังจื่อโม่เพื่อนตัวเล็กดูจะประเมินศัตรูต่ำเกินไปแล้ว
“แม่แน่ใจเหรอ? แม้แต่น้องยังบอกว่าเขาโง่นิดหน่อยเลย” ถังจื่อโม่กลับไม่เห็นด้วย และแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยท่าทางหยิงผยอง
“?” เวินลั่วฉิงมองไปที่ถังจื่อซีเพื่อนตัวน้อยด้วยความรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง และไม่รู้ว่าบทสรุปนี้ของถังจื่อซีเพื่อนตัวเล็กนั้นเอาออกมาจากไหน
“เมื่อกี้หนูกับพี่เกาะดูอยู่ที่หน้าต่างตั้งนานสองนาน แต่คุณพ่อก็ไม่เห็นพวกเรา คุณพ่อนี่โง่นิดหน่อยจริง ๆ ค่ะ” ถังจื่อซีเพื่อนตัวเล็กพยักหน้ากันติด ๆ เพื่อสนับสนุนคำพูดของพี่ชายตัวเอง
“จริงเหรอ?” คิ้วของเวินลั่วฉิงยักขึ้นเล็กน้อย เมื่อกี้ลูกรักทั้งสองคนเกาะดูอยู่ที่หน้าต่างตลอดเลยเหรอ?
แล้วตำแหน่งที่เย่ซือเฉินยืนอยู่ แค่แหงนหน้าขึ้นมาก็สามารถมองเห็นหน้าต่างของเธอแล้ว แล้วก็จะสามารถมองเห็นลูกรักทั้งสองคน
เห็นได้ชัดว่า ตั้งแต่ต้นจนจบเย่ซือเฉินก็ไม่เคยแหงนไปมองเลย
“เพราะว่าเขาเอาแต่จ้องแม่อยู่ไงจ๊ะ” เวินลั่วฉิงนึกถึงคำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวออก ในตอนที่พูดคำพูดนี้นั้น ในใจของเวินลั่วฉิงก็แอบรู้สึกหวานแหววขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
ถังจื่อโม่กวาดตามองเธอทีหนึ่ง แล้วก็เหมือนจะหึเสียงเย็นเบา ๆ ทีหนึ่ง นี่เธอกำลังโอ้อวดอยู่ชัด ๆ มั้ง?
“ตอนนี้คุณพ่อยังไม่รู้ว่าพวกหนูมีตัวตนอยู่ ถ้าหากว่ารู้แล้ว เขาจะต้องมองทีเดียวก็เห็นพวกหนูแน่” เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าเธอจะต้องช่วยเย่ซือเฉินพูดคำพูดสวยหรูต่อหน้าลูกรักทั้งสองคนสักหน่อยแล้ว
เพียงแต่ว่า เรื่องที่เย่ซือเฉินไม่ชอบเด็กนั้นทำให้เธอรู้สึกปวดหัวอยู่บ้างเหมือนกัน
“แม่แน่ใจเหรอว่าเขาจะไม่เหมือนแม่ที่เจอความรักแล้วก็ลืมลูกน่ะ?” ถังจื่อโม่รู้สึกมีความสงสัยต่อคำพูดของเธอเป็นอย่างมาก จากกระทำของเย่ซือเฉินเมื่อกี้แล้ว ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าพวกเขามีตัวตนอยู่ คาดว่าผลก็น่าจะออกมาเหมือนกัน
เมื่อกี้ดวงตาทั้งคู่ของเย่ซือเฉินแทบจะติดอยู่บนตัวคุณแม่แล้ว แน่ใจเหรอว่าเขาจะยังสามารถมองเห็นอย่างอื่นได้?
