ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 811 ผลตรวจดีเอ็นเอคือหลักฐานที่ดีที่สุด (8)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 811 ผลตรวจดีเอ็นเอคือหลักฐานที่ดีที่สุด (8)
“แค่ก แค่ก……”มู่หรงดัวหยางเกือบสำลักน้ำลายของตัวเองตาย กว่าจะได้สติกลับคืนมานั้นยากเย็นแสนเข็ญ
“ฉิงฉิง คุณว่าไงนะ?คุณว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้เป็นตาแก่หนังเหี่ยวหรือ?จากที่ผมได้ยินคนเล่าถึงหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ในอดีต เขาเป็นคนรูปหล่องดงาม กิริยาท่าทางสูงสง่า ความสามารถน่าทึ่ง เป็นบุคคลดั่งเทพเซียนเลย ถ้าลองนับอายุดูแล้วตอนนี้หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้มีอายุแค่ประมาณห้าสิบปี ฉิงฉิง ขอถามหน่อยคุณกล้าพูดออกมาเต็มปากได้ยังไงว่าเขาเป็นตาแก่หนังเหี่ยว?”มู่หรงดัวหยางเคยได้ยินเรื่องราวของหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้มามากมาย ก่อนหน้านี้ก็เคยสืบค้นข้อมูลมาพอสังเขป ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิง เขาก็คัดค้านสุดฤทธิ์สุดเดช
“และเรื่องที่คุณบอกว่าเขาไม่แบ่งแยกผิดถูก ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี คำพวกนี้ก็เกินไปหน่อยนะ เขาเป็นถึงหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ ถ้าไม่แบ่งแยกชั่วดีจริงๆ จะดูแลองค์กรโกสต์ซิตี้ทั้งหมดได้ดีหรือ?”มู่หรงดัวหยางกล่าวพร้อมกับส่ายหัว สังคมภายนอกไม่ค่อยเล่าเรื่องหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้มากนัก ทว่าไม่เคยมีข่าวเสื่อมโทรมมาก่อน เห็นได้ว่าหัวหน้าท่านนี้มีพลังนุภาพเพียงใด
“เป็นความหมายตามที่คุณบอกอย่างเห็นๆ ฉันแค่สรุปความหมายของคุณเท่านั้นเอง”เวินลั่วฉิงอดกระตุกมุมปากไม่ได้ เมื่อกี้มู่หรงดัวหยางพูดอย่างนี้แท้ๆ เธอพูดผิดแล้วหรือ?
“ก่อนหน้านี้ผมบอกคุณว่าองค์กรโกสต์ซิตี้มีกฎระเบียบที่เคร่งครัดมาก เรื่องที่ผมเล่าเมื่อกี้มันอยู่ภายใต้กฏของพวกเขา เพราะขอเพียงไม่ทำผิดกฏของพวกเขา ก็ไม่ถือเป็นการทำผิดมหันต์”ปลายสายอย่างมู่หรงดัวหยางดวงตาเป็นประกาย จากนั้นก็เสริมจุดสำคัญขึ้นมา
“เมื่อก่อนผมเคยได้ยินเรื่องเล่าของหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้มาบ้าง พูดตามตรง ผมรู้สึกเลื่อมใสเขามากเลย”มู่หรงดัวหยางกล่าวถึงหัวหน้าท่านนี้ ใบหน้าเผยความนับถือหลายส่วน
“คุณเคยเจอเขาหรือ?ถึงขั้นเลื่อมใสเลย?”เวินลั่วฉิงอดหัวเราะไม่ได้ หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้คนนี้ลึกลับซับซ้อน มีคนเคยเห็นเขาเพียงไม่กี่คน ใครจะรู้ว่าหน้าตาเขาเป็นเช่นไร?
