ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 812 ผลตรวจดีเอ็นเอคือหลักฐานที่ดีที่สุด (9)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 812 ผลตรวจดีเอ็นเอคือหลักฐานที่ดีที่สุด (9)
“งั้นดิฉันโทรแจ้งบอกก่อนนะคะ”พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ได้ยินว่านัดหมายกับท่านประธานไว้ก็ยิ่งมีมารยาทยิ่งขึ้น ทว่ายังคงต้องตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อน จะให้บกพร่องไม่ได้
และในเวลาเดียวกันนี้ เย่ซือเฉินก็เดินออกมากะทันหัน พนักงานสาวที่จะโทรขึ้นไปแจ้งบอกถึงกับอึ้ง ท่านประธานลงมารับคุณถังด้วยตัวเองเลยหรือ?
คุณถังกับท่านประธานมีความสัมพันธ์อันใดกัน?
“คุณลงมาทำไม?”เวินลั่วฉิงเห็นเย่ซือเฉินก็ยกมุมปากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เธอก็คาดไม่ถึงว่าเย่ซือเฉินจะลงมา
“ผมรอไม่ไหวเลยลงมารับคุณ”เย่ซือเฉินไม่ได้ปิดบังเลยสักนิด เดินเข้าไปหาเธอ:“ทำไมยืนอยู่ที่นี่?”
“รอแจ้งบอก……”เวินลั่วฉิงมองพนักงานสาวที่ถือโทรศัพท์ไว้แวบหนึ่ง
“เข้าบริษัทตัวเองแล้วยังต้องบอกอะไรอีก?”สายตาเย่ซือเฉินชำเลืองไปมองพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์แวบหนึ่ง จากนั้นก็มองไปยังเวินลั่วฉิง พลางเอื้อมมือไปโอบเอวของเธอ แล้วพากันเดินเข้าบริษัท
พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ตัวแข็งทื่อเหมือนกลายเป็นก้อนหิน ดึงสติกลับมาไม่ได้ครึ่งค่อนวัน
เกิดอะไรขึ้น?
ใครบอกเธอได้บ้างว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!
เมื่อสักครู่ท่านประธานกล่าวว่าคุณถังเข้าบริษัทของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องแจ้งบอก มันหมายความว่าอย่างไร?
หรือตระกูลถังร่วมหุ้นในบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป?
ไม่ ไม่ถูกสิ?เมื่อสักครู่นี้ท่านประธานโอบเอวของคุณถังไป ท่าทางสนิทใกล้ชิด ท่าทางเป็นธรรมชาติ เห็นได้ชัดว่า……
ท่านประธานของเธอกับคุณถังไม่ใช่ว่าเป็น……
โอ้สวรรค์ เป็นข่าวใหญ่เลยนะเนี่ย
ท่านประธานของเธอคบกับคุณถังอยู่!!
“เสี่ยวหยุน มีอะไรหรือ?คนที่อยู่ด้วยกันกับท่านประธานคือคุณถังหรือเปล่า?”คนอื่นที่อยู่ในห้องโถงเห็นเย่ซือเฉินโอบเอวผู้หญิง
ล้วนอดรู้สึกอยากเสือกขึ้นมา
“ใช่”เสี่ยวหยุนพยักหน้าแรงๆ:“เมื่อกี้ท่านประธานบอกคุณถังว่ามาบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปก็คือเข้าบริษัทของตัวเอง ไม่ต้องรายงานให้ทราบ”
เสี่ยวหยุนรู้สึกว่าเธอจำเป็นต้องจดจำประโยคนี้ให้ขึ้นใจ ท่านประธานน่าจะพูดให้เธอฟัง
“หมายความว่าไง?หรือว่าท่านประธานกับคุณถังแต่งงานกันแล้ว?”
“หลายวันก่อนท่านประธานอย่างกระหนุงกระหนิงกับเวินลั่วฉิงที่ห้างสรรพสินค้าอยู่เลยไม่ใช่หรือ?ทำไมมาคบกับคุณถังเร็วอย่างนี้ได้ล่ะ?”
“หรือท่านประธานจับปลาสองมือ?”
