ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 628 เรื่องบานปลายใหญ่โต คุณชายสามเย่โกรธจริงๆแล้ว (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 628 เรื่องบานปลายใหญ่โต คุณชายสามเย่โกรธจริงๆแล้ว (3)
บทที่ 628 เรื่องบานปลายใหญ่โต คุณชายสามเย่โกรธจริงๆแล้ว (3)
เวลานี้คุณชายสามเย่คลุ้มคลั่งมาก จูบเธออย่างรุนแรง แรงจนเกือบกินเธอลงท้องไปแล้ว
ริมฝีปากของเขาอยู่ที่ผิวกายของเธอ และจูบเคลื่อนย้ายไปทุกที่ ไม่หยุด เวลานี้เขาไม่ใช่จูบ แต่เป็นการกัดแทะ
เขากัดเธอทุกอณูผิว คล้ายกับจะกินเธอเสียอย่างนั้น
พูดตามตรง เวลานี้เขากัดเธอจนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เวินลั่วฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร เธอรู้ว่าตอนนี้เธอพูดอะไรเขาก็ฟังไม่เข้าหูอยู่ดี
ริมฝีปากของเขาย้ายมาอยู่ที่ด้านหน้าของเธอ เห็นมีเสื้อผ้าเป็นป้อมปราการ เวลานี้เขาไม่มีความอดทนเลยสักนิด ดังนั้นเขาจึงกระชากเสื้อเธอออก
“เย่ซือเฉิน”ร่างกายเวินลั่วฉิงตะลึงค้าง เรียกชื่อเขา น้ำเสียงมีความสั่นเทาอยู่หลายส่วน
เวลานี้เย่ซือเฉินน่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเขาถูกฤทธิ์ยาครอบงำ เขาจึงควบคุมตัวเองไม่อยู่
ถึงแม้เวินลั่วฉิงเรียกเขา แต่ก็รู้ว่าเวลานี้ไม่แน่ว่าเขาจะได้ยิน
“ฉิงฉิง ไม่ต้องกลัว ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก”แต่เห็นได้ชัดว่าเย่ซือเฉินได้ยิน เขาหยุดการกระทำ มองหน้าเธอ เสียงที่แหบแห้งของเขาทำให้เวินลั่วฉิงรู้สึกสงสารเขามาก
ณ ตอนนี้ ถึงแม้เขาจะอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่เขายังคงบอกว่าจะไม่ทำร้ายเธอ
ถ้าเช่นนั้น เธอยังต้องกลัวอะไรอีก?
เวินลั่วฉิงยกแขนขึ้นไปคล้องคอเขา พร้อมกับเขย่งเท้าขึ้น ไปจูบเขาด้วยตัวเอง
ร่างกายเย่ซือเฉินแข็งค้างอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะอยู่ในอาการปกติ เขาก็ต้านทานการเข้าเย้ายวนใจของเธอด้วยตัวเธอเองอย่างนี้ไม่ได้แน่ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย
สองมือของเย่ซือเฉินเกี่ยวเอวเธอไว้ ลูบไล้ผิวเธอ การจูบยิ่งเผ็ดร้อน ยิ่งบ้าบิ่น
เย่ซือเฉินอยากระงับตัวเอง แต่เวลานี้เขาก็ช่วยไม่ได้ ดังนั้นค่ำคืนนี้ ต้องเกิดเหตุการณ์บ้าคลั่งครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่จบสิ้นเป็นแน่
ต่อมาฤทธิ์ยาของเย่ซือเฉินสร่างแล้ว แต่ยังคงไม่ปล่อยเธอ ถึงแม้เธอจะอ้อนวอนเพียงใด เขาก็ไม่ยอมปล่อยเธอไป
คุณชายสามเย่ทนมาตั้งนาน ในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยเสียที แล้วจะให้หยุดง่ายๆได้อย่างไร
และในเวลานั้น เวินลั่วฉิงคิดอย่างชิงชังว่า หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ เธอก็จะไม่มา ปล่อยให้เขาอั้นไว้อย่างนั้นดีกว่า
ตอนที่เวินลั่วฉิงตื่นนอนก็หกโมงเช้า เย่ซือเฉินนอนอยู่ข้างกายเธอ หลับสนิทมาก
ไม่มีฤทธิ์ยาปลุกเซ็กส์ในร่างกายแล้วอย่างเห็นได้ชัด ผื่นแดงก็หายไปแล้ว อุณหภูมิของร่างกายกลับมาเป็นปกติ เวินลั่วฉิงเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกสบายใจ
เพียงแต่คิ้วของเขาขมวดแน่น ราวกับมีความเคร่งเครียดและกดดันหลายส่วน
เวินลั่วฉิงมองหน้าเขา พร้อมกับกะพริบตาเบาๆ เอื้อมมือออกไปช้าๆ นวดคิ้วขมวดของไว้ อยากช่วยเขาผ่อนคลายลง
แต่เธอนวดหลายครั้งก็ยังไม่แบนเรียบ ไม่ผ่อนคลาย คิ้วของเขาคล้ายกับขมวดแน่นขึ้นกว่าเดิม
เขานอนอยู่แท้ๆ ไม่รู้สึกตัว แต่เขา……
เขามีเรื่องกลัดกลุ้มใหญ่โตอะไรนะ?
