ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 667 คุณชายสามเย่เล่นขั้นที่พีคกว่า (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 667 คุณชายสามเย่เล่นขั้นที่พีคกว่า (1)
บทที่ 667 คุณชายสามเย่เล่นขั้นที่พีคกว่า (1)
ยามนี้เวินจีหยันไม่ได้เป็นห่วงลูกสาวในไส้อีกต่อไป
“ไอ้ลูกบ้าหรวนหรวนคนนี้ คุณบอกให้เธอไม่ต้องออกไปเพ่นพ่านแล้วไม่ใช่เหรอ?ทำไมเธอยังออกไปอีก?เธอไม่เชื่อฟัง ไม่เพียงแต่ทำร้ายตัวเอง ยังทำให้แผนการของพวกเราล้มเหลวอีก”เวินจีหยันเริ่มตำหนิเวินหรวนหรวนขึ้นมา สีหน้าเผยความโกรธเคืองหลายส่วน
หลี่หยุนก็โกรธ แน่นอน เธอก็ร้อนใจอีกด้วย แต่เธอจะร้อนใจยังไงก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะตอนนี้เธอติดต่อคนพวกนั้นไม่ได้เลย
คฤหาสน์ตระกูลเย่
ยามเช้า รถของเย่ซือเฉินก็ขับเคลื่อนเข้ามายังคฤหาสน์ตระกูลเย่แล้ว เย่ซือเฉินเปิดประตูรถออก จากนั้นก็ก้าวเท้าลงไป
ปกติเวลานี้ เย่ซือเฉินจะไม่กลับมาเด็ดขาด ดังนั้นคนในคฤหาสน์ตระกูลเย่เห็นเขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“คุณชายครับ ท่านกลับมาแล้วเหรอครับ?”พ่อบ้านรีบเดินเข้าไปต้อนรับด้วยความนอบน้อม
เย่ซือเฉินมองพ่อบ้านแวบหนึ่ง พลางพยักนห้าเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินไปที่ห้องโถง
ยามนี้เย่โป๋แหวินตื่นนอนแล้ว กำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ที่ห้องโถง
เพราะฤกษ์แต่งงานของเย่ซือเฉินได้กำหนดเรียบร้อยแล้ว และเหลือเวลาไม่มากนัก ดังนั้นเย่โป๋เหวินอยากให้ผ่านงานแต่งของเย่ซือเฉินก่อนแล้วค่อยกลับไปที่สถานพักฟื้นร่างกายต่อ
วันนั้นจินหมิงเจินมาแบบจมูกถูฝุ่น โดนเขาปฏิเสธจนหน้าชาไปเลย ตอนนี้จึงไม่กล้ามาเสนอหน้ากับเขาอีก
เวลานี้คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ยังอยู่ชั้นบน ดังนั้นในห้องโถงจึงมีแต่เย่โป๋เหวินคนเดียว
เย่ซือเฉินเดินเข้ามาถึงห้องโถง ดวงตาทั้งคู่มองหน้าเย่โป๋เหวิน พลางเห็นอีกฝ่ายกำลังกินข้าวอย่างเชื่องช้า มุมปากเย่ซือเฉินมีความเยาะเย้ยตัวเองขึ้นมา
นาทีนั้น หัวใจเย่ซือเฉินแหลกสลายหมดสิ้น
“นายกลับมาแล้วเหรอ?”เย่โป๋เหวินเงยหน้ามองเขา ไม่ง่ายเลยที่จะกล่าวทักทายกับเขาก่อน และมีสีหน้าอ่อนโยนอย่างหาได้ยาก
มุมปากเย่ซือเฉินยิ้มเย็นเพิ่มขึ้นหลายส่วน เมื่อวานซืน เย่โป๋เหวินกับพวกคุณปู่สมคบคิดกันวางยาใส่เขา
วันนี้ยังมาทักทายเขา โดยตีหน้าซื่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก แกล้งทำเป็นมีเมตตาได้เยี่ยมยอดมาก
ครั้งอดีต เย่ซือเฉินเคยตั้งความหวังและการรอคอยกับพ่อบังเกิดเกล้าคนนี้สูงมาก ดังนั้นสองคืนก่อน เย่โป๋เหวินยื่นน้ำชาของเขา เขาก็ดื่มโดยไม่ลังเล
เขาเชื่อใจเย่โป๋เหวิน เขาคิดว่าเขาสามารถเชื่อใจเย่โป๋เหวินได้
แต่ความจริงกลับโหดร้ายเยี่ยงนี้ ทุกอย่างเหมือนกำลังตบหน้าเขาอย่างจัง รู้สึกเจ็บแปลบ ถูกหยามศักดิ์ศรี แต่ก็เป็นการตบหน้าเขาให้ได้สติขึ้นมา
นับจากวินาทีนั้น เขาไม่ตั้งความหวังจากเย่โป๋เหวินอีกต่อไป เขาไม่เชื่อใจทุกคนในตระกูลเย่อีกต่อไป
นับจากวันนี้ สิ่งที่พวกเขาติดค้างเขา ติดค้างเวินลั่วฉิง เขาจะค่อยๆทวงกลับมาทีละนิด
ซึ่งคือจุดประสงค์ที่เขากลับมาในวันนี้!!
