ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 807 ผลตรวจDNAคือหลักฐานที่ดีที่สุด (4)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 807 ผลตรวจDNAคือหลักฐานที่ดีที่สุด (4)
ข้างล่างของกงหยุนก็ถ่ายไว้ไม่น้อยเลย ถึงขั้นมีสองสามภาพนำภาพถ่ายข้างล่างของกงหยุนมาซูมใหญ่ ดังนั้นแผลข้างในก็เห็นได้ชัดเจนมาก
จากภาพถ่ายสามารถมองออกได้ว่า ภายในที่อยู่ส่วนข้างล่างของกงหยุนก็มีแผล……
เพราะว่ากงหยุนแจ้งความไป ฟ้องร้องว่าถังหลินข่มขืนเธอ ในตอนที่นิติเวชทำการตรวจแน่นอนว่าจะละเอียดเป็นพิเศษ จริงจังมาก
เวินลั่วฉิงนำภาพถ่ายทั้งหมดของกงหยุนวางไว้ด้วยกัน จากนั้นก็ตรวจสอบอย่างละเอียด
หลังจากดูภาพถ่ายทั้งหมดเลย แววตาของเวินลั่วฉิงค่อยๆ หรี่ตาขึ้น สีหน้าดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัดเจน
การถูกชนจากของแข็ง กับการถูกชนจากของอ่อน สร้างรอยสัมผัสที่แตกต่างกัน ของแข็งกับของอ่อนจะสร้างรอยฉีกขาดที่ต่างกัน
ถึงแม้ว่าความแตกต่างจะเล็กมาก แต่ว่าภาพถ่ายที่ชัดเจนแบบนี้ เวินลั่วฉิงก็ยังพบเจอแล้วช่องโหว่นั้นแล้ว
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า คืนนั้นกงหยุนคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ทำเตรียมตัวด้านนี้ไว้ ตอนนั้นเรื่องราวเปลี่ยนแปลงกะทันหัน กงหยุนก็ได้แต่ ‘ใช้วัสดุในสถานที่’ แล้ว
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า วัสดุตึกแปดที่สามารถให้เธอนำมาใช้ฉับพลันในสถานการณ์ตอนนั้นได้มีไม่มาก จากรูปภาพแล้ว เวินลั่วฉิงเห็นช่องโหว่ไม่เพียงแต่ที่เดียว
แน่นอน ความแตกต่างที่เล็กขนาดนี้ นิติเวชจะไม่เห็นในตอนนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
เวินลั่วฉิงก็รู้ ความแตกต่างพวกนี้ต่างก็ไม่ชัดเจน รายงานของนิติเวชส่งขึ้นไปแล้ว กงหยุนกัดฟันแน่ชัดแล้วว่าถังหลินข่มขืนเธอ ดังนั้นไม่สามารถใช้จุดนี้มาพลิกคดีของถังหลินได้เลย ตอนนี้เธอยังคิดอยู่ว่าจะใช้ของพวกนี้มาทำงานพลิกคดีให้ถังหลิน
เธอมาครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะมาตรวจสอบความคาดเดาในใจของเธอ
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่า การคาดเดาของเธออาจจะไม่ปิด……
หากที่เธอเดานั้นไม่ผิด?
ถ้างั้นเรื่องนี้ก็เป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ที่ตั้งใจจะมาต่อต้านพวกเขาแล้ว?!
เวินลั่วฉิงนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของมู่หรงดัวหยาง ร่างกายของเธอค่อยๆ แข็งทื่อ จู่ๆ มือของเธอก็รู้สึกเย็นเฉียบ
เวินลั่วฉิงจับมือแน่น รู้สึกสั่นไปทั้งตัวแอบรางๆ
เวินลั่วฉิงแอบสูดหายใจลึก จัดการเอกสารเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ลุกขึ้นมา “หมอจิน ฉันดูเรียบร้อยแล้วค่ะ เอกสารพวกนี้จะเก็บไว้ที่ไหนคะ?”
