ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 715 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (5)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 715 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (5)
บทที่ 715 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (5)
“ให้เขามาดู แล้วไล่ออกจากบ้านตระกูลเวินอย่างไม่ให้หวนกลับ เขาไม่คู่ควรเป็นลูกชายของคุณปู่”ถึงแม้ตอนนี้เวินลั่วฉิงอยากฆ่าเวินจีหยันแทบตาย แต่เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะฆ่าคน
แต่เวินจีหยันรู้อยู่เต็มอกว่าคุณปู่เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง ไม่อาจกระทบกระเทือนจิตใจได้เป็นอันขาด แต่เขากลับจงใจกระตุ้นสภาพจิตใจคุณปู่ แค่เรื่องนี้เธอก็ไม่อาจให้อภัยได้แล้ว
สำหรับคดีหลี่หยุนวางแผนลักพาตัวคน เวินจีหยันไม่เคยสมคบคิด ดังนั้นตำรวจจึงไม่ได้จับตัวเขา หากรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้แต่แรก เธอก็ควรให้ตำรวจจับเวินจีหยันเข้าคุกเสียเลย
“ได้ ฟังคุณทุกอย่างเลย คำพูดของคุณถือเป็นคำขาด”เย่ซือเฉินมองหน้าเธอ ดวงตาเปี่ยมด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้ถึงเธอจะให้เขาไปฆ่าเวินจีหยัน เขาก็ช่วยเธอฆ่าได้
จากนั้นคุณปู่เวินก็ถูกย้ายเข้าไปอยู่ในห้องผู้ป่วยหนัก พูดตรงๆก็คือห้องผู้ป่วยหนักมีไว้ยื้อชีวิต มีชีวิตอยู่ได้หนึ่งวันก็หนึ่งวัน
เย่ซือเฉินประสานงานไปยังแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคหัวใจ เมื่อหมอเข้าดูอาการของคุณปู่เวินแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว บอกว่าอาการอย่างนี้มีโอกาสฟื้นขึ้นมาน้อยมาก น้อยมาก เกือบเป็นไปไม่ได้เลย
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เวินลั่วฉิงก็ไม่อยากละทิ้งโอกาสนี้ไป แม้จะมีโอกาสแค่เสี้ยวเดียว เธอก็ไม่ละทิ้ง
หลังคุณปู่เวินเข้ารับการผ่าตัดเสร็จ เวินลั่วฉิงก็ให้คุณหมอโทรหาเวินจีหยัน ตอนที่คุณหมอโทรหาเวินจีหยันนั้น เวินลั่วฉิงก็อยู่ด้านข้าง เธอได้ยินชัดเจนว่าคุณหมอบอกอาการทั้งหมดของคุณปู่เวินให้เวินจีหยันทราบหมดแล้ว
แต่เวินจีหยันกลับปรากฏตัวที่โรงพยาบาลตอนแปดโมงเช้ากว่าๆของวันรุ่งขึ้น
เพราะตอนนี้คุณปู่เวินอยู่ในห้องผู้ป่วยหนัก เวินลั่วฉิงจึงไม่ได้เฝ้าอยู่ข้างเตียง แต่เวินลั่วฉิงก็อยู่แต่โรงพยาบาลทั้งคืน เธอเกรงว่าอาจเกิดอะไรขึ้นได้
เย่ซือเฉินก็อยู่เป็นเพื่อนเธอที่โรงพยาบาลหนึ่งคืน
ตอนที่เวินจีหยันมา เย่ซือเฉินก็ออกไปซื้อข้าวเช้าให้เวินลั่วฉิงพอดี
เห็นเวินจีหยันเดินเข้ามาอย่างไม่เร่งรีบ เวินลั่วฉิงอยากจะฆ่าเขาสักเต็มประดา
