ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 710 ความเผด็จการอันทรงพลังของคุณชายสามเย่ เท่ระเบิดไปเลย (16)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 710 ความเผด็จการอันทรงพลังของคุณชายสามเย่ เท่ระเบิดไปเลย (16)
บทที่ 710 ความเผด็จการอันทรงพลังของคุณชายสามเย่ เท่ระเบิดไปเลย (16)
ขณะนี้ คำพูดนี้ของไป่หลี่หยูหมิงนั้นพูดให้นักข่าวทุกคนฟัง และก็พูดให้เวินหรวนหรวนฟังด้วย
เวินหรวนหรวนได้ยินคำพูดของไป่หลี่หยูหมิงแล้ว ก็อึ้งไปเลย แววตาคู่หนึ่งหันไปทางหลี่หยุนด้วยความเร็ว มองหลี่หยุนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เวินหรวนหรวนไม่กล้าเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง
ไม่กล้าเชื่อว่าในสถานการณ์แบบนั้นแม่ของเธอกลับไม่คิดหาวิธีช่วยเหลือเธอ!!
“ให้ตายเถอะ บนโลกใบนี้ทำไมถึงมีแม่แบบนี้ด้วย? ช่างโหดร้ายเกิดไปแล้ว”
“ใช่แล้ว เธอไม่สนใจความเป็นอยู่เป็นตายของลูกสาวเลย”
“ส่วนเวินลั่วฉิงนั้นกลับคิดว่าวิธีช่วยเหลือเวินหรวนหรวนมากโดยตลอด ถึงแม้ว่าแม่ลูกคู่นี้จะทำร้ายเวินลั่วฉิงขนาดนี้ เวินลั่วฉิงก็ยังมีจิตใจที่ดี ในสถานการณ์แบบนั้นยังคิดที่จะช่วยเหลือคนอยู่”
“ดูเหมือนว่าเวินลั่วฉิงจะบริสุทธิ์ แล้วยังจิตใจดีอีกด้วย เสียดายที่แม่ลูกคู่นี้ไม่รู้จักกตัญญู ยังใส่ร้ายเวินลั่วฉิงอีก ช่างน่าเกลียดจริงๆ”
ผู้คนเริ่มพูดคุยวิจารณ์กันขึ้นมา
“ทำไมแม่ถึงทำแบบนี้? ทำไม? หมอบอกว่า หากมาเช้ากว่านี้ ขาของหนูก็อาจจะไม่พิการแล้ว” ฟังคำพูดของทุกคนแล้ว เวินหรวนหรวนทรุดไปเลย
เวินหรวนหรวนไม่กล้าที่จะคิดเลยว่าแม่ของเธอจะไม่สนใจกับความตายของเธอ
ขาของเธอ! หากเช้ากว่านี้ก็อาจจะไม่พิการแล้ว จุดนี้เป็นจุดที่เวินหรวนหรวนมีความเห็นที่สุด
ได้ยินเสียงตะโกนของเวินหรวนหรวน ทุกคนต่างก็ส่ายหัว หลี่หยุนไม่เหมาะที่จะเป็นแม่คนหนึ่งจริงๆ ไม่ เธอไม่เหมาะที่จะเป็นคนเลย
ขอแค่คนคนหนึ่ง ขอแค่ยังมีจิตใต้สำนึกเล็กน้อย ก็ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นออกมาได้
“คุณเวิน ขอถามหน่อยครับว่าคุณจำเบอร์โทรศัพท์ของเวินลั่วฉิงได้หรือเปล่า?” ขณะนี้ จู่ๆ ไป่หลี่หยูหมิงก็ถามมาประโยคหนึ่ง คำถามนี้มีความแปลกเล็กน้อย ทำให้ผู้คนส่วนมากไม่เข้าใจ
เขาสงสารการถูกกระทำของเวินหรวนหรวน แต่ว่านี่เป็นสิ่งที่เวินหรวนหรวนหาใส่ตัวเอง และยังมีเรื่องสำคัญบางอย่าง เขาก็ยังคงต้องทำ
การแสดงที่เวินหรวนหรวนและกู้เจิ้งยี่แสดงเมื่อกี้ เขาและคุณชายสามเย่ต่างก็เห็นอย่างชัดเจน ต่างก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
พวกเขาอยากจะใช้พลังของนักข่าวในการสร้างหลักฐานปลอมขึ้นมาเพื่อกำหนดความผิดของดเวินลั่วฉิง เรื่องนี้คุณชายสามเย่ไม่สามารถปล่อยไปได้
ฉะนั้นบัญชีนี้ก็ต้องคิดให้ชัดเจน
ความหมายของคุณชายสามเย่คือ จะให้เวินลั่วฉิงออกจากสถานีตำรวจอย่างใสซื่อบริสุทธิ์โดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ
ในใจของเวินหรวนหรวนกลับแอบตกใจหนักมาก ทำไมจู่ๆ เขาถึงถามเรื่องนี้?