คนนี้ เมื่อคืนบ้าคลั่งมาทั้งคืน ยังไม่เพียงพออีกหรือ?
มุมปากเวินลั่วฉิงเบ้ขึ้น เอามือถือออกมาดูเวลา ดวงตาก็กะพริบอีกครั้ง
เมื่อคืน ตอนเธอออกจากบ้านตระกูลถัง นอกจากถังจื่อซีแล้ว คนอื่นก็ไม่รู้เรื่องเลย แม้แต่ถังจื่อโม่ก็ไม่รู้
เวินลั่วฉิงเห็นมือถือมีหนึ่งข้อความเข้า ซึ่งถังจื่อโม่เป็นคนส่งมา แต่ไม่มีเนื้อหา เป็นข้อความว่างเปล่า
เวินลั่วฉิงเม้มปาก เธอไม่กลับบ้านทั้งคืน เด็กน้อยถังจื่อโม่คงโกรธแล้วสินะ?
อีกอย่าง หากให้ท่านย่าถังรู้ ท่านก็ต้องโกรธด้วยแน่ๆ?
กฎบ้านตระกูลถังนั้นเข้มงวดมาก
ฉะนั้น เธอจำเป็นต้องกลับไปให้เร็วที่สุด
เวลานี้เย่ซือเฉินนอนหลับอย่างสนิท เธอรู้ว่าด้วยฤทธิ์ยาของเมื่อคืน ทำให้เขาบ้าคลั่งบนเตียงมาทั้งคืน เขาคงเหนื่อยน่าดู
ดังนั้นเวินลั่วฉิงจึงไม่อยากปลุกเขา
มือเย่ซือเฉินโอบเอวเธอไว้ เวินลั่วฉิงค่อยๆคลายมือเขาออก กอ่นจะลงจากเตียงเบาๆ จากนั้นเธอพบว่าเสื้อผ้าของเธอไม่ได้อยู่ในห้อง
ทันใดนั้นเวินลั่วฉิงก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืนตอนอยู่ชั้นล่าง เย่ซือเฉินกระชากเสื้อเธอจนขาดรุ่ยแล้ว
ต่อมา เธอลืมไปแล้วว่าเย่ซือเฉินอุ้มเธอขึ้นตึกยังไง อุ้มเธอเข้าห้องยังไง
ดังนั้นเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งกองนั้นยังอยู่ชั้นล่าง
แต่โชคดีในตู้เสื้อผ้าของเย่ซือเฉินยังมีเสื้อของเธออยู่ ซึ่งเย่ซือเฉินเตรียมไว้ให้เธอตอนพวกเขาแต่งงานกัน เพียงแต่เธอไม่เคยใส่มันเลย
เวินลั่วฉิงเดินไปด้านหน้าตู้เสื้อผ้า แล้วเปิดออก จากนั้นก็เห็นเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมเต็มตู้ไปหมด มุมปากพลันยกขึ้น ก่อนจะเลือกมาสวมใส่ชุดหนึ่ง
รูปแบบเสื้อผ้านั้นไม่เลวเลย เหมาะกับเธอมาก และไซส์ก็พอดีตัว ไม่บกพร่องเลยสักจุด
คิ้วของเวินลั่วฉิงยกขึ้น เสื้อตัวนี้เย่ซือเฉินซื้อตอนพวกเขาแต่งงานกันใหม่ๆ
ตอนนั้น เย่ซือเฉินรู้ไซส์ของเธอได้อย่างไร?เธอจำได้ว่าตอนนั้นเย่ซือเฉินไม่แม้แต่อุ้มเธอเลย นัยน์ตาเวินลั่วฉิงหมุนติ้วมองเย่ซือเฉินที่นอนอยู่บนเตียงอย่างสนิท มุมปากอดยกขึ้นไม่ได้
เวินลั่วฉิงไม่ได้หยุดนิ่งคิดนาน ก็รีบออกไปโดยเร็ว
เย่ซือเฉินเหนื่อยล้าจริงๆ หลับสนิท ดังนั้นจึงไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
