ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 682 คุณพ่อสุดยอดที่สุดแล้ว (12)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 682 คุณพ่อสุดยอดที่สุดแล้ว (12)
บทที่ 682 คุณพ่อสุดยอดที่สุดแล้ว (12)
“ตั้งหน้าตั้งตารอชมต่อไปเถอะ เชื่อว่าคุณชายสามเย่ไม่ทำให้พวกเราผิดหวังแน่”ท่านปู่ถังมองหน้าเฟิ่งเหมียวเหมียวแวบหนึ่ง บัดนี้เขาก็เริ่มพูดคำว่าคุณชายสามเย่ตามคนอื่นด้วย
เด็กน้อยถังจื่อโม่กับถังจื่อซีที่กำลังเล่นอยู่ในห้องโถงได้ยินเรื่องพูดคุยของผู้ใหญ่อย่างชัดเจน
“พี่ชายพ่อเก่งมากเลยใช่ไหม?”เด็กน้อยถังจื่อโม่มองหน้าพี่ชายตัวเอง ดวงตาคู่งามประกายดาวระยิบระยับ
“เชอะ”เด็กน้อยถังจื่อโม่เอ่ยคำเบาๆ แต่มุมปากกลับยกขึ้นเล็กน้อย เขาคิดว่าเกิดเรื่องมากมายก่ายกอง เย่ซือเฉินจะไม่สนใจ คิดไม่ถึงว่าเย่ซือเฉินลงมือขึ้นมาจะเก่งกาจเพียงนี้
“พี่ชาย งั้นพวกเราไปทำความรู้จักคุณพ่อกันไหม?”อันที่จริงเด็กน้อยถังจื่อโม่ฉลาดมาก และสังเกตสีหน้าได้ดีเยี่ยมอีกด้วย เธอดูออกว่าท่าทีของพี่ชายเปลี่ยนไปแล้ว
ดังนั้นเธอคว้าโอกาสชักจูงให้พี่ชายยอมรับพ่อ
ถังจื่อโม่ชะงัก ดวงตาทั้งคู่กะพริบวาววับ สีหน้าครุ่นคิดหลายส่วน “น้องรออีกหน่อย ให้พี่เตรียมการก่อน”
“ดีค่ะ ดีค่ะ”เด็กน้อยถังจื่อซีโห่ร้องด้วยความยินดี พี่ชายบอกว่าจะจัดเตรียม แสดงว่าตกลงแล้ว ในที่สุดพี่ชายก็ตกลงไปพบพ่อเสียที ช่างดีอะไรอย่างนี้
“จื่อซีสุดที่รัก ดีอะไรเหรอจ๊ะ?”เมื่อกี้เด็กทั้งสองคุยกันเสียงเบา ผู้ใหญ่จึงไม่ได้ยิน แล้วยามนี้ถังจื่อซีร้องด้วยความดีใจ เฟิ่งเหมียวเหมียวจึงเดินเข้ามาหา
“เป็นความลับของหนูกับพี่ชายค่ะ บอกคุณย่าไม่ได้ค่ะ”ถังจื่อซียิ้มอย่างสดใสให้เฟิ่งเหมียวเหมียว
“ตัวเล็กใจใหญ่”เฟิ่งเหมียวเหมียวมองรอยยิ้มอันสดใสของถังจื่อซี พลางอดยิ้มไม่ได้
ผู้ใหญ่ท่านอื่นในห้องโถงก็หัวเราะไปด้วยกัน
นับจากเด็กหัวแก้วหัวแหวนทั้งสองคนกลับมาอยู่ที่บ้านตระกูลถัง ที่นี่ก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างชื่นบานทุกวัน!