เย่โป๋เหวินทักทายเย่ซือเฉินก่อน เย่ซือเฉินกลับเมินใส่เขา เย่โป๋เหวินต้องชะงักอย่างประหลาดใจ แต่ความเคยชินที่มีมาตลอดหลายปีทำให้เขาคุ้นชินกับการเงียบเฉย
ดังนั้นเย่โป๋เหวินไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้ากินข้าวเช้าอย่างเชื่องช้าต่อ
แววตาเย่ซือเฉินยิ่งเย็นขึ้นหลายส่วน รอยยิ้มเย็นในมุมปากลึกลงเล็กน้อย เขาก็ไมได้พูด แต่นั่งอยู่หน้าอาหาร
“คุณชายจะทานข้าวเช้าไหมครับ?ผมจะไปช่วยคุณชายเอามาให้ครับ……”พ่อบ้านเห็นเย่ซือเฉินนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหาร รีบกล่าวออกมา
“ไม่ต้อง ผมกลัวโดนวางยาพิษ ครั้งก่อนไม่ได้คาบชีวิตผมไป แต่ก็คงไม่โชคดีทุกครั้งหรอก”เย่ซือเฉินปฏิเสธพ่อบ้านทันควัน แต่ประโยคนี้พูดให้เย่โป๋เหวินฟังอย่างเห็นได้ชัด
“น้ำชาไม่ได้ใส่ยาพิษ เป็นเพียงยาบรรเทาเท่านั้น”เดิมทีเย่โป๋เหวินไม่อยากพูด แต่เห็นสีหน้าที่เย็นเหยียบของเย่ซือเฉิน จึงอดอธิบายไมได้
“ยาบรรเทา?”เย่ซือเฉินหรี่ตาขึ้นเล็กน้อย มองไปยังเย่โป๋เหวินอีกครั้ง “พวกตาเฒ่าบอกอย่างนี้กับพ่อเหรอ?”
เย่ซือเฉินได้ยินเย่โป๋เหวินอธิบาย สีหน้าพลันมัวหมองหลายส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้ เย่โป๋เหวินรู้อยู่แล้วว่าในน้ำชามียาอยู่?
เย่โป๋เหวินรู้ทั้งรู้ว่าในน้ำชามียา แต่ก็ยังให้เขาดื่มอีก?