ใบหน้าของเวินลั่วฉิงในขณะนี้ไม่ได้มีความแตกต่างใดๆ น้ำเสียงก็ปกติทั่วไป
“คุณดูหมดแล้ว? พบเจออะไรใหม่ๆ ไหม?” จินเหว้ยเงยหน้าขึ้น มองไปทางเธอ จากใบหน้าของเธอ มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเธอพบเจออะไรใหม่ๆ หรือเปล่า
เวินลั่วฉิงไม่ได้ตอบ แค่ส่ายหัวเบาๆ
จินเหว้ยยังอยากพูดอะไรบางอย่าง เวินลั่วฉิงได้นำเอกสารมาไว้ตรงหน้าของเขาแล้ว จินเหว้ยยื่นมือมารับเอกสารไป
“ขอบคุณค่ะหมอจิน ฉันไปก่อนนะ” เวินลั่วฉิงยิ้มอ่อน จากนั้นก็หันหลังแล้วจากไป
เวินลั่วฉิงหันหลังไป รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันที สีหน้ามีดูหนักแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
จินเหว้ยมองดูภาพข้างหลังของเธอที่จากไป สีหน้ามีความสับสนเล็กน้อย ต่างก็พูดว่าคุณถังนั้นสวยดั่งนางฟ้า เขารู้สึกว่า คุณถังสวยกว่านางฟ้ายังสวยกว่าสิบเท่า ร้อยเท่า
จนกระทั่งเวินลั่วฉิงจากไป หลังจากที่มองเห็นเห็นเงาข้างหลังของเวินลั่วฉิงแล้ว จินเหว้ยจึงจะเก็บสายตากลับไป แล้วทำการทดลองต่อ
แต่ว่า เขากลับมีความสงบสติอารมณ์ไม่ลง
เขารู้ว่าทางถังหลินยังรอผลจากเขาอยู่ ดังนั้นเขาก็รีบทำการทดลองออกมา
จินเหว้ยบังคับให้ตัวเองอย่าคิดมั่ว ตั้งใจทำการทดลองงานของตัวเอง
ขณะนี้ ณ ห้องอาหารของโรงแรมกั๋วซิน
ถังหลินมองดูหลินเป้ยที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขา แววตานั้นดูลึกซึ้งยากที่จะเดา!!
อาหารที่สง่างามจานหนึ่งเสิร์ฟขึ้นมา เป็นสิ่งที่หลินเป้ยชอบมาก อาหารมากมายขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอกลับกินเกือบหมดด้วยคนเดียว
ถังหลินมองไปทางหลินเป้ย ค่อยๆ ยักคิ้วเล็กน้อย เขาผอมขนาดนั้น แต่ว่ากินเยอะมากจริงๆ
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในห้อง อาหารเช้าของหลินเป้ยได้กินตอนสายไปหน่อย ตอนนี้หลินเป้ยกินไปไม่น้อยเลย นี่พึ่งผ่านไปสองชั่วโมง เขาก็สามารถกินได้เยอะขนาดนี้อีก?
ทำไมเขาถึงกินได้เยอะขนาดนี้?
นี่ท้องของเขาเป็นยางหรอ?
เมื่อวันก่อน ทำไมถึงไม่รู้เลยว่าเขากินเก่งขนาดนี้?
ถังหลินเงยหน้าขึ้น มองไปทางหลินเป้ยไม่กี่ที แต่ว่าหลินเป้ยกลับก้มหน้าทานอาหารตลอดเวลา แม้กระทั่งศีรษะก็ไม่เงยขึ้นเลย
ถังหลินเบ้ปาก การกินแบบนี้ ทำไมถึงไม่ทำให้เขาอิ่มจนตาย?
