ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 803 เขาน่ากลัวอย่างนี้ เธอจะหนีไปได้หรือ (9)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 803 เขาน่ากลัวอย่างนี้ เธอจะหนีไปได้หรือ (9)
ถึงแม้เขาจะแน่ใจมาตลอดว่าคนที่เจอในคืนนั้นคือผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ว่าเขาก็ยังรู้สึกว่าตรวจให้มั่นใจกว่านี้จะดีกว่า
“อะไรนะ?” จินเหว้ยอึ้งไปเลย มองดูถังหลินด้วยความไม่ค่อยมั่นใจ “คำนี้หมายความว่าอะไร?”
จินเหว้ยไม่รู้ว่าเป็นความหมายตามที่เขาเข้าใจหรือเปล่า?!
ถังหลินเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร
“ถังหลิน คืนวันนั้นนายจัดกับเธอแล้วไม่ใช่หรอ? ตอนนี้นายมาถามว่าเขาคือชายหรือหญิง? หรือว่า คนที่นายจัดไปเป็นชาย” จินเหว้ยคือเพื่อนของถังหลิน ความสัมพันธ์ของทั้งสองดีมากโดยตลอด และก็เพราะว่าเหตุผลนี้ วันนั้นถังหยุนเฉิงจึงได้จัดให้เขาไป
ดังนั้น สำหรับสถานการณ์ในตอนนั้น เขาก็ยังรู้ได้ชัดเจนอยู่
ในแววตาที่หรี่ตาขึ้นของถังหลินมีความโหดร้ายซ่อนอยู่ มองดูจินเหว้ยด้วยความเย็นชา
แต่ว่า ครั้งนี้จินเหว้ยไม่ได้ตกใจ จินเหว้ยแค่ขมวดคิ้ว “ไม่ถูกนิ เมื่อวาน รอยเลือดที่พบบนเตียงน่าจะเป็นตกแดงผู้หญิงคนนั้นเหลือไว้ เป็นไปได้ยากที่จะเป็นผู้ชาย”
“ตกแดง? ตกแดงน้อยขนาดนั้นเลยหรอ” เมื่อก่อนถังหลินไม่เคยแตะต้องผู้หญิง ไม่ได้เข้าใจเรื่องพวกนี้มากนัก แต่ว่าคำว่าตกแดงเขารู้อยู่ ในเมื่อเรียกว่าตกแดง ก็ไม่ควรจะน้อยสิ หากน้อยขนาดนั้น ก็คงจะยากที่จะเห็น
“ตกแดงของผู้หญิงบางคนน้อยมาก บางคนถึงขั้นไม่มีเลย” จินเหว้ยมองไปทางเขาหนึ่งที รีบอธิบายเพิ่มว่า “ตามที่ฉันตรวจสอบแล้ว สิ่งนั้นน่าจะเป็นตกแดงของอยู่หญิง”
ดวงตาของถังหลินเปล่งประกายขึ้น เม้มปากเล็กน้อย ตกแดง? งั้นแสดงว่านั่นคือครั้งแรกของเธอ
ครั้งแรก? ถังหลินในขณะนี้จู่ๆ ก็มีความรู้สึกที่พูดไม่ออก
“ถังหลิน อย่าบอกนะว่าผมเส้นนี้ของนายหยิบออกมาจากตัวผู้ชาย?” จินเหว้ยไม่ได้โง่ มองดูเส้นผมที่ห่อทิชชูไว้บนมือ ก็เบ้ปากเล็กน้อย
หรือว่าผมเส้นนี้จะถูกหยิบออกมาจากตัวของผู้ชาย? ไม่เช่นนั้นถังหลินคงจะไม่ถามคำถามแบบนั้น?
ดังนั้น ถังหลินสงสัยว่าคืนวันนั้นเขาได้จัดกับผู้ชายคนหนึ่งไป?!