“สมองคุณมีปัญหาหรือเปล่า คุณถังกับเวินลั่วฉิงต่างกันราวฟ้ากับดิน สถานการณ์อย่างนี้ ผู้ชายเขารู้ดีว่าควรเลือกใคร จะจับปลาสองมือได้อย่างไร?ตลกล่ะ?”
“พูดอีกก็ถูกอีก มีคุณถังมาเปรียบเทียบ เวินลั่วฉิงก็กลายเป็นคนดูไม่ได้เลย”
“ไม่มีคุณถังเปรียบเทียบ เวินลั่วฉิงก็ดูไม่ได้อยู่แล้ว”
พนักงานพูดคนละประโยคสองประโยค เสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ขาดสาย บัดนี้ไม่มีใครสังเกตเห็นด้านนอกหน้าต่างมีความถือกล้องถ่ายรูปแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
เย่ซือเฉินโอบเอวเวินลั่วฉิงเดินเข้าลิฟต์แล้ว จู่ๆก็หันตัวเวินลั่วฉิง ให้เธอมองหน้าเขาตรงๆ ก่อนจะรีบก้มหน้าจุมพิตเธอ
เขาไม่ได้หอมแก้มเธอหลายวันแล้ว ตอนอยู่ที่ห้องโถง เขาก็เกือบระงับอารมณ์ตัวเองไม่ไหวแล้ว
เวินลั่วฉิงไม่ได้ดิ้นรนคัดค้าน ทางกลับกันเธอยังคล้องคอเขา พลางเขย่งเท้าให้ความร่วมมือด้วยตัวเอง
เมื่อรับรู้ได้ถึงความร่วมมือของเธอ แววตาเย่ซือเฉินก็มืดมน จูบที่ประทับลงก็ยิ่งดุเดือดมากขึ้น ยิ่งบ้าระห่ำมากขึ้น
หลังจูบไปได้สักพัก ทั้งสองคนก็เริ่มหายใจเร็วขึ้น
“วันหลังคุณต้องอยู่ห่างเจ้าชายใหญ่ของประเทศD”เวินลั่วฉิงเงยหน้ามองเขา พูดหนึ่งประโยคออกมากะทันหัน
เวินลั่วฉิงนึกถึงคำที่มู่หรงดัวหยางบอกว่าเจ้าชายใหญ่ชอบผู้ชาย นึกขึ้นได้ว่าเจ้าชายใหญ่จับเย่ซือเฉินไปที่โรงแรมกลางดึกกลางดื่น
เธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
“ทำไม?”เย่ซือเฉินที่ยังตกอยู่ในภวังค์ความจูบที่เผ็ดร้อนพลันถามหนึ่งประโยค
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเวลานี้เธอถึงพูดเช่นนี้
“มู่หรงดัวหยางบอกว่าเจ้าชายใหญ่ชอบผู้ชาย”เวินลั่วฉิงพินิจดูกแล้วคิดว่าพูดออกมาเสียจะดีกว่า เพราะเธอต้องให้เย่ซือเฉินรู้เหตุการณ์ ปล่อยให้เจ้าชายใหญ่แห่งประเทศDมาฉวยโอกาสไม่ได้
เย่ซือเฉินอึ้ง จากนั้นก็ยิ้มบางๆ:“ดังนั้น คุณกำลังหึงอยู่?”
เย่ซือเฉินก้มหน้าถูไถไปมาอยู่บนริมฝีปากแดงฉ่ำอันอวบอิ่มของเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าบานสะพรั่งไม่หยุดหย่อน:“ฉิงฉิง คุณไม่หึงผมกับผู้หญิง?หึงกับผู้ชายนี่นะ?สมองคุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”
เขาดีใจที่ผู้หญิงของเขาหึงเขา แต่ผู้หญิงของเขาหึงเขาที่มีผู้ชายเข้าใกล้……
“ถ้าเป็นผู้หญิงฉันก็ไม่เป็นกังวล ฉันเชื่อว่าคุณไม่ถูกผู้หญิงอื่นยั่วสวาทได้หรอก”สำหรับจุดนี้ เวินลั่วฉิงเชื่อใจในตัวเย่ซือเฉิน และเชื่อมั่นในตัวเองอีกด้วย
“อืม?คุณหมายความว่าผมรับมือกับผู้หญิงยั่วยวนได้ แต่ต้านทานผู้ชายไม่ไหว?”เย่ซือเฉินมองหน้าเธอ พลางหรี่ตาขึ้นมา คำพูดของผู้หญิงคนนี้หมายความว่าอย่างนี้ใช่ไหม
เธอช่างกล้าพูด?