ไม่ว่าจะอย่างไร หลังเธอได้ยินมู่หรงดัวหยางเล่าเมื่อกี้ เธอรู้สึกไม่ค่อยดีต่อหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้เล็กน้อย
“……ผมไม่เคยเห็น บุคคลระดับนั้น ไม่ใช่พวกเราอยากพบเห็นก็เห็นได้นะ”มู่หรงดัวหยางเงียบไปสองวินาที จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ:“ถ้ามีโอกาส ผมก็อยากลองเจอหน้าเขาสักครั้ง”
“ดังนั้น หัวหน้าคนนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราเลย สิ่งที่พวกเราต้องทำในตอนนี้ก็คือติดต่อคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ให้ได้ก่อนเพื่อตรวจสอบเรื่องของถังหลินว่าเป็นอย่างไรกันแน่?”เวินลั่วฉิงได้ยินมู่หรงดัวหยางพูดถึงหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ตั้งนาน ซึ่งเวินลั่วฉิงรู้สึกว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลยสักนิดเดียว ดังนั้นเธอรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์อันใด
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าสิ่งสำคัญอันดับแรกก็คือตรวจสอบให้แน่ชัดว่าคนที่โจมตีพวกเขาเป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้หรือไม่?
“เรื่องครั้งนี้น่าจะเป็นฝีมือสมาชิกขององค์กรโกสต์ซิตี้ที่ประจำอยู่ที่เมืองA ดังนั้นพวกเราเริ่มลงมือตรวจสอบที่เมือง Aก่อน”เวินลั่วฉิงหรี่ตาขึ้น สีหน้าเผยความเคร่งขรึมหลายส่วน
“ฉิงฉิง ต้องทำอย่างนี้จริงๆหรือ?”มู่หรงดัวหยางรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย“หากเรื่องนี้ทำให้องค์กรโกสต์ซิตี้เคืองใจ ผลลัพธ์ยากจะประมาณการณ์ได้เลย”
“ใช่ ได้แต่ทำอย่างนี้แล้วล่ะ”เวินลั่วฉิงตอบเสียงต่ำอย่างไม่ลังเลสักนิด
“หากเรื่องนี้เป็นอย่างที่ฉันคาดเดา ถ้างั้นฉันกับเย่ซือเฉินก็ไม่สะดวกติดต่อกับคนขององค์กรโกสต์ซิตี้โดยตรง ดังนั้นจึงต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”เวินลั่วฉิงรู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องกระทำการอย่างระมัดระวังและรอบคอบ หากคนขององค์กรโกสต์ซิตี้คิดจะโจมตีพวกเธอจริงๆ เธอกับเย่ซือเฉินก็ออกหน้าไม่ได้เด็ดขาด
แน่นอนคนตระกูลถังก็ออกหน้าแทนไม่ได้ ขอเพียงผู้ที่มีความใกล้ชิดกับเธอก็ล้วนออกหน้าไม่ได้กันทั้งหมด
โชคดีที่ไม่มีคนรู้ว่าเธอกับมู่หรงดัวหยางมีมิตรไมตรีต่อกัน เรื่องนี้จึงได้แต่วอนขอความช่วยเหลือจากมู่หรงดัวหยาง
เธอก็รู้ว่าช่วงนี้มู่หรงดัวหยางกลับไปที่บริษัทเว้ยคังกรุ๊ปมีธุระมากมายต้องสะสาง แต่เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์พิเศษ เธอไม่มีหนทางอื่นจริงๆ
“ได้ ผมหาวิธีติดต่อกับพวกเขาดู ช่วงนี้มีคนมาหาเรื่องผมพอดี พอดีเลยผมสามารถคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ให้มาช่วยกำจัดคนน่ารังเกียจคนนั้น”แม้นว่าก่อนหน้านี้มู่หรงดัวหยางจะเป็นกังวลมาโดยตลอด แต่หลังจากเวินลั่วฉิงตัดสินใจเสร็จแล้ว เขาก็รับปากอย่างรวดเร็วทันใจ
บัดนี้เขาจงใจพูดเช่นนี้ก็เพื่อไม่ให้เวินลั่วฉิงรู้สึกติดค้างต่อเขา
“อืม ติดต่อได้แล้วฉันค่อยปรากกตัว ฉันจะดูสิว่าใครชักใยอยู่เบื้องหลังกันแน่”เวินลั่วฉิงเป็นนักจิตวิทยา เข้าใจความหมายของมู่หรงดัวหยางดี ทว่าบัดนี้เธอไม่ได้พูดเปิดโปง เธอจำบุญคุณของมู่หรงสือหยางครั้งนี้อยู่ในใจแล้ว
เวินลั่วฉิงหรี่ตาขึ้นเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน เธอก็คงนั่งรอความตายไม่ได้ เธอจะดึงตัวผู้บงการอยู่เบื้องหน้าเอง
แน่นอน เธอไม่มีทางไปปฏิบัติเพียงลำพังหรอก พอถึงเวลานั้น เธอจะไปพร้อมกับเย่ซือเฉิน
หลังเวินลั่วฉิงวางสายของมู่หรงดัวหยางแล้วก็หาเบอร์ของเย่ซือเฉิน ก่อนจะโทรออกไป
เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทางเย่ซือเฉินก็รับสายทันที:“ฉิงฉิง มีอะไร?”