“คุณเวิน ช่วยตอบคำถามผมหน่อยครับ” ไป่หลี่หยูหมิงไม่ยอมให้เวินหรวนหรวนหนีไปแน่นอน เขาพูดเสริมต่ออีกหนึ่งประโยค
“คุณเวินต้องจำได้แน่ๆ เมื่อกี้พึ่งตรวจสอบเองไม่ใช่หรอครับ” นักข่าวคนหนึ่งนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ รีบพูดออกมาหนึ่งประโยค แต่ว่าตอนที่เขาพูดประโยคนี้ ในน้ำเสียงกลับมีความสงสัยแฝงอยู่
“’ งั้นขอเชิญคุณเวินช่วยพูดเบอร์โทรศัพท์ของเวินลั่วฉิงออกมาต่อหน้าทุกคนด้วยครับ” แววตาของไป่หลี่หยูหมิงเปล่งประกายขึ้น ขณะนี้น้ำเสียของเขามีอำนาจที่ผู้คนไม่สามารถคัดค้านได้
จริงๆ แล้วเวินลั่วฉิงไม่รู้เบอร์โทรศัพท์ของเวินลั่วฉิงแท้ๆ ก่อนหน้านี้เธอได้พูดคุยกับกู้เจิ้งยี่มาก่อนแล้ว เธอก็แค่ช่วยแสดงละครนี้เท่านั้น
ขณะนี้สีหน้าของเวินลั่วฉิงได้เปลี่ยนไป ริมฝีปากสั่น กลับพูดไม่ออกสักคำ
“หรือว่าคุณเวินจะไม่รู้เบอร์โทรศัพท์ของเวินลั่วฉิง?”
“ไม่หรอกมั้ง? เมื่อกี้เธอดูแค่แวบเดียว ก็มั่นใจแล้วว่านั่นเป็นเบอร์โทรศัพท์ของเวินลั่วฉิง”
“งั้นทำไมตอนนี้เธอถึงพูดไม่ออก?”
“คุณเวิน ขอเชิญคุณให้ความร่วมมือกับการทำงานของทางตำรวจด้วยครับ” ไป่หลี่หยูหมิงพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค
“ฉัน ฉัน เบอร์โทรศัพท์ของเวินลั่วฉิงฉันไม่ได้ชัดเจนมากนัก” เวินลั่วฉิงในขณะนี้กระวนกระวายมาก ผ่านการโจมตีในเมื่อกี้ ตอนนี้สมองไม่ได้มีสติขนาดนั้นแล้ว ฉะนั้นการตอบสนองจึงช้าเล็กน้อย
“งั้นเมื่อกี้คุณเวินมีสิทธิ์อะไรมาแยกแยะว่าเบอร์โทรศัพท์ของโจรคนนั้นคือของปลอม?” แววตาของไป่หลี่หยูหมิงมีความเย็นชาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เสียงก็เย็นชาลงอย่างเห็นได้ชัดเจน
“ฉัน……ฉันคิดแบบนี้ คิดไม่ออก แต่ว่าพอเห็นแล้วก็รู้แล้ว” ในตอนที่เวินหรวนหรวนพูดประโยคนี้ อดมองไปทางกู้เจิ้งยี่ไม่ได้ เพราะว่ารู้สึกผิด เพราะว่ากระวนกระวาย เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าพูดติดขัดแล้ว
ไป่หลี่หยูหมิงยิ้มอย่างเย็นชา เขาไม่ได้ไล่ถามเวินหรวนหรวนต่อ เพราะว่าเขารู้ นักข่าวที่อยู่ในพื้นที่ตอนนี้ ต่างก็เป็นคนที่ฉลาด ถนัดในการสำรวจคนที่สุดแล้ว
ดังนั้น ไม่ต้องให้เขาพูดให้ชัดเจนมาก นักข่าวต่างก็รู้แล้ว
สำหรับเวินหรวนหรวนก็ไม่มีอะไรต้องพูดมากไปกว่านี้แล้ว
ไป่หลี่หยูหมิงเดินตรงไปทางกู้เจิ้งยี่เลย ยิ้มที่มุมปาก แล้วพูดด้วยเสียงเข้มว่า “หัวหน้าสำนักงานกู้ ขอเชิญคุณหาเบอร์โทรศัพท์ของเวินลั่วฉิงในโทรศัพท์ของโจรคนนั้นออกมาหน่อยครับ”
“นายทำอะไร? ทำไมฉันต้องฟังนาย?” กู้เจิ้งยี่สูดหายลึก ในแววตากำลังแอบแฝงความกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัดเจน
“เพราะว่าตอนนี้คดีนี้ผมเป็นคนรับผิดชอบ เรื่องราวที่เกี่ยวกับคดีผมต้องสืบให้ชัดเจนทั้งหมด” คำพูดประโยคนี้ของไป่หลี่หยูหมิงทำให้กู้เจิ้งยี่ไม่สามารถคัดค้านได้
“แน่นอน ฉะนั้นทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะให้ทุกคนเห็นความจริง ไม่ถูกโกหก” ไป่หลี่หยูหมิงพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค ประโยคนี้ของเขามีความหมายบ่งชี้อยู่
ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ต่างก็เป็นคนฉลาด การตอบสนองเร็วกันทั้งนั้น เพียงแค่แวบเดียวก็ฟังออกถึงความหมายของไป่หลี่หยูหมิงแล้ว
“นี่เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? หรือว่าที่เป็นการแสดงละครที่หัวหน้าสำนักงานกู้และเวินหรวนหรวนนัดหมายกันมาก่อนแล้ว? ทำเอาพวกเราทุกคนต่างก็ถูกหลอกกันไปหมด?” มีนักข่าวคนหนึ่งที่ปากเร็ว พูดประโยคนี้ออกมาเลย
“ไม่หรอกมั้ง หัวหน้าสำนักงานกู้ทำแบบนี้มีเป้าหมายอะไรกันแน่?”
“เป้าหมายชัดเจนมาก พวกเขาแสดงละครแบบนี้ต่อหน้าเรา สร้างหลักฐานปลอมขึ้นมา จากนั้นก็ใช้พวกเราให้ไปแพร่กระจายข่าว จากนั้น…..”
“พวกนายพูดบ้าอะไร?” กู้เจิ้งยี่ได้ยินคำพูดของนักข่าวแล้ว ตะโกนดังกลับไปหนึ่งประโยคเลย
“หากหัวหน้าสำนักงานกู้ไม่ได้ทำผิดอะไร งั้นก็ขอเชิญคุณให้ความร่วมมือกับการทำงานของเรา ขอเชิญหัวหน้าสำนักงานกู้พูดหน่อยครับว่า เบอร์โทรศัพท์ไหนในโทรศัพท์เป็นของเวินลั่วฉิง” ความจริงจังในขณะนี้ของไป่หลี่หยูหมิงทำให้ผู้คนรู้สึกกลัวมาก
“คือเบอร์นี้ เมื่อกี้ที่โจรคนนั้นพูดคือเบอร์แล้ว?” เผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ ภายใต้การเห็นของนักข่าวกู้เจิ้งยี่รู้ว่าเขาหนีไม่พ้นแล้ว ฉะนั้นจึงพูดเบอร์โทรศัพท์นั้นออกมาก่อน
ไป่หลี่หยูหมิงนำโทรศัพท์ไปยังข้างหน้าของตำรวจที่อยู่ข้างกายกู้เจิ้งยี่ “เมื่อกี้หัวหน้าสำนักงานกู้พูดว่า คุณเป็นคนสอบปากคำเวินลั่วฉิง ขอเชิญคุณตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์นี้อีกครั้ง เบอร์นี้เป็นของเวินลั่วฉิงหรือเปล่า”
สำหรับคำถามที่เกี่ยวกับเบอร์โทรศัพท์ในเมื่อกี้ ตำรวจคนนี้ได้ทำการตัดสินใจขึ้นสุดท้าย ทำให้ทุกคนต่างก็เชื่อถือไม่มีข้อสงสัย
ตอนนั้น ตำรวจคนนี้ตอบกลับเร็วมาก แน่ใจมาก ไม่มีการสงสัยใดๆ
แต่ว่าขณะนี้ตอนที่ตำรวจมองเบอร์โทรศัพท์นี้ กลับไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
ไป่หลี่หยูหมิงไม่ได้เร่งเขา แค่วางโทรศัพท์ไว้ข้างหน้าเขา แล้วรออย่างมีความอดทน