“เกิดอะไรขึ้น?”เวินจีหยันเดินมายืนอยู่ด้านหน้าเวินลั่วฉิง พลางกวาดสายตามองเธอแวบหนึ่ง น้ำเสียงนั้นไม่ได้เป็นห่วงเลยสักนิด ในทางกลับกันยังเจือความรู้สึกมีความสุขเป็นความทุกข์ของคนอื่นอีกด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเขามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นอะไร
เวินลั่วฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย กวาดสายตามองเขาอย่างเย็นเยียบ และไม่ได้พูดอะไรกับเขา
ห้องผู้ป่วยหนักอยู่ข้างๆ หากเขาอยากรู้อาการคุณปู่จริงๆ เขาสามารถไปถามคุณหมอได้หรือเข้าไปดูคุณปู่ แต่เวินจีหยันไม่มีใจเข้าไปดูอาการคุณปู่เวินอย่างเห็นได้ชัด
“พ่อเอาหุ้นส่วนทั้งหมดในมือให้เธอหมดแล้ว พ่อไม่สบายแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน?เรียกฉันมาทำไม?”เวินจีหยันไม่เพียงแต่มีเจตนาไม่เข้าไปเยี่ยมคุณปู่เวิน แค่เขามาโรงพยาบาลก็ไม่เต็มใจแล้ว
ปกติเวินลั่วฉิงเป็นคนใจเย็นสุขุม บัดนี้กลับมีเพลิงบางอย่างลุกโชน เธออยากกระทืบคนตรงหน้านี้สักตั้ง แต่เธอรู้สึกว่ากระทืบคนอย่างนี้แค่เปื้อนมือเธอเปล่า
“เมื่อคืนลุงโทรหาคุณปู่ ลุงพูดอะไรบ้าง?”เวินลั่วฉิงมองหน้าเขา ดวงตาเผยความเย็นเยียบชวนให้หวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง
“ยังพูดอะไรได้อีก?ก็พูดเรื่องหรวนหรวนกับแม่ของเธอถูกจับอย่างไงละ เธอเป็นคนทำร้ายหรวนหรวน เธอทำให้แม่ลูกต้องเข้าคุก สถานการณ์เช่นนี้ คุณพ่อควรออกมาให้ความยุติธรรม?”เวินจีหยันมองหน้าเวินลั่วฉิง ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลย ทำหน้าเหมือนคนมีเหตุผล และคล้ายกับเวินลั่วฉิงเป็นคนทำผิดเสียอย่างนั้น
เวินลั่วฉิงรู้เพียงว่าหัวใจเจ็บแปลบ ความหมายของเวินหรวนหรวนก็คือเมื่อวานเขาโทรไปก็บอกเรื่องเวินหรวนหรวน และรวมถึงบอกเรื่องวิดีโอให้คุณปู่ทราบแล้ว?
มิน่าล่ะให้ไม่ทันคุยโทรศัพท์เสร็จก็เป็นลมไปเสียก่อน
“ฉันรู้ว่าปู่มีโรคหัวใจอยู่”เวินลั่วฉิงไม่ถือสาที่เขาบิดเบือนความจริง แต่เขาทำร้ายคุณปู่จนเป็นเช่นนี้ บัญชีนี้ต้องชำระ
“ฉันรู้”เวินจีหยันยกคิ้วขึ้น ตอบแบบสบายๆอย่างไม่ใส่ใจ
เวินลั่วฉิงมองเขาด้วยดวงตาเย็นยะเยือก
“ฉันก็แค่บอกให้พ่อฟัง ใครจะไปรู้ว่าไม่เอาไหนอย่างนี้ ฉันยังพูดไม่จบพ่อก็เข้าโรงพยาบาลซะแล้ว แต่ตาเฒ่านี้ยังไม่ตายไม่ใช่เหรอ พวกเธอใจร้อนเรียกฉันมาทำไม……”เวินจีหยันสบตาอันเย็นยะเยือกของเธอ ร่างกายพลันแข็งค้าง แต่เขายังคงรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ผิดอะไร
ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ เวินลั่วฉิงก็กัดฟัน จากนั้นก็ถอนหายใจแรงๆหนึ่งเฮือก ความหมายของเขาคือ คุณปู่ยังไม่ตายก็ไม่ต้องเรียกเขามา?เป็นคำพูดจากปากคนอยู่หรือเปล่า?
