ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 711 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (1)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 711 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (1)
บทที่ 711 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (1)
ถึงกระนั้น ตำรวจนายนั้นก็ถูกราศีอันแข็งกล้าของไป่หลี่หยูหมิงทำให้กดดันจนหายใจไม่สะดวก
“นายพูดสิ แค่เบอร์โทรต้องตรวจดูความแน่ใจนานขนาดนี้เลยเหรอ?”กู้เทียนยี่กลับตวาดเสียงใส่หนึ่งประโยค ถึงจะตวาดใส่ตำรวจ แต่เจตนารมณ์นั้น……
“ครับ”ตำรวจคนนั้นชะงัก จากนั้นพยักหน้า
ไป่หลี่หยูหมิงยิ้มเย็นเยียบ เอามือถือของ‘โจรลักพาตัว’ยื่นให้ตำรวจด้านข้างคนหนึ่ง“เก็บไว้ให้ดี ถึงเวลาก็ตรวจสอบให้หมด”
“ก่อนผมมาถึงได้สืบหาข้อมูลคดีนี้ก่อนแล้ว ซึ่งรวมถึงข้อมูลบันทึกการโทรของเวินลั่วฉิงด้วย และเบอร์นี้ไม่ใช่เบอร์ของเวินลั่วฉิง ผมไม่รู้ว่าเรื่องอย่างนี้ ทำไมพวกคุณต้องพูดปดด้วย”คำพูดของไป่หลี่หยูหมิงค่อยๆส่งออกมาทีละคำ ระดับเสียงของเขาไม่สูง แต่คำพูดของเขากลับสะเทือนขวัญของผู้คน
ตอนนี้เขาใช้วิธีซักถาม ไม่ใช่การสอบสวน ซึ่งสองเรื่องนี้ต่างกันมาก
สอบสวนนั้นมีไว้ใช้สำหรับผู้ที่เข้าข่ายเป็นนักโทษแล้ว แต่การซักถามเป็นแค่ขั้นตอนบันทึกการสอบปากคำเท่านั้น
เขากลอกตาเล็กน้อย รีบมองไปยังกู้เทียนยี่“ผู้บัญชาการกู้เจิ้ง คุณอธิบายได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
นักข่าวแต่ละคนต่างเป็นผู้มีหัวคิดกันทั้งนั้น เรื่องมาถึงขั้นนี้ ทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร
“ผู้บัญชาการกู้ไต้ เรียนถามหน่อยค่ะว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่?”นักข่าวหลายคนรีบเข้าไปล้อมด้านหน้ากู้เทียนยี่
กู้เทียนยี่แอบสูดลมหายใจลึกๆ เรื่องนี้หลังตระกูลกู้พบว่ากู่หยิงหยิงร้องเรียนคุณชายห้าฉิง พวกเขาก็เริ่มวางแผน ซึ่งตระกูลกู้ของพวกเขาทั้งหมดรวมหัวกันวางแผน ซึ่งเดิมทีคิดว่าฟ้าไร้ตะเข็บอย่างไม่มีข้อบกพร่อง
คาดไม่ถึงว่าขั้นแรกก็โดนเปิดโปงเสียแล้ว
กู้เทียนยี่รู้ว่าครั้งนี้เขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบแล้ว แผนการขั้นแรกถูกเปิดโปง คดีนี้จะมีไป่หลี่หยูหมิงรับช่วงต่อ เขาแทรกมือไม่ได้อีก
“ผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนัก ผมก็พึ่งมา หลายๆเรื่องยังไม่เข้าใจ……”ตอนนี้สิ่งที่กู้เทียนยี่ทำได้ก็คือผลักความรับผิดชอบให้แก่ผู้อื่น ดึงตัวเองออกมาให้ได้
