ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 727 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (17)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 727 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (17)
บทที่ 727 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (17)
ถังจื่อโม่ได้ยินถังจื่อซีพูดก็รีบกะพริบตารัวๆ ใจเขาอยากหลบ แต่ร่างกายเขาไม่ได้ขยับ
เขาแอบคิดในใจว่าเย่ซือเฉินเห็นพวกเขาแล้วจะตอบสนองอย่างไร?
ถังจื่อโม่คิดแล้วก็เดินเข้าใกล้หน้าต่างอีกสองก้าว
“พี่ชาย แดดดี้ต้องเห็นพวกเราแล้วแน่ๆ”ถังจื่อซีตื่นเต้นมาก อยากปีนขึ้นสูงอีกนิด เพื่อจะให้เย่ซือเฉินมองเห็นพวกเขาชัดขึ้น
แต่สายตาของเย่ซือเฉินแค่กวาดผ่านหน้าต่าง ไม่ได้หยุดอยู่ตรงนี้ จากนั้นก็หันหลังอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้คือเวลาตอนกลางวัน เป็นช่วงที่แดดจัดมาก ดังนั้น มองจากตำแหน่งของเย่ซือเฉินไปที่นั่น เพราะมีกระจกกั้นอยู่จึงไม่เห็นภาพในห้อง
ถังจื่อซีชะงัก เผยความผิดหวังบนใบหน้า แต่เธอไม่เต็มใจ ดังนั้นปีนสูงขึ้นอีก เธอจะให้คุณพ่อเห็นเธอให้ได้
ไม่เช่นนั้น เมื่อไหร่พ่อจะเห็นการมีอยู่ของเธอ?
แต่เวลานี้เย่ซือเฉินล้วงมือถือออกมา แล้วโทรออกไปหนึ่งหมายเลข จากนั้นก็ขึ้นรถ
ก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกเวินลั่วฉิงผิดปกติ ดังนั้น เขาจะสืบดูเสียหน่อยว่าเธอไปไหนมา?ไปเจอใครมาแน่?
บัดนี้เย่ซือเฉินคิดแต่เรื่องผู้หญิงของเขา ดังนั้นไม่ได้สังเกตอย่างอื่น เมื่อกี้ตอนเขามองไปที่หน้าต่าง เขาแค่มองสุ่มๆแวบเดียวเท่านั้นเพราะเขาก็รู้ว่าเวลานั้นเวินลั่วฉิงยังเข้าไปไม่ถึงห้อง ดังนั้นไม่ได้ตั้งใจมองอะไร
หลังเย่ซือเฉินขึ้นรถ เลขาหลิวก็ขับรถออกไป
“พี่ชาย แดดดี้ไม่เห็นพวกเรา แดดดี้ขึ้นรถแล้ว”ปากน้อยของถังจื่อซีเบะขึ้น ไม่พอใจอย่างชัดเจน “พี่ชายว่าแดดดี้ตาบอดหรือเปล่า ฉันออกจะน่ารักอย่างนี้เขายังไม่เห็นอีก”
“อืม เขาตาบอด”ถังจื่อโม่พยักหน้าอย่างจริงจัง เขาเห็นด้วยกับคำพูดน้องสาวมาก
ตาเย่ซือเฉินบอดไปแล้ว
“สืบได้แล้วรีบบอกผมโดยด่วน ฮัดชิ้ว—” ใครบางคนที่‘ตาบอด’แล้วกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ จู่ๆก็จามหลายครั้งติดต่อกัน
“ทำไม?เป็นหวัด?”อีกฝั่งหนึ่งของสายชะงัก ถามหนึ่งประโยคด้วยจิตใต้สำนึก
“ไม่มีนิ”เย่ซือเฉินชะงัก พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงเมื่อคืนจะไม่นอน แต่ตอนนี้เขาก็ยังดีๆอยู่ ไม่มีอาการแสดงว่าเป็นหวัดเลยสักนิด ทำไมจู่ๆก็จามมากขนาดนี้?