“นายแค่ต้องบอกฉันว่าสามารถตรวจออกมาได้หรือว่าเปล่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง?” แน่นอนว่าถังหลินไม่มีทางตอบคำถามของเขา ในตอนที่เรื่องยังไม่แน่ชัด เรื่องนี้เขาไม่มีทางบอกกับใครแม้แต่คำเดียวแน่นอน
“ตามหลักแล้วสามารถบอกว่า บนDNAจะมีจุดพิเศษอยู่หนึ่งที่ สามารถแยกออกได้ว่าเป็นชายหรือหญิง แต่ว่ามีความยุ่งยากเล็กน้อย” จินเหว้ยรู้ว่าถังหลินไม่พูด เขาก็ไม่มีทางถามอะไรออกมาได้แน่นอน ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ทำการตรวจสอบดีๆ ผลตรวจออกมาแล้วก็คงจะมีคำตอบ
“จะตรวจสอบไปด้วยว่าคือผู้ชายหรือผู้หญิง?” ถังหลินพูดเสริมไปหนึ่งประโยค
อืม น้ำเสียงนั้นพูดได้เบาบางมาก เบาบางเหมือนว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดามากๆ เรื่องหนึ่ง
จินเหว้ย “……”
ตรวจสอบไปด้วย?
พูดเหมือนเป็นเรื่องที่ง่ายเลย
พี่ชาย นายรู้ไหมว่าการตรวจสอบนี้ยุ่งยากขนาดไหน?
“ผลออกมาแล้ว รีบโทรหาฉันทันที” จินเหว้ยยังไม่ทันพูดคัดค้าน ถังหลินก็พูดเสริมอีกหนึ่งประโยคด้วยความเร็ว
คำพูดประโยคนี้ของถังหลินพูดจบแล้ว ไม่รอให้จินเหว้ยเปิดปากพูด ก็จากไปด้วยความเร็วแล้ว
จินเหว้ยมองดูภาพข้างหลังของถังหลิน เบ้ปากด้วยความแรง แต่กลับได้แต่กดทับความไม่พอใจทั้งหมดลงไป
ถังหลังจากที่ถังหลินได้รับโทรศัพท์ของหยวนจุนหลินแล้ว บอกว่าพวกเขาอยู่ในทางที่กำลังกลับโรงแรมกั๋วซินแล้ว ให้ถังหลินรีบกลับโรงแรม
ในตอนที่ถังหลินกลับมาถึงโรงแรม หยวนจุนหลินและเจ้าชายใหญ่มาถึงโรงแรมแล้ว ทั้งสองกำลังเดินไปทางห้องอาหาร
“ถังหลิน อาการของเจ้าชายน้อยเป็นยังไงบ้างแล้ว?” หยวนจุนหลินเห็นถังหลิน แน่นอนว่าได้ถามไปอย่างเป็นธรรมชาติ ถึงแม้จะรู้ว่าถังหลินพุ่งออกมา แต่ว่าพูดของเขาต้องถามแบบนี้อยู่แล้ว
“ทานยาไป พักผ่อนอยู่ในห้อง ไม่มีอันตรายอะไรแล้ว” ถังหลินก็ตอบกลับด้วยความธรรมชาติมากๆ แต่ว่าพอนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นกับหลินเป้ย พอนึกถึงก็ยิ่งสงสัย แววตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นทันที
“ในเมื่อไม่มีอันตรายอะไรแล้ว งั้นก็เรียกเขาลงมาทานข้าวเถอะ ปกติสิ่งที่เขาชอบมากที่สุดก็คือการกิน ขอแค่มีอาหารที่อร่อย อาการป่วยของเขาก็หายไปเกือบจะครึ่งแล้ว” ในตอนที่เจ้าชายใหญ่พูดถึงน้องชายท่านนี้ บนใบหน้ามีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน มองออกเลยว่า เขาเองก็ใส่ใจในน้องชายคนนี้มากๆ อยู่
ได้ยินคำพูดของเจ้าชายใหญ่แล้ว ถังหลินเงยหน้าขึ้น มองไปทางเจ้าชายใหญ่หนึ่งที แววตานั้นมีความลึกซึ้งยากที่จะเดา
“ทำไมหรอ? คุณถังมองฉันอย่างนี้ทำไม? มองจนฉันเริ่มรู้สึกขนลุกแล้ว? หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหลินเป้ยแล้ว?” แววตาที่เจ้าชายใหญ่สบตากับถังหลิน เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าอึ้งไปเลย สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แววตาที่ถังหลินมองเขาในเมื่อกี้แปลกมากจริงๆ ทำให้เขาอดคิดไปไกลไม่ได้
“เขาไม่เป็นอะไร” ถังหลินอึ้งเล็กน้อย ค่อยๆ ขมวดคิ้ว แววตาเมื่อกี้ของเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า?
เขาไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร เขารู้สึกว่าปกติมาก
เขารู้สึกว่าเจ้าชายใหญ่ดูกระต่ายตื่นตูมอย่างเห็นได้ชัดเจน!!
“อ๋อ งั้นก็ดี ฉันตกใจหมดเลย” เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเจ้าชายใหญ่โล่งอกไปหนึ่งที จากนั้นก็หันหลังไปทางบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆ “นายไปเรียกเจ้าชายน้อยลงมาทานข้าว”
“ครับ” บอดี้การ์ดตอบรับ แล้วรีบจากไป
แววตาของถังหลินเปล่งประกายขึ้นทันที……
ถังหลินมองดูบอดี้การ์ดที่จากไป ริมฝีปากโค้งงอขึ้นเล็กน้อย เขามองออกเลยว่าหลินเป้ยไม่ได้ป่วยอยู่แล้ว หลินเป้ยกำลังแกล้งป่วยอยู่
หลินเป้ยแกล้งป่วยน่าจะเพราะหลบเขา ดังนั้น ตอนนี้บอดี้การ์ดไปเชิญหลินเป้ยลงมา หลินเป้ยน่าจะไม่ลงมา
แต่ว่า ผ่านไปไม่นาน หลินเป้ยกลับลงมากับบอดี้การ์ดแล้ว
หลินเป้ยในขณะนี้สวมใส่ชุดสูททั้งร่างกาย ดูสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ไม่มีหน้าตาเหมือนคนป่วยเลย
เขาเดินตรงมา ราวกับมีลมตีตัว ดูมีพลังงานมาก ดูจากแบบนี้แล้ว ดูไม่ออกถึงความเป็นผู้หญิงเลยจริงๆ
ถังหลินมองดูเขา ความโค้งของริมฝีปากเห็นได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น นี่ถือว่าเขากำลังแกล้งป่วยอยู่หรือเปล่า?!
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า พอเขาเสแสร้งขึ้นมา ก็เหมือนว่ามีเรื่องแบบนั้นจริงๆ ด้วย ถึงว่าล่ะก่อนหน้านี้เขามองอะไรไม่ออกเลย
แน่นอน ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ไปสนใจหลินเป้ยมากเป็นพิเศษ
“พี่ใหญ่ พี่กลับมาแล้วหรอ” ดวงตาของหลินเป้ยมองดูเจ้าชายใหญ่อยู่ตลอดเวลา แววตาไม่ได้เอนไปทางอื่นเลย แม้กระทั่งหางตาก็ไม่ได้ให้ถังหลิน
ถังหลินหรี่ตาขึ้น ในส่วนลึกของแววตามีความเย็นชาแฝงอยู่
หลินเป้ยเดินผ่านข้างกายของถังหลินไปเลย เดินไปยังข้างๆ ของเจ้าชายใหญ่
“อื้ม อาหารป่วยของนายหายแล้ว?” เจ้าชายใหญ่หันไป มองไปทางหลินเป้ย บนใบหน้ามีรอบยิ้มที่เห็นได้ชัดเจน ในตอนที่หลินเป้ยเดินไปถึงข้างกายของเขา เจ้าชายใหญ่ยืนมือออกมา จับไปยังหน้าปากของหลินเป้ย “ยังมีไข้อยู่หรือเปล่า?”
หลินเป้ย “……”
เขาไม่ได้มีไข้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วไหม?
ถึงแม้ว่าเขาจะผอม แต่ร่างกายแข็งแรงมาโดยตลอด ปกติน้อยมากที่จะป่วย เขาจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าการเป็นหวัดครั้งที่แล้วคือเมื่อไหร่?
พูดจริงนะ เขาไม่ชินเลยที่มีการกระทำที่สนิทสนมกับพี่ชายใหญ่แบบนี้ แต่ว่า ขณะนี้มีผู้คนกำลังมองอยู่มากมาย เขาก็ไม่มีทางทำการกระทำอะไรที่ไม่ให้ความร่วมมือออกมา