ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 843 คุณชายสามเย่สืบเจอเหตุผลที่เธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ (4)
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 843 คุณชายสามเย่สืบเจอเหตุผลที่เธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ (4)
คุณปู่เวินพยายามปิดบังอาการป่วย คงไม่ใช่เรื่องดีอยู่แล้ว
เพราะเขารู้ว่าคุณปู่เวินเอ็นดูรักใคร่เวินลั่วฉิงด้วยใจจริง
ขณะนี้ เขาอยากรู้คำถามเหลือเกิน แต่กลับกลัวเมื่อรู้คำตอบแล้ว
เขากลัวว่าคำตอบสุดท้ายก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ……
“รังไข่แตก เสียหายอย่างรุนแรงครับ”ผู้อำนวยการลู่มองเย่ซือเฉิน น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือความหนักอึ้ง ซึ่งสีหน้าและน้ำเสียงแสดงถึงความรุนแรงของอาการในเวลานั้น
มือของเย่ซือเฉินที่วางไว้บนโต๊ะแข็งค้างนิดๆ สีหน้ายังคงไม่เผยความผิดปกติอะไร แต่หัวใจกลับถูกบีบอย่างแรง ปวดจนใกล้หายใจไม่ออก
รังไข่แตก เสียหายอย่างรุนแรง งั้นแสดงว่าเพราะการบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้มีบุตรไม่ได้หรือเปล่า?
“ผลล่ะ?”ถึงแม้เย่ซือเฉินจะคาดเดาผลที่เกิดขึ้นได้แล้ว แต่กลับถามออกมา ปกติเขาเป็นคนทำอะไรละเอียดรอบคอบ ไม่ปล่อยให้ปัจจัยใดๆเข้ามาทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็นเด็ดขาด
สิ่งที่เขาต้องการคือความจริงที่แม่นยำ แม้ว่าคำตอบนั้นจะโหดร้ายเพียงใดก็ตาม!!
“เพราะคุณเวินบาดเจ็บครั้งนั้นทำให้มีบุตรไม่ได้ครับ”ในเมื่อผู้อำนวยการลู่พูดชัดเจนแล้ว ใจความสำคัญของเรื่องก็ไม่มีทางปิดบังเป็นอันขาด
เย่ซือเฉินหดนิ้วมือครู่หนึ่ง ใบหน้าที่รักษาความนิ่งมาโดยตลอดได้ทลายลงแล้ว คำตอบของผู้อำนวยการลู่กระจ่างมากพอแบบไม่มีที่ให้ถดถอยเลย
เย่ซือเฉินจ้องมองอยู่แต่ผู้อำนวยการลู่ เขามองทุกการตอบสนอง ทุกสีหน้าของผู้อำนวยการลู่ในสายตา
ทว่าเขาไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆเลย ทุกการตอบสนองของผู้อำนวยการลู่เป็นปกติธรรมชาติมาก
ตอนแรกในใจเย่ซือเฉินมีความเพ้อฝันอันน้อยนิดหลงเหลืออยู่ บัดนี้ได้ทำลายจนหมดสิ้นแล้ว เธอบาดเจ็บเมื่อหกปีก่อน เขากับเธอมีอะไรกันตอนห้าปีก่อน และเด็กผู้หญิงคนนั้นก็มีอายุแค่สี่ห้าขวบ ดังนั้น ไม่ใช่จริงๆ?!
