ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 718 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (8)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 718 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (8)
บทที่ 718 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (8)
เย่โป๋เหวินมองหน้าเธอ พลางเลิกคิ้ว มุมปากเม้มหน่อยๆ ไม่พูดอะไรในชั่วขณะนี้
เวินลั่วฉิงก็ไม่ได้พูดอะไร เธอรอให้เขาเอ่ยปากพูด
นาทีนี้อารมณ์ของเย่โป๋เหวินสับสนซับซ้อน ก่อนหน้านี้เขาดูรูปถ่ายเธอ มันช่างเหมือนจริงๆ
ตอนนี้มาเห็นตัวจริง ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่ แต่เขากลับรู้ดีว่าเธอไม่ใช่เธอที่เขาอยากหา
เพราะอายุไม่สอดคล้อง ดังนั้นเธอไม่ใช่ถังฉิ้นเอ๋อ หรืออาจพูดได้ว่าเธอไม่ใช่ถังฉิ้นเอ๋อที่เขาตามหา
แต่เธอตรงตรงหน้าเหมือนคนที่เขาอยากเจอเหลือเกิน เหมือนได้ขนาดนี้ แถมชื่อยังเหมือนอีก เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกี่ยวข้องกัน
แต่ว่าเย่โป๋เหวินกลับไม่รู้ควรเริ่มต้นพูดอย่างไรไปชั่วขณะ?ไม่รู้ว่าควรถามเช่นไรดี?
เธอมีลูกสาวหนึ่งคน แต่ลูกสาวของเธอตอนนี้อยู่ในบ้านตระกูลเวิน คือเวินลั่วฉิงคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเวิน
“คุณถังเหมือนเพื่อนเก่าคนหนึ่งของผมมาก”เย่โป๋เหวินตัดสินใจพูดอ้อมค้อมหน่อย เพราะบางเรื่องตอนนี้ยังไม่แน่ใจ
เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของเขา หางคิ้วยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเธอยังคงมองเขาโดยไม่พูดอะไร
เพื่อนเก่า?เพื่อนเก่าแบบไหน?เย่โป๋เหวินกับแม่ของเธอมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่?
“ชื่อพวกคุณเหมือนกัน”เวินลั่วฉิงไม่พูด เย่โป๋เหวินยิ่งไม่สะดวกคุยต่อ แต่คำบางคำ เขาไม่พูดไม่ได้ ไม่ถามให้กระจ่างไม่ได้
“ใช่เหรอ?บังเอิญจัง”มุมปากเวินลั่วฉิงขยิบ ในที่สุดก็ส่งเสียงเสียที แต่นาทีนี้เธอกลับไม่ได้พูดตรงๆ
จากน้ำเสียงของเย่โป๋เหวินเมื่อสักครู่ เขาไม่แน่ใจในสถานะของเธออย่างเห็นได้ชัด ไม่แน่ใจสถานะของเธอก็นัดเธอออกมา?
วิธีการเช่นนี้สะเพร่าเกินไป และเย่โป๋เหวินไม่เหมือนคนสุรุ่ยสุร่าย!
เธอรู้ว่าหลังเย่โป๋เหวินเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็อยู่ในศูนย์รักษาตัวมาโดยตลอด แม้แต่คนตระกูลเย่ก็ไม่พบ เธอได้ยินมาว่าสองปีมานี้เขากับเย่ซือเฉินก็ไม่ได้พบหน้ากันเลย ไม่ใช่เย่ซือเฉินไม่ไปเยี่ยมเขา แต่เป็นเพราะเขาปฏิเสธเย่ซือเฉิน ไม่ยอมพบหน้าเย่ซือเฉิน
เสมอมา
แม้แต่ลูกชายแท้ๆของตัวเองยังไม่พบ คนลักษณะนี้ใกล้จะเข้าข่ายใจไม้ไส้ระกำแล้วมั้ง?