เฟิ่งเหมียวเหมียวตัดสินใจอยู่ที่บ้านทันที ไม่ตามถังหยุนเฉิงไปที่กองทหารอีก และถังหยุนเฉิงก็มักหาเวลากลับบ้านทุกๆสามถึงห้าวันเสมอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถังหลิงเลย ขอแค่ถังหลินมีเวลา เขาจะรีบกลับมาทันที
หลายปีมานี้ ตระกูลถังไม่เคยครึกครื้นอย่างนี้มาก่อน
เวลานี้มีคุณปู่เวินเพิ่มมาอีกคน เดิมทีคุณปู่เวินอยู่ที่บ้านตระกูลเวินด้วยบรรยากาศซบเซา หลังจากมาอยู่บ้านตระกูลถังแล้วก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ขาดสาย
“เมื่อก่อนผมคิดว่าการงานสำคัญที่สุด ดังนั้นปกติพวกเขาไม่ค่อยกลับบ้าน ผมก็รู้สึกปกติ แต่วตอนนี้พวกเขาไม่กลับมาหนึ่งวัน ผมก็รู้สึกทะแม่งๆ”ท่านปู่ถังอดถอนหายใจไม่ได้
สิ่งที่คนแก่ปรารถนาที่สุดก็คือครอบครัวรักใคร่กลมเกลียวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
“ใช่ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าครอบครัวสมัครสมานสามัคคีกัน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้ว”คุณปู่เวินก็รีบต่อหนึ่งประโยค นึกถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวตระกูลเวินแล้ว เขาก็อดผิดหวังไม่ได้
“ไม่ง่ายเลยกว่าคุณจะมาหนึ่งครั้ง งั้นก็อยู่ต่ออีกหลายวันเลยนะ เล่นกับเด็กๆทั้งสองคนให้หนำใจไปเลย”ท่านย่าถังรู้เรื่องของบ้านตระกูลเวินดี ดังนั้นจึงทำใจให้คุณปู่เวินกลับไปคนเดียวไม่ได้
“ดีครับ งั้นก็ดีมากเลยครับ ซิ่วผิงยังไม่กลับมา งั้นผมก็อยู่ต่ออีกหลายวันเลยนะครับ”คุณปู่เวินก็ไม่เกรงใจ พูดตามตรง เขาก็ไม่อยากไปเหมือนกัน“เด็กทั้งสองคนน่ารักอย่างนี้ เป็นใครใครก็รัก ถ้าผมกลับไปคงต้องคิดถึงตายแน่?”
“ใช่แล้ว เด็กสองคนนี้น่ารักมาก เสียดาย ตาแก่บ้านตระกูลเย่อยู่ท่ามกลางความสุขแต่กลับไม่รู้คุณค่าเลย”ท่านย่าถังมองหน้าเด็กน้อยทั้งสองคนที่กำลังเล่นเองอยู่ ก็อดบ่นเบาๆหนึ่งประโยคไม่ได้
“พวกเขายังไม่รู้เรื่องเด็กทั้งสองคนมั้งครับ?”คุณปู่เวินขมวดคิ้วแน่นเป็นปม ถึงแม้จะเป็นคำถาม แต่ในใจเขาก็มีคำตอบอยู่แล้ว
“อืม พวกเขายังไม่รู้ แต่ตอนที่พวกเขามาครั้งก่อน พวกเขาเจอหน้าจื่อซีแล้ว แต่พวกเขาดูไม่ออก แถมยังดุใส่จื่อซีอีก ทำให้จื่อซีกลัวพวกเขามาก”ท่านย่าถังอดส่ายหัวไม่ได้“ก่อนหน้านี้พวกเขาต่อต้านฉิงฉิงเสมอมา เนื่องจากรู้ว่าฉิงฉิงคลอดลูกไม่ได้ ตาแก่นั่นเลยแกล้งบาดเจ็บ เพื่อใส่ร้ายฉิงฉิง”
ท่านย่าถังพูดถึงเรื่องนี้ก็อดโมโหไม่ได้
“รอพวกเขารู้ความจริงแล้วให้พวกเขาเสียใจเถอะ”ท่านปู่ถังยิ่งรู้สึกโมโหกว่า พูดเสียงเย็นเยียบออกมา
“คุณท่านครับ คุณนายครับ คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่มาครับ”และในเวลานี้ พ่อบ้านก็เดินเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าผิดแปลกเล็กน้อย
“พูดถึงก็มาถึงเลย เหมือนอย่างที่เขาว่าพูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา”เฟิ่งเหมียวเหมียวชะงัก อดหัวเราะไม่ได้
“พวกเขามาทำไม?”ท่านย่าถังชักสีหน้าขึ้นมา“ไม่พบ ให้พวกเขากลับไปเถอะ”
“คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่นำของขวัญมามากมายเลยครับ บอกว่ามาขอขมาครับ”พ่อบ้านไม่ได้ออกไปทันที แต่อดใจหัวเราะไม่ได้
“ขอขมา?พวกเขามาขอขมาพวกเราทำไม?”ท่านย่าถังมึนงงอย่างสงสัย“พวกเขาน่าจะยังไม่รู้ว่าถังฉิ้นเอ๋อก็คือเวินลั่วฉิงมั้ง?”
