ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 617 คุณชายสามเย่ถูกวางยา(4)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 617 คุณชายสามเย่ถูกวางยา(4)
บทที่ 617 คุณชายสามเย่ถูกวางยา (4)
เย่โป๋เหวินไม่ได้รีบตอบคำถามของเขา แค่เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปทางบนตึก
“บ้านหลังนี้ ทำให้ฉันรู้สึกหดหู่” หลังจากผ่านไปนานมาก เย่โป๋เหวินจึงจะค่อยๆ พูดประโยคนี้ขึ้นมา
บ้านหลังนี้ทำให้เขาหดหู่ ไม่เพียงแต่เพราะว่าสมาชิกในบ้าน แต่เป็นเพราะเรื่องราวในเมื่อก่อน
หลังจากที่เย่ซือเฉินได้ยินคำพูดของเขาแล้ว แววตาทั้งสองของเขาก็ประกายขึ้นทันที ที่จริงแล้วบ้านหลังนี้ก็ทำให้เขารู้สึกหดหู่ด้วยเช่นกัน
ฉะนั้น เกินในตระกูลเย่ ไม่ใช่บุญวาสนา แต่คือความโศกเศร้า
ฉะนั้น เย่ซือเฉินไม่มีทางชักจูงให้เขาอยู่ที่บ้านเย่ต่อ
“ฉันจะแต่งงานแล้ว รอดื่มไวน์มงคลของฉันแล้วค่อยกลับไปเถอะ” เย่ซือเฉินมองดูแววตาที่สุขุม จู่ๆ ก็พูดคำนี้ออกมา
วันนี้เขาเปิดงานแถลงข่าว งั้นต่อมา เขาก็จะคิดหาวิธีให้เวินลั่วฉิงแต่งงานกับเขา เขาคิดว่าคงอีกไม่นาน
เย่โป๋เหวินได้ยินประโยคนี้แล้ว แววตาดูประกายขึ้นเยอะเลย
“ยินดีด้วยนะ” แต่ว่าเย่โป๋เหวินไม่ได้ถามมาก แค่พูดว่ายินดีด้วย ยี่สิบปีแล้ว เขาไม่เคยสนใจถามไถ่ถึงลูกชายเลย ตอนนี้เย่โป๋เหวินรู้สึกว่าไม่มีสิทธิ์ถามอะไรมาก
ฉะนั้น สิ่งที่เขาสามารถพูดได้ก็มีเพียงแต่คำว่ายินดีเท่านั้นแล้ว
“ขอบคุณครับ” เย่ซือเฉินตอบกลับไปคำหนึ่ง การสนทนาแบบนี้ไม่เหมือนว่าเป็นพ่อลูกเลย แต่นี่เป็นการสนทนาที่ปกติในครั้งเดียวตลอด20ปีที่ผ่านมา
ต่อมา สองพ่อลูกมองหน้ากันโดยไม่มีคำพูด ไม่ว่ายังไงก็เป็นการห่างเหิน20ปีแล้วไม่ใช่ว่าอยากจะเข้าใกล้ก็สามารถเข้าใกล้ได้
“ซือเฉิน นายกลับมาแล้วหรอ? เดี๋ยวก็สามารถทานอาหารได้แล้ว พวกเรามาทานผลไม้กันก่อนเถอะ” คุณย่าเดินออกมา ในมือถือผลไม้ไว้จานหนึ่ง
ในตอนที่เย่ซือเฉินเงยหน้าขึ้นมองคุณย่า สีหน้าแย่ลงเล็กน้อย “ผมยังมีธุระอีก ไปก่อนนะครับ”
คำพูดนี้ของเย่ซือเฉินน่าจะกำลังพูดกับเย่โป๋เหวิน
เรื่องราวก่อนหน้านี้ที่คุณย่าเย่ทำ ทำให้เขาตายใจไปแล้ว แล้วเขาในตอนนี้ก็มีการป้องกันที่มากขึ้นสำหรับคุณย่า
เขารู้ดีว่านี่เป็นงานเลี้ยงที่มีการวางแผนเอาไว้ก่อนแล้ว ที่เขามา เพราะว่าอยากจะมาเจอคุณพ่อ ตอนนี้เขาได้เจอคุณพ่อแล้ว งั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ต่อแล้ว