แล้วเป็นเพราะสาเหตุใดที่ทำให้เย่โป๋เหวินใจร้อนอยากพบเธอ?!
ทันใดนั้นเธอรู้สึกว่า บนตัวเย่โป๋เหวินมีอะไรมากมายที่เกี่ยวข้องกับคุณแม่ ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะส่อไปทางดีหรือร้าย
หวังว่าไม่ใช่เรื่องร้ายมากนัก……
“คุณ?”เย่โป๋เหวินได้ยินคำพูดของเธอ เห็นสีหน้าเรียบเฉยของเธอ ชั่วขณะนั้นไม่รู้ควรพูดอย่างไรต่อ
เดิมทีเขาคิดว่าเขาพูดอย่างนี้แล้ว ถ้าเธอเกี่ยวข้องกับถังฉิ้นเอ๋อ คงจะเล่าให้ฟังเอง
ทว่าการตอบสนองของเธอทำให้เขาจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ไหนๆคุณเย่ก็นัดฉันมาแล้ว มีเรื่องอะไรก็พูดตรงๆเถอะค่ะ”เวินลั่วฉิงเห็นเขาพูดอ้อมแอ้ม จึงพูดให้ชัดเจน
“ผมคิดว่าคุณกับเพื่อนเก่ามีความสัมพันธ์กัน”เย่โป๋เหวินถอนหายใจเบาๆ ตอนนี้เธอตอบสนองเช่นนี้ ทำให้เขาเริ่มสงสัยก่การคาดเดาล่วงหน้าของเขา
เย่โป๋เหวินพูดตรงมากแล้ว
เวินลั่วฉิงมองเขา ดวงตาหรี่ขึ้นเล็กน้อย ถ้าเป็นเช่นนี้ เย่โป๋เหวินนัดเจอเธอด้วยการคาดเดาที่ไม่แน่ชัดจริงๆ!
การกระทำของเย่โป๋เหวินเพียงพอต่อการยืนยันว่าเขากับแม่เธอมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา
“ถังฉิ้นเอ๋อคือแม่ของฉัน”เวินลั่วฉิงคิดแล้วก็พูดตรงๆ เธอมาวันนี้เพื่อสืบหาความจริงของแม่ในอดีตอยู่แล้ว ดังนั้นจึงพูดให้ชัดเจนไปเลย
ตอนที่เวินลั่วฉิงพูดคำนี้ ดวงตาของเธอตั้งใจสังเกตการตอบสนองของเขา
เย่โป๋เหวินได้ยินเธอพูดก็รีบเงยหน้าขึ้นมามองเขา วินาทีนั้นแววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึงที่เหลือเชื่อ
เวินลั่วฉิงเห็นมือของเขากำลังสั่น เห็นร่างกายของเขาสั่น และเห็นขาพิการของเขาก็กำลังสั่นอยู่
สั่นแบบควบคุมไม่ได้
เวินลั่วฉิงยังเห็นภายใต้การตกตะลึงที่เหลือเชื่อ ยังมีความกลัวที่ผิดแปลกแฝงอยู่
กลัว เขากลัวอะไรอยู่?
เป็นเพราะการตายของแม่เกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่?
แต่เวินลั่วฉิงก็รู้สึกไม่ค่อยเหมือน
“หนูคือเวินลั่วฉิง?”ผ่านไปชั่วครู่ ทันใดนั้นเย่โป๋เหวินก็เอ่ยปากพูด น้ำเสียงเอ่อล้นด้วยความสั่นระริก เขาพูดอย่างแน่ใจ แต่เขาคล้ายกับว่ามีความเครียดที่ไม่อยากยอมรับ
การตอบสนองของเขาซับซ้อนมาก ซับซ้อนจนเวินลั่วฉิงอ่านใจไม่ออกชั่วขณะ
“ใช่ ฉันคือเวินลั่วฉิง”เวินลั่วฉิงยังคงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ผิดปกติแม้แต่น้อย ซึ่งตรงข้ามกับการตอบสนองของเย่โป๋เหวินมาก
ทว่าเวลานี้จิตใจของเวินลั่วฉิงไม่ได้สงบเฉกเช่นที่เธอแสดงออกมา การตอบสนองของเย่โป๋เหวินทำให้เธอรู้สึกว่าเรื่องมันซับซ้อนกว่าที่เธอคิด
“ไม่ เป็นไปไม่ได้?หนูคือ……”ดวงตาเย่โป๋เหวินจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเวินลั่วฉิง พลางส่ายหัว แต่คำพูดของเขาก็หยุดกะทันหัน คล้ายกับคิดอะไรออก จากนั้นก็อุทานด้วยความตกใจ “เมื่อก่อน เธออำพรางใบหน้าที่แท้จริง?”
