ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 717 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (7)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 717 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (7)
บทที่ 717 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (7)
เย่โป๋เหวิน คนที่เธอเคยสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการตายของแม่เธอ ?
วินาทีนี้เวินลั่วฉิงรู้สึกคาดไม่ถึง อีกทั้งยังรู้สึกประหลาดใจอีกด้วย ทำไมจู่ๆเย่โป๋เหวินถึงโทรหาเธอได้?
พูดตามความเป็นจริง ครั้งก่อนเธอไปบ้านตระกูลเย่แล้วไม่เจอหน้าเย่โป๋เหวิน ต่อมาเธอก็ไม่ได้เจาะจงจะไปสืบเรื่องเย่โป๋เหวินอีก
เรื่องผ่านไปนานหลายปีแล้ว เธอรู้ว่าบางเรื่องถึงหาสืบอย่างไรก็สืบไม่เจอ
อีกทั้ง ไม่รู้ทำไม เธอรู้สึกไม่อยากสืบ!
อาจเป็นเพราะเย่ซือเฉินหรืออาจเป็นเพราะอย่างอื่น เธอก็พูดไม่ได้เหมือนกัน
ทว่าตอนนี้เย่โป๋เหวินกลับโทรหาเธอ?
ทำไม?
“คุณเย่มีเรื่องอะไรไหมคะ?”เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจ ทำให้ตัวเองสงบลง น้ำเสียงของเธอยังคงสงบเหมือนปกติ ฟังความผิดแปลกไม่ออก
“คุณถัง พวกเราเจอหน้ากันหน่อยได้ไหม?”เย่ซือเฉินเรียกร้องพบหน้ากันทันที ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว คงถอยหลังไม่ได้อีก
“เจอกัน?ทำไม?”ดวงตาเวินลั่วฉิงกะพริบรัวๆ ก่อนหน้านี้เธอตามหาเย่โป๋เหวินเหนื่อยแทบตาย แต่ตอนนี้……
“คุณถัง พวกเราเจอกันแล้วค่อยคุยกัน”เย่โป๋เหวินไม่ได้พูดกระจ่าง เขาหยุดพูดชั่วคราว จากนั้นก็เสริมอีกหนึ่งประโยค “คุณถังวางใจได้ ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก”
ตอนที่เย่โป๋เหวินพูด น้ำเสียงมีอารมณ์ผิดแปลกหลายส่วน ความผิดแปลกนั้นมีโทรศัพท์กั้นไว้ คนทั่วไปจึงฟังไม่ออก
ทว่าเวินลั่วฉิงกลับฟังออก
ในน้ำเสียงผิดแปลกของเย่โป๋เหวิน ทำให้หนังตาเวินลั่วฉิงกระตุกด้วยจิตใต้สำนึก
เวินลั่วฉิงนึกถึงการตายของแม่ นึกถึงของที่แม่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ซึ่งหนึ่งในนั้นมีรูปถ่ายของเย่โป๋เหวิน……
“ได้ เมื่อไหร่คะ?ที่ไหนคะ?”เวินลั่วฉิงคิดแล้วก็ตอบตกลง เรื่องในอดีต เธอมีคำถามในใจมากมาย ตอนนี้เย่โป๋เหวินเป็นฝ่ายนัดเธอด้วยตัวเอง เธอไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไป
ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังอยากรู้สาเหตุที่เย่โป๋เหวินนัดเจอเธอกะทันหัน เธอจะดูว่าเย่โป๋เหวินคิดจะทำอะไร……
“ผมรอที่โรงแรมซินเยว่ คุณถังสะดวกมาเมื่อไหร่ ผมรออยู่ที่นี่ได้”อีกฝั่งหนึ่งของสาย เย่โป๋เหวินคล้ายกับโล่งอก อารมณ์ผิดแปลกในน้ำเสียงเก็บซ่อนยังคงอยู่เช่นเดิม
คำพูดนี้เพียงแต่แก่การแสดงท่าทีของเย่โป๋เหวิน หากเธอยังไม่ถึง เขารอได้เสมอ
“ค่ะ อีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะไปถึงค่ะ”จากที่นี่ไปถึงโรงแรมซินเยว่ต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง เวินลั่วฉิงคิดจะไปเดี๋ยวนี้เลย
ในเมื่อเย่โป่เหวินอยู่ตรงนั้นแล้ว เธอคงปล่อยให้เขารออยู่อย่างนั้นไม่ได้
เพราะเมื่อคืนเวินลั่วฉิงไม่ได้นอนดีๆ ดังนั้นจึงเรียกคนขับรถไปส่ง เพราะตอนนี้เธอใช้สถานะคุณหนูใหญ่ตระกูลเวิน ดังนั้นเรื่องให้คนขับรถไปส่งนับว่าสมเหตุสมผล
ตอนเวินลั่วฉิงออกมา เลขาหลิวกับบอดี้การ์ดก็กลับไปแล้ว
เวินลั่วฉิงคิดได้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับสาเหตุการตายของแม่ คิดว่าเย่โป๋เหวินอาจเกี่ยวข้องเรื่องของแม่ ดังนั้นเวินลั่วฉิงไม่ได้โทรหาเย่ซือเฉิน
ตอนนั้น เธอไม่ได้สืบเรื่องนี้ต่อ สาเหตุหลักก็เพราะเย่ซือเฉิน แต่ตอนนี้เรื่องมันกองอยู่ตรงหน้าเธอ เธอไม่อาจหลบหนีได้
ระหว่างที่นั่งรถอยู่ เวินลั่วฉิงเม้มปาก สีหน้าหนักอึ้ง เธอค่อยๆหลับตาพิงอยู่ที่เบาะรถ
จากที่ไม่นอนมาทั้งคืน เธอจึงเหนื่อยมาก แต่ตอนนี้กลับไม่ง่วงเลยสักนิด
เธอรู้สึกรางๆว่า การพบเจอกับเย่โป๋เหวินวันนี้อาจทำให้เกิดคลื่นยักษ์ได้
“คุณหนูใหญ่ เหนื่อยแล้วใช่ไหมครับ?หรือผมส่งคุณกลับไปพักผ่อนก่อนดีไหมครับ?อย่างนี้ร่างกายคุณจะรับไม่ไหวนะครับ”คนขับรถเห็นเธอหลับตา นึกว่าเธอง่วงนอน ซึ่งคนขับรถประจำตระกูลถังเป็นทหารเกษียณ ดังนั้นเชื่อถือได้เต็มร้อย
ฉะนั้นคนขับรถก็รู้ว่าเมื่อคืนเวินลั่วฉิงดูแลคุณปู่เวินอยู่ในโรงพยาบาลทั้งคืน ไม่หลับไม่นอนเลย
“ลุงหลี่ ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”เวินลั่วฉิงลืมตา แอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก บัดนี้แม้จะให้เธอกลับไป แต่เธอคงนอนไม่หลับ
หากเย่โป๋เหวินแค่เกี่ยวพันกับการตายของแม่เธอ เธอก็แค่ว่ากันไปตามเนื้อผ้า การสืบหาความจริงจะไม่ซับซ้อนเช่นนี้
แต่เย่โป๋เหวินดันเป็นพ่อของเย่ซือเฉิน
ลุงหลี่มองเห็นท่าทีของเวินลั่วฉิงผ่านกระจกรถ พลางกะพริบตาเล็กน้อย “คุณหนูใหญ่จะไปหาใครครับ?จะมีอันตรายไหมครับ?”