ตอนที่เวินลั่วฉิงกลับถึงบ้านตระกูลถังก็เป็นเวลาเจ็ดโมงแล้ว เวินลั่วฉิงรู้ว่าทุกเช้า ท่านปู่ถังกับท่านย่าถังจะไปออกกำลังกายยามเช้า ดังนั้นเธอจึงเลือกกลับเข้ามาในเวลานี้
เวินลั่วฉิงจอดรถเสร็จ จากนั้นก็เดินเข้าห้องโถงอย่างว่องไว
เพียงแต่เวินลั่วฉิงเพิ่งเดินเข้ามาในห้องโถง ก็บังเอิญพบกับเฟิ่งเหมียวเหมียว ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันตรงๆ
“หืม ฉิงฉิงออกไปแต่เช้าเลยเหรอ?”เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นด้านนอกมีเวินลั่วฉิงเดินเข้ามา จึงรู้สึกประหลาดใจ
“อืม”เวินลั่วฉิงรู้สึกผิดในใจ ดังนั้นจึงตอบเสียงต่ำเล็กน้อย
“เด็กทั้งสองคนตื่นหรือยัง?เมื่อกี้เห็นประตูห้องนอนของหนูปิดอยู่ ไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว คิดว่าพวกหนูยังนอนอยู่”เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่ได้คิดมาก และไม่ได้ถามมากมาย เห็นได้ชัดว่าเธอใส่ใจกับเด็กทั้งสองคนมากกว่า
เวินลั่วฉิง“……”
เธอเพิ่งกลับมา ดังนั้นเธอก็ไม่ทราบว่าเด็กทั้งสองคนตื่นหรือยัง?
แต่ว่าเวลานี้คงต้องตื่นแล้วแน่ๆ ตื่นแล้ว แต่ไม่ออกมาเล่น?
ฉะนั้นเด็กน้อยถังจื่อโม่โกรธแล้วจริงๆ
“หนูกลับไปดูที่ห้องค่ะ”เวินลั่วฉิงไม่ถนัดพูดปด ดังนั้นจึงไม่ได้ตอบคำถามของเฟิ่งเหมียวเหมียว
“จ้า จ้า ถ้าเด็กทั้งสองตื่นแล้ว หนูก็พาพวกเขาลงมานะ ป้าไปทำข้าวเช้าให้พวกเขา”ในใจเฟิ่งเหมียวเหมียวคิดถึงแต่เด็กทั้งสองคน ดังนั้นไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเวินลั่วฉิง
เวินลั่วฉิงขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว พอเดินมาถึงนอกประตู พอตั้งใจฟังก็ไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวใดๆ หรือเด็กทั้งสองคนยังไม่ตื่น?
ข้อความจากเด็กน้อยถังจื่อโม่นั้นส่งมาให้เธอเกือบเที่ยงคืนแล้ว เมื่อนอนดึก จึงตื่นสายเป็นเรื่องธรรมดา
เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจ ผลักประตูเข้าไปอย่างระมัดระวัง อยากเดินเข้าไปเงียบๆ
แต่เมื่อเธอผลักประตู เบียดตัวเข้าไปอย่างเงียบๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องสบตาเข้ากับดวงตาของถังจื่อโม่อย่างจัง