ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 839 การเดทที่น่าหวาดกลัว (3)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 839 การเดทที่น่าหวาดกลัว (3)
มีวินาทีหนึ่ง แววตาของถังหลินเย่จนขั้นสุด และเย็นชาถึงขั้นสุด
หลินเป้ยสารภาพรักกับเย่ซือเฉิน?
หลินเป้ยชอบเย่ซือเฉิน?
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเย่ซือเฉินคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเป้ยจะพูดแบบนี้ เขาเงยหน้าขึ้น มองไปทางหลินเป้ยหนึ่งที แววตาดูแย่เลงอย่างเห็นได้ชัดเจน
แต่ว่า เย่ซือเฉินไม่ได้พูดอะไร
“ที่จริงแล้ว ฉันชอบนายมาโดยตลอด แต่ว่าสำหรับสถานะของฉัน ฉันแอบซ่อนความรู้สึกของฉันมาโดยตลอด การสารภาพในครั้งนี้ ฉันแค่พูดความรู้สึกของตัวเองออกมา ฉันไม่อยากซ่อนเอาไว้ในใจ แน่นอนว่า ฉันก็จะไม่บังคับให้นายยอมรับ เรื่องของความรู้สึกไม่สามารถบังคับกันได้อยู่แล้ว” หลินเป้ยก็ไม่ต้องการการตอบกลับของเย่ซือเฉิน ในทางกลับกันเธอยิ่งกลัวว่าเย่ซือเฉินจะพูดอะไรบางอย่างออกมากะทันหัน
ในตอนที่หลินเป้ยพูดประโยคนี้ แววตาของเธอมองเย่ซือเฉินอย่างตั้งใจ ราวกับว่าไม่รู้เลยว่าถังหลินยืนอยู่ที่ข้างนอก
ในตอนที่เย่ซือเฉินหันไป เห็นถังหลินที่ยืนอยู่ข้างนอกของประตู เย่ซือเฉินค่อยๆ ยักคิ้ว แต่ว่ายังคงไม่ได้พูดอะไร
สีหน้าของถังหลินในขณะนี้แย่มาก เขาสบตากับแววตาของเย่ซือเฉิน สีหน้าเหมือนจะแย่ลงกว่าเดิม จากนั้นถังหลินก็เดินเข้ามาในห้องรับปาก
“นายมาได้ยังไง?” ถังหลินมองดูเย่ซือเฉิน แกล้งทำตัวเหมือนชิวๆ สบายๆ แต่ว่าในตอนที่ถังหลินพูด แววตาคู่หนึ่งกลับมองผ่านหลินเป้ยไปด้วยความเย็นชา แววตาคู่นั้นสามารถทำให้คนตายได้เลย
หลินเป้ยมองไปทางถังหลิน ถึงแม้ว่าในใจของเธอจะอดสั่นไม่ได้ แต่ว่าสีหน้ากลับเงียบสงบมาก ไม่มีความหวาดกลัวเลย ยิ่งไม่มีความตื่นเต้นที่จะกลัวว่าจะถูกถังหลินจับได้
ราวกับว่าเธอและถังหลินไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน
ถังหลินมองดูสภาพของเธอ แววตาคุู่หนึ่งเย็นชายิ่งขึ้น เย็นชาจนสามารถทำให้คนแข็งเป็นน้ำแข็งได้เลย
“เจ้าชายน้อยบอกว่ารู้เหตุการณ์เล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องในคืนนั้น ตอนแรกฉันตั้งใจจะมาพร้อมกับฉิงฉิง แต่ว่าฉิงฉิงมีงานกะทันหัน ฉะนั้นคงจะมาสายหน่อย” เมื่อกี้เย่ซือเฉินไม่ได้พูดถึงเรื่องที่หลินเป้ยสารภาพรักสักคำเลย แน่นอนว่า เขาก็ถือว่าอธิบายเรื่องให้ชัดเจนแล้ว