เวินลั่วฉิง “……”
พูดตามจริง เธอเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก
และที่สำคัญ เธอรู้สึกว่าปัญหานี้แค่พึ่งเธอพูดก็พูดไม่รู้เรื่องนักหรอก นี่จะต้องดูความประพฤติต่อไปของเย่ซือเฉินจริง ๆ
วันที่สอง ตามแผนการของเวินลั่วฉิงแล้ว ท่านปู่ถังก็ได้โทรออกไปที่เบอร์โทรศัพท์ของคุณปู่เย่
พอคุณปู่เย่ได้รับสายโทรเข้าของท่านปู่ถัง ก็ทั้งแปลกใจ ทั้งตื่นเต้นมาก ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของตระกูลเย่และตระกูลถังจะดีมาตลอด แต่ว่าส่วนใหญ่ก็เป็นการติดต่อกันระหว่างเย่ซือเฉินและถังหลิน แต่ว่าท่านปู่ถังโทรศัพท์หาเขาเองกับมือนั้นนี่ก็เป็นครั้งแรกเลย
“เพื่อนยาก ผมได้ยินมาว่าคุณเข้าโรงพยาบาล เป็นยังไงบ้าง?” น้ำเสียงของท่านปู่ถังฟังดูเป็นมิตรมาก คำสรรพนามที่ใช้เรียกก็ฟังดูสนิทชิดเชื้อมาก ทำให้คนฟังนึกไม่ออกถึงความผิดปกติอะไรเลย
“ไม่เป็นออะไรมาก ทำให้ท่านถังต้องเป็นกังวลแล้ว” คุณปู่เย่ได้ยินน้ำเสียงของท่านปู่ถังแล้ว ก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นอีก
“หลานสาวของผมกลับมาแล้ว งานเลี้ยงเมื่อหลายวันก่อนพวกคุณก็ไม่มา ผมเลยตั้งใจอยากจะเชิญพวกคุณมาเป็นแขกสักหน่อย……” คำพูดของท่านปู่ถังหยุดลงครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดเสริมต่อว่า “แล้วก็ซือเฉินด้วย”
การหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งของท่านปู่ถังหยุดนั้น ยิ่งทำให้ความหมายอื่นชัดเจนขึ้นมา คุณปู่เย่เป็นคนที่หลักแหลม แน่นอนว่าจะต้องเข้าใจ
“แต่ว่า ตอนนี้ร่างกายของคุณยังไม่สะดวก เรื่องนี้ต่อไปเราค่อยว่ากันเถอะ” ไม่รอให้คุณปู่เย่เปิดปากพูด ท่านปู่ถังก็รีบเสริมขึ้นมาอย่างรวดเร็วประโยคหนึ่ง ในน้ำเสียงเห็นได้ชัดว่าแฝงความเสียดายไว้เล็กน้อย
ดวงตาคู่หนึ่งของคุณปู่เย่ค่อย ๆ กลมโตขึ้น สำหรับเรื่องที่ท่านปู่ถังยอมรับหลานสาวกลับมาแล้วนั้น เขาเพิ่งจะรู้หลังจากวันที่สองของงานเลี้ยงแล้ว เขายังหงุดหงิดอยู่ตลอดเลยที่ไม่ได้รู้ข่าวตั้งแต่วินาทีแรก แล้วก็ไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงด้วย
เขาเองก็ได้เห็นรายงานข่าวที่ตระกูลถังรับคุณหนูใหญ่คนนั้นกลับมาแล้ว คุณหนูใหญ่ตระกูลถังคนนั้นยังสวยมาก และความสามารถก็เยอะ นั่นมันคือเปล่งประกายรอบด้านจริง ๆ
ได้ยินมาว่าเมื่อตอนงานเลี้ยงครั้งที่แล้ว ตระกูลถังก็มีความตั้งใจอยากจะเลือกผู้ชายดี ๆ สักคนให้คุณหนูถัง แต่ว่าหลังจากงานเลี้ยงแล้วก็ไม่มีผลสรุป
แล้ววันนี้ท่านปู่ถังตั้งใจมาเชิญพวกเขาไปเป็นแขกที่บ้าน ยังตั้งใจเอ่ยถึงเย่ซือเฉินด้วย ความหมายนี้มันจะชัดเจนไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
ในใจของคุณปู่เย่อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา ตื่นเต้นจนมือยังสั่นเทาขึ้นมา