ในตอนที่เย่ซือเฉินพูดประโยคนี้ เขาลุกขึ้นแล้วพูดเลย แต่ว่า พอวินาทีถัดไป เขาก็รู้สึกเริ่มเวียนหัว เกือบจะล้มลงพื้น เขารีบจับไปที่โต๊ะข้างหน้า
เย่ซือเฉินทรงตัวเองไว้ แต่ว่ารู้สึกเวียนหัวหนักกว่าเดิม ร่างกายก็เริ่มอ่อนตัว อ่อนแรง ทันใดนั้นแม้แต่แรงที่จะยืนขึ้นก็ไม่มีแล้ว
“ในน้ำชานี้ถูกวางยาแล้ว?” เย่ซือเฉินหรี่ตาขึ้น มองไปทางเย่โป๋เหวิน ในแววตาที่เย็นชามีความผิดหวังมากมาย
พ่อของเขา พ่อที่ไม่ไถ่ถามไม่ดูแลเขามาตลอดระยะเวลา2-ปี ความเป็นความที่มาอย่างกะทันหันนี้ก็เพื่อที่จะวางยาให้เขา?
“ช่วงนี้นายทำงานหนัก มักจะนอนไม่หลับ นี่ก็แค่ยาระงับประสาท สามารถทำให้นายได้หลับสบาย” เย่โป๋เหวินเชื่อคำพูดของคุณย่าย่า ฉะนั้น เขาจึงคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้ ขอแค่เย่ซือเฉินหลักสักพักก็ไม่เป็นอะไรแล้ว
ที่จริงแล้ว เย่โป๋เหวินคิดไม่ถึงว่าฤทธิ์ยาจะแรงขนาดนี้
เย่ซือเฉินอึ้งไปเลย จู่ๆ ก็ยิ้ม ใช่ ช่วงนี้เขานอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะมีความกดดันด้านการทำงานสูง เพราะว่าเขาคิดถึงผู้หญิงของเขา
วางยาเขา ให้เขาหลับสบาย? พวกเขาเห็นเธอเป็นเด็กสามขวบหรอ?
อีกอย่าง อยู่ที่บ้านเย่ เขาจะสามารถหลับสบายได้หรอ?
เย่ซือเฉินมองไปทางเย่โป๋เหวินอีกครั้ง ในแววตามีความเย็นชาอย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ว่า เย่ซือเฉินไม่ได้พูดอะไร รีบหันหลังไป อยากจะออกจากตรงนี้
เย่ซือเฉินรู้ สถานการณ์แบบนี้ เขาจำเป็นต้องรีบจากไป
แต่ว่า เท้าของเขาพึ่งก้าวออกมา ทันใดนั้นร่างกายก็เอียงตัวลง ขาอ่อน เกือบจะล้มลงพื้น
เย่ซือเฉินรีบหรี่ตาขึ้นมา สีหน้าดูแย่ลงทันที
“รีบมาพยุงคุณชายไปพักที่ห้อง” คุณย่าเย่ตะโกนออกคำสั่ง ในแววตากลับมีความได้ใจแฝงอยู่
เพื่อตระกูลเย่ เพื่อเย่ซือเฉิน เธอจำเป็นต้องทำแบบนี้
“นี่คุณนายต้องการทำอะไรครับ” เย่ซือเฉินหันมา มองไปทางคุณย่า แววตาเย็นชาสุดขีด
ตอนนี้ เย่ซือเฉินเรียกคุณนายโดยตรงเลย แต่ไม่ใช่คุณย่า
“เฉินเฉิน นายเหนื่อยแล้ว กลับห้องไปพักผ่อนนะ” คุณย่าเย่กลับมองเขา แล้วยิ้มอ่อน ดูเป็นมิตรเป็นพิเศษ
เย่ซือเฉินยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นข้างหน้าก็มืดไปหมด สติหายวับไปในตอนนั้นเลย แล้วมีคนสองคนเดินมาพอดี พยุงเขาไว้
“ส่งคุณผู้ชายกลับไปพักผ่อนที่ห้อง” คุณย่าเย่รีบออกคำสั่ง
บนใบหน้าของเย่โป๋เหวินมีความอึ้งเพิ่มขึ้นมา เขามองไปทางน้ำชาที่อยู่ตรงข้างหน้า มองไปทางคุณย่าเย่ “ในน้ำชานี้คืออะไรกันแน่?”