“เธอรู้เรื่องเหตุการณ์ในคืนนั้น?” ถังหลินคือคนที่ฉลาด เพียงแค่แวบเดียวก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าหลินเป้ยหาข้ออ้างมานัดเย่ซือเฉิน
เรื่องคืนวันนั้น เธอไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ
“ฉันยอมรับ ฉันหาข้ออ้าง ตั้งใจนัดเย่ซือเฉิน” หลินเป้ยมองถังหลิน ขณะนี้แววตาของเธอเงียบสงบ ตอบกลับได้ตรงมาก
เย่ซือเฉินลุกขึ้นเลย เดินออกไปทางข้างนอก
ถังหลินไม่ได้พูดอะไร หลินเป้ยเห็นเย่ซือเฉินจะเดินไป ราวกับว่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ว่าแววตาที่เย็นชาของถังหลินมองมา หลินเป้ยก็อดไว้แล้ว
หลังจากที่เย่ซือเฉินจากไป ถังหลินจ้องหลินเป้ยไว้โดยตรงเลย แววตาที่เย็นชาสุดขีดนั้น เข้มมาก ริมฝีปากของเขาเม้มได้แน่นแฟ้น ไม่ได้พูดอะไร
หลินเป้ยเห็นสภาพที่เขาไม่พูดอะไรเลยในตอนนี้ ก็กลัว แต่ว่า เธอรู้ว่าบนเรื่องนี้ เขาไม่ยอมปล่อยแน่ๆ เห็นถังหลินไม่พูดอะไร เธอก็ไม่พูด เดินตรงไปเลย อยากจะจากไป
แต่ว่าวินาทีต่อไป จู่ๆถังหลินก็ดึงข้อมือของเธอไว้ วินาทีนั้น ถังหลินจับแน่นมาก แน่นจนเธอรู้สึกเจ็บ
“นายอยากทำอะไร?” หลินเป้ยมองไปทางถังหลิน สูดหายใจลึก เธอพยายามสงบสติอารมณ์
“คำถามนี้ถามเธอจึงจะถูก” ถังหลินจ้องเธออยู่ตลอดเวลา ความอันตรายบนใบหน้านั้นไม่ปล่อยออกเลย ทันใดนั้นก็กอดเธอเข้ามา
“เธอนัดเย่ซือเฉินออกมา อยากจะทำอะไร?” ถังหลินกัดฟัน พูดออกมาทีละคำด้วยความเย็นชา
“สารภาพรักกับเขา ฉันชอบเขา” ในใจของหลินเป้ยนั้นมีความกลัวอยู่ และตกใจมากด้วย แต่ว่าเธอยังต้องหน้าด้านพูดคำนี้ออกมา
และในวินาทีนั้น แววตาของถังหลินแย่จนถึงขั้นสุดแล้ว ความเย็นชานั้นราวกับว่าพุ่งออกมาโดยตรงเลย
“เมื่อวานฉันก็บอกนายแล้ว ฉันมีคนที่ชอบแล้ว คนที่ฉันชอบก็คือเย่ซือเฉิน” หลินเป้ยสูดหายใจลึก พยายามควบคุมให้ตัวเองสงบ ในเมื่อตัดสินใจพุ่งออกไปแล้ว งั้นก็จำเป็นต้องยืนหยัดให้ถึงจบ
“เธอชอบเย่ซือเฉิน?” สำหรับคำพูดของเธอ ถังหลินไม่เชื่อ
“ใช่ ฉันชอบเย่ซือเฉิน” แต่ว่าหลินเป้ยกลับตอบกลับด้วยความยืนหยัดเป็นพิเศษ ยืนหยัดจนทำให้คนมองไม่ออกถึงความรู้สึกผิด
“เย่ซือเฉินเพอร์เฟกต์ขนาดนั้น ชอบเขาก็ปกติไม่ใช่หรอ?” หลินเป้ยมองดูใบหน้าของถังหลินที่สีหน้าเข้มจนสุดขีด แล้วพูดเสริมอีกประโยคหนึ่งว่า ในเมื่อทำแล้ว ก็ทำให้จบเถอะ
“ดังนั้นล่ะ?” มุมปากของถังหลินค่อยๆ โค้งงอกขึ้น รอบโค้งนั้นดูเย็นชาและแข็งทื่อเป็นพิเศษ
“อื้ม?” หลินเป้ยอึ้งไปเลย ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขาในเวลานั้น เมื่อกี้เธอพูดได้ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรอ?