เห็นได้ชัดว่าลุงหลี่สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลของเวินลั่วฉิง อย่างน้อยสีหน้าเธอก็ไม่เหมือนปกติ
“ไม่หรอกค่ะ”เวินลั่วฉิงตอบทันที เมื่อพูดคำนี้ออกมาแล้ว เวินลั่วฉิงก็อึ้ง เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงมั่นใจอย่างนั้น
หลังเวินลั่วฉิงได้สติ จู่ๆก็หัวเราะ เธอรู้สึกว่าก่อนหน้านี้เธอคงตีตนไปก่อนไข้ เรื่องอาจไม่ใช่อย่างที่เธอคาดเดาก็ได้
ลุงหลี่เห็นเธอหัวเราะก็รู้สึกโล่งอก และไม่ได้ถามอะไรอีก
เมื่อถึงโรงแรมซินเยว่ เวินลั่วฉิงให้ลุงหลี่รออยู่ด้านนอก เธอเข้าไปเอง ทางเย่โป๋เหวินจองห้องวีไอพีไว้ ซึ่งได้แจ้งหมายเลขห้องให้เวินลั่วฉิงก่อนแล้ว
เวินลั่วฉิงเดินตรงไปยังห้องวีไอพีของเย่โป๋เหวิน
ตอนที่เวินลั่วฉิงเดินมาถึงหน้าประตูก็แอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก จากนั้นค่อยผลักประตูเข้าไป
ด้านในมีเย่โป๋เหวินคนเดียว ซึ่งเย่โป๋เหวินกำลังนั่งอยู่บนวีลแชร์ ร่างกายซูบผอม สีหน้าเศร้าโศกและใบหน้าขาวซีดเล็กน้อย ไม่ได้มีมาดดั่งเช่นอดีต ตอนที่เวินลั่วฉิงเจอเขาหน้าหมู่บ้าน
แต่เวินลั่วฉิงก็จำเขาได้ในแวบแรก
เย่โป๋เหวินที่อยู่ด้านในได้ยินเสียงเปิดประตู รีบเงยหน้าไปมองอย่างรวดเร็ว
เมื่อสายตาของเขาหยุดอยู่ที่ใบหน้าเวินลั่วฉิง ดวงตาทั้งคู่ก็เบิกกว้าง ในแววตามีความตกตะลึงที่ไม่อาจปิดบังได้ หรือไม่ทันปิดบัง
เมื่อเวินลั่วฉิงได้รับสาย เธอก็ลบเมคอัพอำพรางใบหน้าที่แท้จริงออก เพราะเย่โป๋เหวินบอกอยากพบหน้าคุณหนูใหญ่ตระกูลเวิน
เวินลั่วฉิงเห็นการตอบสนองของเย่โป๋เหวินพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย เย่โป๋เหวินเห็นเธอแล้วตกตะลึงทำไม?
เวินลั่วฉิงยังพบว่าความตกตะลึงนั้น ยังปนอารมณ์ซับซ้อนมากมาย
อารมณ์ซับซ้อนของเขาพวกนั้น ทำให้เวินลั่วฉิงขมวดคิ้วเบาๆ
“คุณเย่”เวินลั่วฉิงเดินเข้าห้องวีไอพี จากนั้นก็เปิดประตูเดินเข้าไปหา แล้วเรียกเบาๆหนึ่งประโยค
เย่โป๋เหวินเหมือนได้สติกลับคืนมา ดวงตาทั้งคู่กะพริบปริบๆ จากนั้นเก็บละสายตาที่มองเธออยู่
เขาแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก ราวกับพยายามสุดแรงเพื่อให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็เงยหน้ามองเวินลั่วฉิงอีกครั้ง
“คุณคือถังฉิ้นเอ๋อ?”ลำคอเย่โป๋เหวินขยับเล็กน้อย ไม่รู้เพราะเครียดหรือเป็นเพราะอย่างอื่น
“คุณเย่นัดฉันเอง ฉันคิดว่าคุณเย่น่าจะรู้สถานะของฉันดี”เวินลั่วฉิงไม่ได้ตอบคำถามเขาโดยตรง เขาเป็นคนนัดเธอ ตอนนี้เขาถามเธออย่างนี้ไม่ใช่แปลกมากหรอกเหรอ?