เขารู้สึกว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายเหมือนที่คุณย่าเย่พูด
“เมื่อกี้ฉันพูดแล้ว คือยาระงับประสาท” คุณย่าเย่มองไปทางเย่โป๋เหวิน มุมปากยังคงมีรอยยิ้มอยู่ “เจ้าเด็กเฉินเฉินนี่ช่วงนี้เหนื่อยเดิมไปแล้ว ให้เขาได้นอนพักผ่อนดีๆ เถอะ?”
“แม้แต่ข้าวเขาก็ยังไม่ได้ทานเลย ให้เขาหลับไปโดยที่ห้องว่าง นี่คือการเป็นห่วงเขา?” เย่โป๋เหวินมองไปทางคุณย่าเย่ แววตาค่อยๆ เย็นชา น้ำเสียงก็ค่อยๆ สุขุมลง
“เมื่อกี้นายก็ได้ยินแล้ว เขาไม่ได้คิดอยากจะอยู่ทานข้าวต่อเลย นายกู้ว่าตั้งแต่ที่เขาย้ายออกไปแล้ว ก็น้อยมากที่จะเข้ามาทานอาหารในบ้าน สำหรับเขาในตอนนี้แล้วการนอนหลับสำคัญกว่าการทานข้าว” ในตอนที่คุณย่าเย่พูดประโยคนี้ได้ถอนหายใจไปด้วย
“คุณหมอบอกแล้ว ยาตัวนั้นไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย ชาแก้วนั้นเมื่อกี้นายก็ดื่มแล้ว ตามหลักก็คือยาฤทธิ์ของยาจะไม่แรงขนาดนั้น และเร็วขนาดนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าเหนื่อยเกินแล้ว” คุณย่าเย่พูดอธิบายต่อ
เย่โป๋เหวินหรี่ตา กำลังคิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ คุณปู่เย่ก็เดินมา
“ทำไม? ตอนนี้อยากจะมาดูแลลูกชายแล้วหรอ? 20 ปีมานี้นายไม่ถามไถ่ไม่ดูแล ฉันเป็นคนเลี้ยงดูเขาจนโต” คุณปู่เย่มองไปทางเย่โป๋เหวิน คำพูดนั้นไม่มีความสนิทสนมเลย
เย่โป๋เหวินมองไปทางคุณปู่ แววตาเย็นชาสุดขีด แต่ว่าไม่ได้พูดอะไร
“นี่แววตาอะไรของนาย? ทำไม? ไม่อยากเห็นฉัน? ไม่อยากเห็นฉัน นายก็กลับห้องนายไปสิ” คุณปู่เย่ฮื้มด้วยความเย็นชา
“นี่อะไรของนาย?” คุณย่าเย่พูดโน้มน้าว เธอมองไปทางคุณปู่เย่ จากนั้นก็เดินไปยังข้างหลังของเย่โป๋เหวิน
“โป๋เหวิน นายกลับห้องไปพักผ่อนก่อนนะ เดี๋ยวอาหารเรียบร้อยแล้ว ฉันค่อยเรียกนายนะ” คุณย่าเย่จับรถเข็นของเย่โป๋เหวิน ฟังดูเหมือนกำลังเจรจากับเย่โป๋เหวินอยู่ แต่กลับไม่ได้รอให้เย่โป๋เหวินตอบ ก็เข็นเย่โป๋เหวินไปทางอีกห้องหนึ่งแล้ว
“อย่าทำเรื่องที่ทำร้ายซือเฉิน” เย่โป๋เหวินกะพริบตา จากนั้นก็ค่อยๆ เปิดปากพูด น้ำเสียงนั้นมีความสุขุม และมีความเย็นชา