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงคุณไม่รู้ความจริง ทำให้ป้องกันตัวไม่ทัน”เวินลั่วฉิงสบตาเข้ากับแววตาอันตรายของเขา เธอก็รีบอธิบายทันควัน เธอคิดดูแล้วก็เสริมอีกหนึ่งประโยค:“สรุปก็คือวันหลังอยู่ห่างจากตัวเจ้าชายใหญ่คนนั้นยิ่งไกลยิ่งดี”
“ได้ วันหลังผมจะดึงเข้าเป็นบัญชีดำ ไม่เจอหน้าเขาอีก”ได้ยินเธอเน้นย้ำเป็นพิเศษ มุมปากเย่ซือเฉินก็ยกขึ้นอีกครั้ง
อืม ในที่สุดผู้หญิงของเธอก็รู้จักหึงเสียที ถึงแม้จะหึงกับผู้ชาย แต่ความรู้สึกนี้ไม่เลวเลย
เขาพอใจมาก!!
ลิฟต์ส่วนตัวเปิดออก เย่ซือเฉินก็โอบเอวเธอเข้าห้องทำงานส่วนตัว
เมื่อเข้ามาถึงห้องทำงานส่วนตัว เย่ซือเฉินก็ทับเวินลั่วฉิงไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็จูบเธอแรงๆอีกครั้ง เขากับเธอไม่ได้อยู่ด้วยกันหลายวันแล้ว เขาอยากได้เธอ อยากแบบหื่นกระหายเลย……
ถึงแม้เขาจะมีจิตใจที่หนักแน่นเพียงใด แต่เมื่อแตะต้องตัวเธอเมื่อไหร่ มีอันต้องต้านทานไม่ไหว แน่นอน สำหรับเธอ เขาไม่อยากระงับอารมณ์ ไม่อยากควบคุมตัวเอง……
เย่ซือเฉินจูบเธออย่างดื่มด่ำ มือข้างหนึ่งไปสัมผัสผิวกายของเธอ ลูบไล้ผิวเนียนเรียบดั่งหยกของเธอ
เวินลั่วฉิงจับมือเขาไว้ เธอยังมีธุระสำคัญต้องพูด:“หยุด คุณหยุดเลย ฉันยังมีเรื่องสำคัญต้องพูด”
“ฉิงฉิง ผมไม่รู้สึกว่าตอนนี้จะมีอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องนี้แล้ว”คุณชายสามเย่ไม่มีทีท่าจะหยุดการกระทำเลยสักนิด เขากัดหูเธอเบาๆ เจือความลงโทษหลายส่วน
ร่างกายเวินลั่วฉิงแข็งค้าง เขาหลุดการควบคุมของเธอ ใช้มือเคลื่อนย้ายไปด้านในเสื้อต่อ
“เมื่อกี้ฉันไปที่สำนักอัยการ ตรวจดูผลวินิจฉัยอาการบาดเจ็บของกงหยุนมา”เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจ เธอรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เธอห้ามเขาไม่อยู่ ทว่าที่เธอมาครั้งนี้ก็เพื่อปรึกษาหารือเรื่องที่เกี่ยวกับองค์กรโกสต์ซิตี้
“ผลเป็นยังไง?”เย่ซือเฉินรู้เรื่องนี้ ก่อนเวินลั่วฉิงไปเคยบอกเขาแล้ว
ตอนที่เย่ซือเฉินถาม การกระทำของเขาไม่ได้หยุดเลย ยังคงลูบไล้ผิวกายของเธอ โดยเคลื่อนย้ายอย่างช้าๆ