“ผู้บัญชาการกู้ไต้ไม่เข้าใจเหตุการณ์ก็วินัจฉัยคดีต่อหน้าผู้คนมากมายเหรอ?อีกทั้งยังกำหนดโทษให้เวินลั่วฉิงทันที ช่างร้ายกาจเสียจริง”เพียงแต่ไป่หลี่หยูหมิงแทรกพูด ความหมายเย้ยหยันนั้นชัดเจนมาก
“พอดีมีจับโจรได้คนหนึ่ง คุณเวินบอกว่าจะจะชี้ตัวผู้ร้าย คุณเวินเป็นผู้เสียหาย ผมต้องดูแลสภาพจิตใจของคุณเวิน ผมก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดข้อบกพร่องอย่างนี้”บัดนี้กู้เทียนยี่ผลักความรับผิดชอบทั้งหมดให้ผู้อื่น ทำให้ตัวเองขาวสะอาดหมดจด
เวินหรวนหรวนชะงักคิดจะโต้เถียงด้วยจิตใต้สำนึก แต่เมื่อสบตากับแววตาเลวทรามของกู้เทียนยี่ ร่างกายเธอก็สั่นด้วยสัญชาตญาณ ก่อนจะหุบปากพูด
เธอรู้ว่าเวลานี้คัดค้านกู้เทียนยี่ไม่มีผลดีกับเธอเลย
เธอยิ่งรู้ดีว่าเธอไม่มีคุณสมบัติเป็นอริกับตระกูลกู้
เมื่อสักครู่ตอนดูยืนยันเบอร์ของเวินลั่วฉิง ตำรวจนายนั้นก้มหน้าตลอด มองไม่เห็นสีหน้าของเขา
“ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้แน่ชัด จากนั้นรายงานไปยังเบื้องบนตามความจริง ผมเชื่อว่าผู้นำเบื้องบนต้องปฏิบัติอย่างเป็นกลางแน่นอน”ไป่หลี่หยูหมิงหัวเราะเสียงเย็นยะเยือก เรื่องมาถึงขั้นนี้ บรรลุเป้าหมายที่คุณชายสามเย่ต้องการแล้ว ฉะนั้นเขาไม่ต้องอยู่ต่อเพื่อพูดเรื่องไร้สาระกับคนพวกนี้อีกต่อไป
ร่างกายกู้เทียนยี่แข็งค้าง ตรวจสอบให้แน่ชัด จากนั้นรายงานความจริงแก่เบื้องบน?
หากไป่หลี่หยูหมิงจะตรวจสอบ มีเรื่องอะไรปิดบังเขาได้บ้าง?วันนี้ไป่หลี่หยูหมิงพึ่งมาก็ทำลายแผนการทั้งหมดของเขา และยังพิสูจน์ว่าเวินลั่วฉิงบริสุทธิ์ได้อีกด้วย ช่วงเวลาสั้นๆ ไป่หลี่หยูหมิงเกือบไขคดีจนกระจ่างทุกอย่างแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ไป่หลี่หยูหมิงกระทำ เพียงพอที่จะทำให้เขาหวาดกลัว
กู้เทียนยี่คิดว่าเขาแพ้ให้กับไป่หลี่หยูหมิงตรงหน้า ซึ่งความจริงไม่ใช่ กู้เทียนยี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขาคือใคร!!
ไป่หลี่หยูหมิงเข้าไปยังสถานีตำรวจ จากนั้นไม่นานก็ปล่อยตัวเวินลั่วฉิงออกมา
ตอนที่เวินลั่วฉิงออกมา หลี่หยุนได้ถูกควบคุมตัวไปขังที่คุกเรียบร้อย และเวินหรวนหรวนก็ถูกนำตัวเข้าไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจด้วย
ทว่านอกสถานีตำรวจยังมีนักข่าวล้อมไม่น้อย นักข่าวเห็นเวินลั่วฉิงออกมาก็รีบเข้าไปมุง
“คุณหนูใหญ่ตระกูลเวินค่ะ ตอนนี้ยืนยันความบริสุทธิ์ของคุณแล้ว คุณมีอะไรจะพูดหรือเปล่าคะ?”
“คุณหนูใหญ่เวินครับ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมขนาดนี้ แต่คุณก็ยังปรับเคราะห์ร้ายกลายเป็นดีได้ มีคนคอยช่วยเหลือคุณอยู่หรือเปล่าครับ?”