บนใบหน้าของหยวนจุนหลินนั้นกลับไม่มีความผิดปกติใดๆ และไม่ได้มองหลินเป้ยเลย
“เห็นนายสามารถกินได้เยอะขนาดนี้ ฉันก็วางใจแล้ว” เจ้าชายใหญ่มองไปทางหลินเป้ย บนใบหน้ายิ้มขึ้นอีกครั้ง
“อื้ม อร่อย” หลินเป้ยเงยหน้าขึ้น มองไปทางเจ้าชายใหญ่หนึ่งที ยิ้ม จากนั้นก็ทานอาหารต่อ
แววตาของถังหลินดูแย่ลงอีกครั้ง
“ตอนเย็นนายจะอยู่พักผ่อนที่ห้องต่อ หรือว่าออกไปพร้อมกับเรา?” เจ้าชายใหญ่นึกได้ว่าตอนเย็นพวกเขามีกำหนดการ จึงถามความคิดของหลินเป้ยดู ดูจากสถานการณ์แล้วเหมือนเขาจะไม่ได้ป่วย
แต่ว่า หากหลินเป้ยไม่อยากไป ก็สามารถพักผ่อนที่โรงแรมได้ ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรมากอยู่แล้ว
“ฉันไปพร้อมกับพวกพี่เลย” หลินเป้ยวางตะเกียบลง รีบตอบกลับ ราวกับว่าไม่มีการลังเลใดๆ เลย
ถังหลินได้ยินคำตอบของหลินเป้ยแล้ว แววตาคู่หนึ่งก็หรี่ตาขึ้น นี่หลินเป้ยหมายความว่าอะไร?
ตอนเช้าแกล้งป่วย ลงมาไม่ไหว ตอนเย็นกลับจะออกไปข้างนอกกับพวกเขาด้วยตัวเอง?
เขาไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแล้ว?
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นตอนเย็นก็ไปด้วยกันเถอะ” หยวนจุนหลินจึงจะเงยหน้าขึ้น มองไปทางหลินเป้ยหนึ่งที จากนั้นก็มองไปทางถังหลิน เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าคำพูดนี้พูดกับถังหลิน
“ได้” แน่นอนว่าถังหลินไม่มีทางปฏิเสธ นี่เป็นสิ่งที่เขาสมควรทำอยู่แล้ว อีกอย่าง เขาเองก็อยากจะดูว่าหลินเป้ยจะทำอะไรต่อ
เขามักจะรู้สึกว่าจู่ๆ หลินเป้ยก็บอกว่าจะออกไปกับพวกเขาแบบนี้ มีความไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่
“ได้ครับ ตอนบ่ายเจ้าชายทั้งสองพักผ่อนสักหน่อย เราจะออกจากที่นี่ตอนบ่ายสองครึ่งครับ ตอนเย็นจะมีถังหลินอยู่เป็นเพื่อนเจ้าชายทั้งสอง เจ้าชายทั้งสองไม่มีความเห็นใช่ไหมครับ?” หยวนจุนหลินมีเรื่องที่ต้องจัดการเยอะมาก ในเมื่อถังหลินอยู่กับเจ้าชายทั้งสอง เขาก็สามารถไม่ต้องไปได้แล้ว
“ฉันไม่มีปัญหา” เจ้าชายใหญ่รู้ดีว่างานในตอนเย็นไม่ใช่งานใหญ่อะไรมากมาย ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปหยวนจุนหลินไปกับพวกเขาแล้ว
หลินเป้ยจึงจะเงยหน้าขึ้น มองไปทางถังหลินหนึ่งที เม้มที่ริมฝีปาก แต่ว่าเขาไม่ได้พูดอะไร
และในขณะนี้ โทรศัพท์ของถังหลินก็ดังขึ้นกะทันหัน
ถังหลินหยิบโทรศัพท์ออกมา มองดูสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอ ดวงตาของถังหลินเปล่งประกายขึ้นทันที “ขอโทษครับ ผมขอรับสายก่อนนะครับ”
ในตอนที่ถังหลินพูดประโยคนี้ แววตาคู่หนึ่งมองขึ้น มองไปทางหลินเป้ย มุมปากของถังหลินค่อยๆ โค้งงอกขึ้น
สายโทรศัพท์นั้นจินเหว้ยเป็นคนโทรมา แน่นอนว่าถังหลินต้องรู้ว่าผลการตรวจสอบออกมาแล้ว เขาจะลองดูว่า ตกลงเป็นเจ้าชายเล็กคนนี้หรือเปล่า?!
หากเป็นเจ้าชายเล็กคนนี้จริงๆ งั้นบัญชีนี้ก็ถือว่าสามารถคิดได้แล้ว!!
ถังหลินจับโทรศัพท์ไว้ เดินไปยังข้างๆ ที่ที่ไม่มีคน จากนั้นก็กดรับฟัง