เขาฟังไม่เข้าใจหรอ?
หลินเป้ยมองเขา สูดหายใจลึก พูดขึ้นอีกครั้งว่า “หากเย่ซือเฉินตอบตกลงจะสู่ขอฉัน ฉันจะแต่งงานกับเขา”
ในตอนที่หลินเป้ยพูดประโยคนี้ ใบหน้าของเขายืนหยัดมาก มั่นใจเป็นที่สุด เพราะว่าเธอรู้ว่าเย่ซือเฉินไม่มีทางตอบตกลงสู่ขอเธอแน่นอน ฉะนั้นเธอจึงกล้าพูดแบบนี้
“เธอไม่มีโอกาสนั้นแล้ว” ความเย็นชาในแววตาของเขาค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น ทันใดนั้นในห้องรับแขกเหมือนอุณหภูมิจะลดลงไปเลย
เธออยากแต่งงานกับเย่ซือเฉิน นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่มีโอกาส ไม่แน่เย่ซือเฉินอาจจะชอบฉันก็ได้” หลินเป้ยรู้ว่าเฮไม่มีโอกาส ก็ไม่ใช่ว่าเออยากจะแต่งงานกับเย่ซือเฉินจริงๆ เธอก็แค่อยากจะให้ถังหลินตายใจ
“เพราะว่า เธอแต่งงานกับฉันได้แค่คนเดียว” แต่ว่า เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าถังหลินไม่ได้มีความหมายที่ตายใจ ยังคงยืนหยัดมากๆ
“ถังหลิน ฉันไม่ชอบ คนที่ฉันชอบคือเย่ซือเฉิน ดังนั้น ฉันไม่มีทางแต่งงานกับนาย” หลินเป้ยได้ยินคำพูดของถังหลินแล้ว มีความโมโห และมีความกระวนกระวาย เธอคิดไม่ถึงว่า เอพูดจนชัดเจนขนาดนี้แล้ว ถังหลินยังยืนหยัดที่จะสู่ขอเธอ
“เรื่องนี้เกรงว่าคงไม่ถึงตาเธอที่จะได้ตัดสินใจ!!” ถังหลินหรี่ตาแล้วมองเธอ ในน้ำเสียงมีเสียงของความโหดร้ายในการกัดฟันพูดแฝงอยู่
“ถังหลิน นายทำแบบนี้มีความหมายอะไรไหม ฉันไม่ชอบนายอยู่แล้ว นายสู่ขอฉัน ฉันก็ไม่ชอบนาย อีกอย่างนายก็ไม่ชอบฉัน นายจะสู่ขอคนที่ตัวเองไม่ชอบทำไม เป็นการหาสิ่งที่ไม่ดีให้ตัวเองไม่ใช่หรอ” หลินเป้ยกระวนกระวายแล้ว ทันใดนั้นน้ำเสียงของเธอดูสูงขึ้นเยอะมาก
“ถังหลิน ชีวิตแต่งงานแบบนี้ นายและฉันต่างก็เจ็บปวด มีความหมายไหม” หลินเป้ยมองดูถังหลิน บนใบหน้าดูมีความสงสัยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
ถังหลินได้ยินประโยคนี้ของเธอแล้ว แววตาคู่หนึ่งก็มองไปทางเธอ แอบแฝงความรู้สึกอื่นๆ อยู่ด้วย
“ถังหลิน ขอเชิญให้นายปล่อยมือ เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้เถอะ” หลินเป้ยเห็นเขาไม่พูดตลอดเวลา ก็รีบพูดเสริมไปอีกประโยคหนึ่งว่า “ผลแบบนี้ดีกับเราทั้งสองฝ่ายที่สุดแล้ว”