แปลกจริงๆ
“งั้นต้องมีคนด่าคุณอยู่แน่ๆ”อีกฝั่งหนึ่งของสายหัวเราะกะทันหัน แน่นอนคำนี้แค่พูดล้อเลียนเฉยๆ
“ผู้หญิงของผมกำลังคิดถึงผมอยู่แน่ๆ”เย่ซือเฉินไม่เชื่อว่ามีคนด่าเขาอยู่ เขาเชื่อว่าผู้หญิงของเขาคิดถึงเขามากกว่า อืม เขาก็คิดถึงเธอถึงแม้จะเพิ่งแยกตัวออกมาก็ตาม แต่เขาคิดถึงอีกแล้ว
“แหวะ หลงตัวเอง”คนฝ่ายโน้นหัวเราะเสียงดัง
“พอแล้ว รีบไปสืบเร็วๆ”เย่ซือเฉินไม่มีเวลาพูดไร้สาระกับเขา เขาอยากรู้ว่าช่วงเวลาสั้นๆในสองชั่วโมงนี้เกิดอะไรขึ้น
ตอนที่เวินลั่วฉิงเข้าไปถึงห้องนอน เธอก็เห็นเด็กน้อยถังจื่อซีเบ้ปากอย่างอารมณ์เสีย
“เป็นอะไรจ๊ะลูกรัก?”เวินลั่วฉิงเห็นท่าทางของเธอ พลางยกหางคิ้วขึ้น ใครทำให้ลูกรักของเธอไม่พอใจกันนะ?
“หม่ามี้ แดดดี้ตาบอดแล้ว”ถังจื่อซีฟ้องคุณแม่ บอกความในใจออกมา
“หา?”เวินลั่วฉิงอึ้ง ทำไมถึงพูดอย่างนี้?เย่ซือเฉินตาบอดเหรอ?
“เมื่อกี้หนูกับพี่ชายยืนอยู่ตรงหน้าต่าง แต่แดดดี้ก็ไม่เห็นพวกเรา”ถังจื่อซีรีบบอกสาเหตุ เป็นเหตุผลที่ง่ายและตรงมาก
เวินลั่วฉิงอดหัวเราะไม่ได้“ลูกรักอยากให้แดดดี้เห็นหนูเหรอคะ?”
“อืม อืม แต่แดดดี้ตาบอดมองไม่เห็น ทำไงดี?”ถังจื่อซีรีบพยักหน้า แต่ไม่นานใบหน้าก็เพิ่มความลังเลหลายส่วน
“แดดดี้ต้องเห็นพวกเราอยู่แล้ว แดดดี้ต้องชอบพวกเราอยู่แล้ว”เวินลั่วฉิงอุ้มถังจื่อซีขึ้นมา แล้วนึกถึงคำพูดของเย่โป๋เหวิน ดวงตาเธอก็เคร่งขรึมเล็กน้อย
ถ้าเย่โป๋เหวินพูดความจริง ลูกทั้งสองคนของเธอ……
เวินลั่วฉิงกล่อมถังจื่อซีเสร็จก็ไปอาบน้ำ แต่ไม่ได้นอน เธอยังรอข่าวจากถังหลินอยู่
ทันใดนั้นมือถือของเธอก็มีเสียงดังขึ้น เวินลั่วฉิงรีบเปิดมือถือออกมา พบว่าเป็นอีเมลจากถังหลิน
มือของเวินลั่วฉิงแข็งทื่อ เธอจำผลตรวจดีเอ็นเอของตัวเองได้
จากนั้นเธอรีบเปิดอีเมลออก เห็นผลตรวจที่ถังหลินส่งมา
เวินลั่วฉิงชะงัก จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย……
ผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันว่าเธอกับเย่โป๋เหวินไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือด
ในที่สุดเวินลั่วฉิงก็โล่งอก ก้อนหินที่กดทับไว้กลางอกก็ย้ายออกในชั่วพริบตา
เป็นการตื่นตระหนกเปล่าๆ
ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เธอก็ไม่ต้องสนใจเรื่องเย่โป๋เหวินตรวจดีเอ็นเออีกต่อไป ไม่ว่าเขาจะตรวจอย่างไร ผลก็เหมือนกัน เธอกับเย่โป๋เหวินไม่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด
สิ่งที่อัดอยู่ในใจก็คลี่คลายแล้ว ตามหลักแล้วเธอน่าจะนอนหลับอย่างสบายใจเสียที แต่เวินลั่วฉิงกลับพบว่าตัวเองนอนไม่หลับเลย
จู่ๆตอนนี้เธอก็นึกอยากเจอเย่ซือเฉินขึ้นมา ความคิดนี้แวบผ่านสมองของเธอ จากนั้นก็กระจายออกเรื่อยๆอย่างบ้าคลั่ง โดยที่ไม่อาจควบคุมได้เลย
เวินลั่วฉิงรีบลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ออกจากประตู เธออยากเจอหน้าเขา ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ไปหาเขาตอนนี้
เฟิ่งเหมียวเหมียวรู้ว่าเวินลั่วฉิงยังไม่ได้นอน จึงพาเด็กๆลงไปชั้นล่าง
“หม่ามี้จะไปไหน?”ถังจื่อซีที่เล่นอยู่ชั้นล่างเห็นเวินลั่วฉิงก็รีบวิ่งเข้ามาหา แล้วขวางทางอยู่ตรงหน้าเธอ
“แม่จะไปหาพ่อ”เห็นลูกสาวขวางทาง เวินลั่วฉิงก็กะพริบตาปริบๆ
“หม่ามี้ไปหาแดดดี้ทำไม”ถังจื่อซีเงยหน้ามองเธอ
“แม่ไปหาแดดดี้ ไปรักษาโรคตาบอดของเขา จากนั้นเขาจะเห็นลูกจื่อซีแล้วไง”เวินลั่วฉิงย่อตัวลงไปกอดถังจื่อซี พลางพูดเสียงเบาใกล้หูเธอ
“จริงเหรอคะ?หม่ามี้รักษาโรคตาบอดของแดดดี้ได้จริงๆ”ถังจื่อซียังคงฝังใจกับเรื่องนี้ ดังนั้นเมื่อได้ยินเวินลั่วฉิงพูดอย่างนี้ก็เลยดีใจเป็นพิเศษ
ถังจื่อโม่กลับมองเวินลั่วฉิงแวบหนึ่ง มุมปากกระตุกอย่างเห็นได้ชัด แม่อยากไปหาเย่ซือเฉินก็พูดตรงๆเลย ทำไมต้องแต่งเรื่องมาหลอกอย่างนี้ด้วย
คำพูดของแม่หลอกได้เฉพาะถังจื่อซีเท่านั่นแหละ นอกจากถังจื่อซีแล้วไม่มีใครเชื่อหรอก
“ตาเย่ซือเฉินเป็นอะไร?ทำไมบอดแล้ว?”แต่เฟิ่งเหมียวเหมียวได้ยินคำพูดของถังจื่อซี สีหน้าก็เปลี่ยนไป เชื่อว่าเป็นจริงอย่างสนิทใจ
“เขาไม่เห็นพวกเราไม่ใช่ตาบอด แต่ใจบอด น้องบอกแล้วมีประโยชน์อะไร?ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุเลย”สุดท้ายถังจื่อโม่ทนไม่ไหวพูดหนึ่งประโยค ถังจื่อโม่รู้สึกเปรี้ยวจี๊ดที่ใจจนใกล้จะเกิดฟองแล้ว
แน่นอน สาเหตุหลักคือคำที่เย่ซือเฉินบอกว่าไม่ชอบเด็ก