เขารู้ว่าตัวเองทำให้คุณปู่เป็นอย่างนี้ แต่เขายังทำท่ามีเหตุมีผลอย่างนี้อีก
เวินลั่วฉิงพบว่าเสวนากับเวินจีหยันคนพันธุ์นี้ มันช่างเสียเวลาจริงๆ
ตอนแรกเธอให้คุณหมอโทรหาเวินจีหยัน วัตถุประสงค์หลักก็เพื่อให้มาเยี่ยมคุณปู่ เพราะเขาเป็นลูกชายคุณปู่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้คุณปู่เหลือลูกชายคือเขาคนเดียวเท่านั้น
เดิมทีเวินลั่วฉิงคิดว่าเขาทำร้ายคุณปู่จนเป็นสภาพนี้ อย่างน้อยๆเวินจีหยันยังรู้สึกผิดอยู่บ้าน แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีเลย
เวินลั่วฉิงพบว่าเธอให้เวินจีหยันมาที่โรงพยาบาลเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์
เธอยังให้คุณหมอแจ้งบอกเวินจื่อหลงแล้วด้วย แต่จนป่านี้แล้วเวินจีหยันก็ยังไม่ปรากฏตัว ครอบครัวนี้จริงๆเลย!
“นับจากวันนี้ ลุงย้ายออกจากคฤหาสน์ตระกูลเวินเลย เอาของในบ้านตระกูลเวินไปไม่ได้ สิ่งที่ลุงเอาไปได้มีแต่เสื้อผ้าและของใช้ประจำวันของลุงเท่านั้น”เวินลั่วฉิงไม่ใช่คนไร้ความปราณี แต่เวลานี้เธอรู้สึกว่าออมมือคนอย่างเวินจีหยันต้องผิดกฎสวรรค์เป็นแน่
“เธอว่าอะไรนะ?”เวินจีหยันอึ้ง ดวงตาทั้งคู่จับจ้องอยู่กับเวินลั่วฉิงอย่างสงสัยความตัวเองฟังผิดไป
“ฉันไม่อยากพูดรอบสอง ให้เวลาลุงภายในวันนี้ ย้ายของของลุงออกไปให้หมด ตอนลุงย้ายของฉันจะให้คนไปเฝ้าดู ของที่ไม่ใช่ของลุง แตะต้องไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ วันนี้ถ้าไม่ย้ายออก ฉันจะให้คนโยนเสื้อผ้าของลุงออกไป อย่าริอ่านจะก้าวเข้าคฤหาสน์ตระกูลเวินเด็ดขาด”เวินลั่วฉิงเปล่งทีละถ้วยคำด้วยระดับเสียงที่ไม่สูงมากนัก แต่กลับพูดได้อย่างฉะฉานเป็นพิเศษ
ครั้งนี้เวินจีหยันยั่วโมโหเวินลั่วฉิงเต็มแรง สิ่งที่เวินจีหยันกระทำต่อเธอ เธอไม่ถือสาเอาความ แต่เวินจีหยันทำร้ายคุณปู่เวินจนเป็นเช่นนี้ แถมยังไม่สำนึกผิดอีก เรื่องนี้ไม่ว่ายังไงเธอก็ทนไม่ได้
ก่อนหน้านี้คฤหาสน์ตระกูลเวินถูกเวินจีหยันนำไปค้ำประกัน และต่อมาเวินจีหยันไม่มีเงินคืน ตามหลักแล้วคฤหาสน์ตระกูลเวินน่าจะถูกธนาคารยึดไป
เหมือนกับทรัพย์สินในนามเวินจีหยันชิ้นอื่น
ตอนนั้น เย่ซือเฉินซื้อคฤหาสน์ตระกูลเวินไว้ แล้วโอนย้ายเป็นชื่อเธอ ดังนั้นตอนนี้คฤหาสน์ตระกูลเวินเป็นทรัพย์สินส่วนตัวในนามเธอ