“คุณอยู่ไหน?”เวินลั่วฉิงไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่กลับตั้งคำถามขึ้นมา
“ผมเคลียร์งานอยู่ที่บริษัท”น้ำเสียงของเย่ซือเฉินเจือรอยยิ้มหลายส่วน ผู้หญิงของเขาโทรมาถามว่าเขาอยู่ไหน เหมือนจะเป็นครั้งแรกนะ
อืม ความรู้สึกนี้ไม่เลวเลยจริงๆ!!
ถึงแม้เขาจะอยู่ในบริษัท แต่ก็ยังคงสืบเรื่องของถังหลินไปด้วยเช่นเดิม
“โอเค ฉันไปหาคุณ”เวินลั่วฉิงตอบหนึ่งเสียง จากนั้นก็วางสาย
เย่ซือเฉินมองมือถือที่ถูกวางสาย มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย เธอรีบร้อนมาหาเขาก็เป็นครั้งแรกเช่นกัน
สองวันมานี้ เพราะคดีของถังหลิน ทำให้พวกเขายุ่งกับเรื่องหาเบาะแสกันทั้งคู่ ซึ่งเมื่อมีธุระก็จะติดต่อกันผ่านทางมือถือ ไม่มีเวลาเจอหน้ากันเลย
เธอมาหาเขากะทันหัน เป็นเพราะคิดถึงเขาหรือเปล่า?!
เย่ซือเฉินคิดไปทางนี้ รูปเรเดียนบนมุมปากก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอน เย่ซือเฉินยังทายได้อีกว่าเธออาจจะพบอะไรบางอย่าง หากเป็นเช่นนี้ การที่เธอเจอเบาะแสแล้วก็รีบมาบอกเขา จุดนี้ก็ทำให้เขาดีใจมากเช่นกัน
แสดงว่าตอนนี้เธอยิ่งเชื่อใจเขามากขึ้น ยิ่งพึ่งพาเขามากขึ้น!
เดิมทีเวินลั่วฉิงก็อยู่ไม่ห่างจากบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป ดังนั้นเธอใช้เวลาไม่นานก็มาถึงยังที่หมาย
ตอนที่เวินลั่วฉิงเดินไปยังห้องโถง เธอถูกพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ขวางไว้ ตึกใหญ่ของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปไม่ใช่ใครก็จะเข้าใจได้ตามใจชอบ
ประธานบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปก็ไม่ใช่ใครจะพบก็พบได้
“คุณคือคุณถังหรือคะ?”ตอนนี้เวินลั่วฉิงไม่ได้อำพรางใบหน้าที่แท้จริง พนักงานสาวจำเธอได้ตั้งแต่แวบแรก
“สวัสดีค่ะคุณถัง ไม่ทราบว่าคุณได้นัดกับประธานของพวกเราล่วงหน้าไหมคะ?”พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์จำเธอได้ ท่าทางก็กลายเป็นสุภาพเป็นพิเศษ
“เมื่อกี้ได้โทรคุยกันไว้แล้ว”เธอแค่ทำตามหน้าที่ เวินลั่วฉิงจึงไม่ทำให้เธอลำบากใจอยู่แล้ว