“ท่านหยวนเชิญเราไปเป็นแขกและให้พาฉิ้นเอ๋อไปด้วย คุณตอบตกลงไปหรือยังคะ?” แล้วในขณะเดียวกัน ในโทรศัพท์ก็มีเสียงของท่านย่าถังลอยเข้ามาพอดี ฟังไม่ชัดเจนนัก แต่ว่าคุณปู่เย่ที่อยู่ทางสายโทรศัพท์อีกฝั่งน่าจะพอฟังเข้าใจได้
ท่านหยวน ท่านหยวนที่สามารถทำให้ท่านย่าถังให้ความสำคัญได้มากขนาดนี้ แล้วคุณปู่เย่ก็นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาทันที
“ยังเลย ตอนแรกผมกะว่าจะเชิญคนบ้านตระกูลเย่มาเป็นแขกสักหน่อย แต่ว่าตอนนี้คุณปู่เย่นอนโรงพยาบาลอยู่ คงจะไม่ค่อยสะดวกมาเท่าไหร่ เดี๋ยวอีกสักพักผมค่อยไปบอกกับท่านหยวน……” ท่านปู่ถังพูดตอบรับคำพูดของท่านย่าถังไปประโยคหนึ่ง ในตอนนี้ท่านปู่ถังกำลังถือโทรศัพท์อยู่ เพราะฉะนั้นคุณปู่เย่ที่อยู่อีกฝั่งของสายจึงได้ยินคำพูดของเขาชัดเจนดี
“ท่านถัง ผมไม่มีอะไรที่ไม่สะดวก ผมสามารถนั่งรถเข็นไปได้ เดี๋ยวผมจะรีบติดต่อซือเฉินเลย พวกเราจะรีบได้เดี๋ยวนี้” คุณปู่เย่ร้อนใจขึ้นมา แล้วก็รีบพูดขัดคำพูดของท่านปู่ถังทันที
สามารถเชื่อมสัมพันธ์โดยการแต่งงานกับตระกูลถังได้ คาดว่าคงจะเป็นความใฝ่ฝันของคนทั้งหมดในเมือง Aแล้ว แล้วคุณหนูถังที่เพิ่งยอมรับกลับมาคนนั้นก็มีความสามารถซะขนาดนั้น โอกาสแบบนี้ คุณปู่เย่จะปล่อยให้ผ่านไปได้ยังไงกัน ขอเพียงแค่เขายังมีลมหายใจอยู่ ถึงแม้ว่าจะต้องคลานไปเขาก็จะไป
“คุณแน่ใจเหรอ? ร่างกายสำคัญที่สุดนะ ยังไงคุณก็จะต้องเห็นความสำคัญของร่างกายมาก่อน” ในตอนที่ท่านปู่ถังพูดคำพูดนี้ บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มโผล่ออกมาบางส่วน
วิธีของฉิงฉิงนั้นใช้ได้ดีมากจริง ๆ
“ร่างกายของผมไม่เป็นอะไร ผมจะติดต่อซือเฉินเดี๋ยวนี้ และจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย” คุณปู่เย่เหมือนกับกลัวว่าท่านปู่ถังจะเปลี่ยนใจ หลังจากที่แสดงเจตนาชัดเจนติด ๆ กันแล้ว ก็รีบวางโทรศัพท์ไปเลย
ท่านปู่ถังจ้องมองโทรศัพท์ที่วางสายไป บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มเยาะเพิ่งขึ้นมาไม่กี่ส่วน “ตาแก่นี่ก็ใจร้อนเกินไปแล้ว แล้วเขากำลังคุยเรื่องเชื่อมสัมพันธ์โดยการแต่งงานกับตระกูลกู่อยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“ยัยเด็กสาวของบ้านตระกูลกู่คนนั้นจะมาเทียบกับฉิงฉิงของเราได้ยังไง? ตระกูลกู่หรือจะมาเทียบกับตระกูลถังของเราได้? คุณปู่เย่เป็นคนเห็นแก่ได้สักขนาดนั้น ที่เขาทำแบบนี้ก็ไม่แปลกเลยสักนิด” ท่านย่าถังส่ายหน้าเล็กน้อย “สำหรับเขาแล้ว มีแต่ผลประโยชน์ ไม่มีความรู้สึก เจ้าเด็กซือเฉินนั่นก็น่าสงสารมากเหมือนกัน”
“ใช่แล้ว เขาบอกว่าจะบอกกับซือเฉิน จะมาพร้อมกันกับซือเฉินนี่ แต่ว่าเด็ก ๆ ทั้งสองคนยังอยู่ในบ้านอยู่เลย ถ้าซือเฉินเห็นเด็ก ๆ ทั้งสองคนเข้า จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?” ท่านปู่ถังมองไปที่เด็กซีที่กำลังเล่นอย่างสนุกสนานทีหนึ่ง แววตาสั่นไหวเล็กน้อย “เด็กจื่อโม่ยังมีแผนการอีกตั้งเยอะแยะแน่ะ