“แต่พวกเขาน่าจะรู้แล้วว่าผู้หญิงในวิดีโอคือฉิ้นเอ๋อ”ท่านปู่ถังยิ้มบางๆ“คาดว่าเป็นแผนการของเย่ซือเฉินอีกล่ะซิ”
“หา?คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง?คุณหมายความว่าเย่ซือเฉินให้พวกเขามาขอขมาเหรอ?”สมองท่านย่าถังหมุนไม่ทันไปชั่วขณะ
“เย่ซือเฉินไม่ได้พูดตรงๆหรอก เย่ซือเฉินแค่ให้พวกเขารู้ว่าผู้หญิงในวิดีโอคือคุณหนูตระกูลถัง พวกเขาก็รีบเสนอหน้ามาแล้ว”เห็นได้ชัดว่าท่านปู่ถังมองทะลุเรื่องราวจนปรุโปร่งหมดแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ปิดดวงตาคู่แหลมคมของท่านปู่ถังไม่ได้เลย
“ดังนั้น พวกเขาอยากจะมาสานสัมพันธ์แต่งงานกับพวกเรา?”ท่านย่าถังเข้าใจในที่สุด ซึ่งเป็นเพราะเข้าใจแล้ว สีหน้าจึงยิ่งโมโหมากขึ้น“เรื่องระหว่างพวกเขากับตระกูลกู่ยังไม่สะสางเลย ยังคิดจะมาคุยกับพวกเราอีก พวเขากล้าคิดพร่ำเพรื่อจริงๆ ทำไมถึงมีคนหน้าไม่อายขนาดนี้นะ”
“อีกอย่าง เรื่องของฉิงฉิงพวกเขาจะปล่อยผ่านไปอย่างนี้ง่ายๆเหรอ เย่ซือเฉินมีแค่คนเดียว แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาอยากหาพ่อตาแม่ยายให้เย่ซือเฉินกี่บ้านกันเนี่ย?”ท่านย่าถังยิ่งพูดก็ยิ่งเคืองใจ พลางสั่งกับพ่อบ้านว่า“บอกพวกเขาว่า ไม่พบ ให้พวกเขากลับไป”
“ครับ”ครั้งนี้พ่อบ้านไม่ได้พูดอะไร รีบออกไปโดยพลัน
ท่านปู่ถังนิ่งเฉยไม่พูดอะไร เขาคาดว่าถึงแม้ครั้งนี้จะไล่พวกตระกูลเย่กลับสำเร็จ แต่ไม่นานพวกเขาคงต้องมาอีกแน่ๆ
“คุณยิ้มอะไร?ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว คุณยังยิ้มอย่างมีความสุขอยู่อีก”ท่านย่าถังหันไปเห็นท่านปู่ถังกำลังยิ้มอยู่ จึงอดจ้องเขม็งใส่เขาไม่ได้
“คุณไล่ได้ดีมาก ครั้งหน้าก็ไล่ต่อไป จะเสียน้ำใจเย่ซือเฉินไม่ได้”เวลานี้ท่านปู่ถังตอบด้วยรอยยิ้มจางๆ
“หมายความว่ายังไง?คุณหมายถึงฉันไล่พวกเขาไปแล้ว พวกเขาจะมาอีกเหรอ?อีกทั้งยังเรียกว่าน้ำใจของเย่ซือเฉินอีก?”ดวงตาท่านย่าถังกะพริบรัวๆ รู้สึกสับสนอีกครั้ง