ไม่ว่าจะเป็นยาอะไร การกระทำเช่นนี้ของเย่โป๋เหวินนั้นก็ไม่อาจให้อภัยได้
“บอกอย่างนี้พ่อก็เชื่อเหรอ พวกเขาเป็นคนยังไง พ่อไม่รู้เหรอ?”รอยยิ้มเย็นของเย่ซือเฉินเบ่งบานขึ้นทีละนิด ความประชดประชันนั้นยิ่งชัดเจนกว่า
เขาไม่เพียงแต่พูดประชดพวกคุณปู่เย่เท่านั้น แต่ยังประชดเย่โป๋เหวินอีกด้วย
เย่โป๋เหวินมึนงง มองเย่ซือเฉินด้วยแววตาสงสัยระคนตกใจหลายส่วน
เย่ซือเฉินเห็นท่าทีของเย่โป๋เหวิน ในใจยิ่งยิ้มเย็นกว่าเดิม
“นายพูดอย่างนี้ได้ยังไง?”คุณปู่เย่เพิ่งลงมาก็ได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉิน สีหน้าเผยความโกรธเคืองหลายส่วน
“ผมแค่พูดไปตามความจริง”เย่ซือเฉินไม่ได้เงยหน้า เพียงแต่เปล่งเสียงเย็นออกมา
“นาย?”คุณปู่เย่บันดาลโทสะ อยากระบายออกมา แต่ถูกคุณย่าเย่ที่เดินอยู่ข้างกายเขาห้ามเอาไว้
“พอแล้ว ฉินฉินนานๆกลับมาทั้งที คุณก็ไม่ต้องโกรธแล้ว”คุณย่าเย่ทำตัวเป็นคนดีเฉกเช่นปกติ
“ฉินฉิน ทำไมวันนี้หลายกลับมาเช้าอย่างนี้ล่ะ?”จากนั้นคุณย่าเย่ก็หันไปมองเย่ซือเฉิน สีหน้าเผยรอยยิ้มหลายส่วน
ตอนนี้เย่ซือเฉินกลับมาแล้ว แต่ไม่ได้ถามเรื่องพวกเขาประกาศฤกษ์แต่งงานของเขา ทำให้คุณย่าเย่รู้สึกว่าเย่ซือเฉินยอมแต่งงานกับกู่หยิงหยิงแล้ว
เย่ซือเฉินเงยหน้ามองคุณย่าเย่แวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร
แสดงสีหน้าอย่างเด่นชัดว่าเขาไม่อยากจะเสวนากับท่าน
คุณย่าเย่เห็นสีหน้าของเขาก็ชะงัก จากนั้นสีหน้าของท่านก็ไม่น่ามองเล็กน้อย
คุณปู่เย่เห็นท่าทางของเย่ซือเฉินก็อยากจะระเบิดน้ำโหอีก
แต่ถูกคุณย่าเย่ห้ามไว้อีกครั้ง
“ฉินฉิน ข่าวเมื่อวาน หลานเห็นหรือยัง?เรื่องที่เกี่ยวกับงานแต่งของหลานกับหยิงหยิง……”คุณย่าเย่แอบถอนหายใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนอีกครั้ง
ในเมื่อตอนนี้เย่ซือเฉินกลับมาแล้ว คุณย่าเย่จึงอยากหยั่งเชงความคิดของเขา
“เห็นแล้ว”มุมปากเย่ซือเฉินยกขึ้น ครั้งนี้ก็ปริปากตอบเสียที เวลานี้สีหน้าเบื่อหน่ายของเย่ซือเฉินก็หายวับไปแล้ว
คุณย่าเย่เห็นท่าทางของเขาก็คิดว่าเขาตกลงแล้ว คุณย่าเย่แอบดีใจ กล่าวต่อไปว่า “พวกเรากำหนดฤกษ์แต่งงานของพวกหลานแล้ว
ตรงกับวันที่สิบแปดของเดือนนี้ เป็นวันที่ดีมาก”
“อืม เป็นวันที่ไม่เลวจริงๆ”เย่ซือเฉินยกคิ้ว พูดคล้อยตามความหมายของคุณย่าเย่ ซึ่งความหมายโดยนัยของคำพูดนั้นเหมือนจะพอใจมาก
แปลกจัง!แปลกมากๆ!!
“ฉินฉิน ความหมายของหลานคือเห็นด้วยกันเรื่องนี้ใช่ไหม?หลานยอมขอคุณกู่แต่งงานแล้วใช่ไหม?”ยามนี้คุณย่าเย่ดีใจเหลือหลาย เบิกบานใจที่สุด
“ผมตกลงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ”มุมปากเย่ซือเฉินยกขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นก็พูดประโยคนี้ออกมา
“หลานตกลงก็ดีแล้ว ขอแค่หลานตกลงก็พอแล้ว”คุณย่าเย่คิดว่าเย่ซือเฉินกำลังโทษที่พวกท่านตัดสินใจแทน แต่ ขอแค่เขาตกลงก็พอ