คำพูดนี้เจือคำถามไว้ แต่โดยรวมแล้วก็แน่ใจในคำตอบแล้ว
เวินลั่วฉิงไม่ได้ตอบ เพราะเธอรู้สึกว่าเธอไม่มีความจำเป็นต้องตอบคำถามนี้
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?ทำไมเป็นแบบนี้ได้?”วินาทีนั้นอารมณ์เย่โป๋เหวินกลายเป็นตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ราวกับไม่ยินดีจะเชื่อหรือยอมรับไม่ได้
ดวงตาเวินลั่วฉิงกะพริบเบาๆ จู่ๆก็เอ่ยปากถาม“ก่อนแม่ฉันตายคุณเคยพบหน้าแม่ของฉันมาก่อน”
คำพูดนี้ของเวินลั่วฉิงไม่ใช่เป็นการถาม แต่เป็นน้ำเสียงที่มั่นใจยิ่ง เพราะวันนั้นเธอเจอเขาหน้าหมู่บ้าน
เย่โป๋เหวินได้ยินคำพูดของเธอก็เงยหน้ามองเธออีกครั้ง ความตกตะลึงบนใบหน้ายิ่งชัดแจ้งเพิ่มขึ้น “หนูรู้อะไรบ้าง?”
บัดนี้น้ำเสียงของเขาปนความสั่นไว้นิดๆ
แต่ตอนเขาถามยังคงมีความตกตะลึงอยู่ แต่ไม่ได้กลัวอีกต่อไป เพียงแต่มีความเครียดเพิ่มขึ้นมาแทน ซึ่งความเครียดนี้ไม่ได้เกิดจากการกินปูนร้อนท้อง แต่กลับคล้ายกับการรอคอยบางอย่าง
เวินลั่วฉิงชะงัก เห็นการตอบสนองของเย่โป๋เหวิน การตายของคุณแม่เธอคงไม่เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง
แต่คำพูดประโยคนี้‘เธอรู้อะไรบ้าง’หมายความว่าอะไร?
ทันใดนั้นเวินลั่วฉิงรู้สึกว่าเรื่องนี้ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปทุกที มีเรื่องอะไรที่เธอยังไม่รู้อีก?
“คุณเย่คิดว่าฉันควรรู้อะไร?”เวินลั่วฉิงมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำให้ดูความผิดปกติไม่ออก
เย่โป๋เหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูไม่ออกว่าเธอรู้หรือไม่รู้ในช่วงเวลานี้
“หนูกับซือเฉินเป็นอะไรกัน?”เย่โป๋เหวินไม่ได้พูดถึงเรื่องในอดีต แต่เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา ตอนเขาพูดคำนี้พลันสูดลมหายใจแรงๆ
หางคิ้วเวินลั่วฉิงยกขึ้นเล็กน้อย อันนี้หมายความว่าอย่างไร?
เธอรู้สึกว่าวันนี้เขามาหาเธอไม่ใช่เพราะเย่ซือเฉิน แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงได้ถามเช่นนี้?
เธอรู้สึกว่าตอนนี้เขาถามกะทันหันเกิน แถมยังแปลกประหลาดมาก…