“ลำบากแล้ว”สายตาเวินลั่วฉิงจับจ้องอยู่ในทิศทางหนึ่ง พร้อมกับพูดหนึ่งประโยคที่เจื่อนรอยยิ้มไว้
คำพูดของเวินลั่วฉิงฟังคล้ายกับพูดให้นักข่าวฟัง แต่ความจริงไม่ใช่ เธอพูดให้ใครบางคนฟังต่างหาก
ตรงไม่ไกลออกไป คุณชายสามเย่ที่นั่งอยู่ในรถยกมุมปากขึ้นอย่างพอใจ
อืม ในที่สุดผู้หญิงของเขาก็รู้จักเป็นห่วงเขา เริ่มมีน้ำใจหน่อยแล้ว!
นักข่าวต่างชะงักไปตามๆกัน อยากถามอีกครั้ง แต่เวินลั่วฉิงได้ห่างออกไปอย่างฉับพลันเสียแล้ว
เวินลั่วฉิงออกจากสถานีตำรวจมาก็ขึ้นไปนั่งรถที่จอดข้างถนน
เธอขึ้นรถปุ๊บ รถก็ขับออกไปปั๊บ
บนรถ คุณชายสามเย่กอดเธอไว้แน่น แล้วจูบอย่างดื่มด่ำแรงๆ
ถึงแม้เขาจะเวลาที่เร็วที่สุดช่วยเธอออกมาแล้ว แต่เขายังคงสงสารเธอ ผู้หญิงของเขาทำไมต้องถูกใส่ร้ายโดยไม่มีเค้ามาก่อน?ยังต้องเข้าสถานีตำรวจด้วยสถานะผู้ต้องสงสัยอีก?
เขาไม่อนุญาตให้เกิดเรื่องอย่างนี้อีก
เวินลั่วฉิงไม่ได้ปฏิเสธเขา สองมองไปกอดเขาเอง ตอบรับการกระทำของเขา
เวลานี้ทั้งสองคนเห็นเลขาหลิวที่ขับรถอยู่ด้านหน้าเป็นอากาศธาตุเสียแล้ว
เลขาหลิวตั้งใจขับรถ ไม่กล้าชำเลืองแม้แต่หางตา
การจูบที่เผ็ดร้อนไม่หยุด ทั้งสองเริ่มหายใจเร็ว ร่างกายเวินลั่วฉิงร้อนขึ้นเรื่อยๆ ตัวอ่อนขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดคุณชายสามเย่ก็คลายเธอออก มองหน้าไปยังเธอ มุมปากยกขึ้นไม่ขาดสาย“รู้ว่าผมลำบาก แล้วจะขอบคุณผมยังไงล่ะ?”
ปกติคุณชายสามเย่ไม่ใช่คนทำดีแล้วไม่ลงนามอยู่แล้ว เขาทำเรื่องดีๆไว้สำหรับเธอ เธอต้องตอบแทน!
เวินลั่วฉิงมองหน้าเขาด้วยคิ้วงามดั่งไหม รอยยิ้มสวยงาม“คุณอยากได้อะไร?”
ก่อนหน้านี้เธอเคยพูดกับฉิงถิงว่าเธอเชื่อมั่นในตัวเย่ซือเฉิน เธอเชื่อว่าเย่ซือเฉินมีความสามารถเช่นนั้น
แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วเช่นนี้ เร็วจนทำให้เธอเหลือเชื่อ
ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งมาก ทรงพลังเกินความคาดหมายของเธอ เห็นได้ชัดว่าตอนที่เขากับเธอดวลกัน เขาไม่ได้ปิดบังความสามารถที่แท้จริงไว้
ฉะนั้น คนฉลาดอย่างเธอ วันหลังจะไม่เป็นปริปักษ์กับเขาอีก หรือการคล้อยตามเขาถือว่าเป็นความคิดไม่เลวเลย
“ผมอยากได้อะไรก็ได้เหรอ?”คุณชายสามเย่มองหน้าเธอ ตอนนี้เธออยู่ในอิริยาบถเช่นนี้ ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่เล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปลักษณ์ไหน สำหรับเขา เธอเป็นปีศาจที่มีเสน่ห์ยั่วยวนอย่างแรงกล้า เป็นปีศาจที่สามารถคร่าชีวิตได้