แต่ถึงอย่างไรเมื่อเขาพบเด็กผู้หญิงคนนั้น เขาก็ตั้งความหวังเกินตัว หากไม่มีความหวัง คงไม่ผิดหวังหนักเพียงนี้
วินาทีนี้เย่ซือเฉินรู้สึกว่าหัวใจของเขาถูกบดขยี้ขาดเป็นเสี่ยงๆ มันเจ็บปวดรวดร้าว เหตุเนื่องจากเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ลูกของเขากับเวินลั่วฉิง ยิ่งเป็นเพราะเวินลั่วฉิงเคยผ่านความทุกข์ระทมเช่นนั้นมาก่อน
เย่ซืเฉินไม่ได้ถามอะไรอีก หยัดกายลุกขึ้นจากไป เพียงแต่หลังก้าวเดินไปได้สองก้าว เขาก็หันกลับมาเอาเอกสารที่อยู่ในมือของผู้อำนวยการลู่ จากนั้นก็ออกจากห้องทำงานรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล
หลังจากเย่ซือเฉินออกไป ผู้อำนวยการลู่รู้สึกว่าร่างกายตัวเองอ่อนยวบ ทรุดตัวนั่งอยู่บนเก้าอี้ หน้าผากของเขามีเหงื่อไหลออก เขาเงยหน้าเช็ดเหงื่อ แต่พบว่ายิ่งเช็ดก็ยิ่งเยอะ
ร่างกายของเขาในยามนี้เหมือนอิดโรย ราวกับไม่มีกระดูกต้องทรุดตัวอ่อนอยู่บนเก้าอี้ ดูแล้วแปลกประหลาดมากมาย
เหงื่อบนหน้าของเขายิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของเขาสั่นเทา เขาอยากไปหยิบกระดาษชำระสักหน่อย แต่เมื่อเขาเอื้อมมือออกไป แต่กลับหยิบมันไม่ได้ ทั้งที่กระดาษชำระก็อยู่ไม่ไกลจากเขาเลย นาทีนี้ร่างกายเขาเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลืออยู่เลยสักนิด
เหงื่อไหลออกมาตามใบหน้าไม่หยุดหย่อน สีหน้าซีดขาวสุดๆ แววตามีความหวาดกลัวอย่างไม่อาจปิดบังได้
และในเวลานี้นี่เอง มือถือของเขาก็ดังขึ้น
เขาสะดุ้งตกใจ พลางนั่งตัวตรง วินาทีต่อมา เขารีบเอามือถือมาดูเบอร์แวบหนึ่ง ร่างกายก็ต้องสั่นอีกครั้ง จากนั้นก็รีบรับสายทันควัน
“ผมทำตามที่คุณบอกแล้วครับ เมื่อกี้เขาเชื่อแล้ว” มือที่จับโทรศัพท์ของผู้อำนวยการลู่สั่นเทาอย่างรุนแรง น้ำเสียงก็เช่นกัน
“ดีมาก”เสียงส่งมาจากปลายสาย ซึ่งเป็นเสียงที่หยาบกระด้าง แหบพร่าและเย็นชา ฟังแล้วไม่เหมือนเสียงปกติทั่วไป น่าจะใช้เครื่องเปลี่ยนเสียงเข้าช่วย
“งั้นคุณจะคืนของของผมเมื่อไหร่ครับ?”ผู้อำนวยการลู่อยากควบคุมอาการมือสั่นของตน แต่กลับพบว่าควบคุมไม่ได้เลย บัดนี้เสียงหอบเหนื่อยของเขาระคนความหวาดกลัวไว้
“วางใจเถอะ คืนให้คุณแน่นอน”เสียงเย็นชาที่ไร้ความรู้สึกส่งมาตามสาย ฟังอารมณ์อะไรไม่ออกเลยสักนิดเดียว
“คุณจะคืนผมเมื่อไหร่ครับ?สิ่งที่คุณต้องการให้ผมทำ ผมก็ทำแล้วครับ คุณต้องรักษาสัจจะนะครับ”ผู้อำนวยการลู่ไม่ค่อยเชื่อใจอีกฝ่ายมากนัก พูดให้ถูกก็คือกลัวอีกฝ่ายมาก
ระหว่างที่ผู้อำนวยการลู่ไปต่างประเทศ เดิมทีคือประร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานที่ประเทศR แต่คาดไม่ถึงว่าเพิ่งถึงประเทศRก็โดนจับตัว คนพวกนั้นขังเขาไว้ในห้องแห่งหนึ่ง เป็นห้องสี่เหลี่ยมที่มิดชิด ไม่มีหน้าต่าง ไม่รู้กระทั่งว่าประตูอยู่ไหน
ซึ่งภายในห้องนั้นมีแต่แสงสีขาวนวลที่แสบตา เขามองอะไรไม่ชัด กระทั่งไม่อาจแยกแยะทิศทางได้ถูกเลย
สามวันแรก พวกเขาแค่ขังเขาไว้ในห้องนั้นเฉยๆ เขาหาคนช่วยไม่เจอและออกไปไม่ได้
แต่ทุกครั้งที่เขาเหน็ดเหนื่อย เตรียมจะพักผ่อน ข้างกายเขาก็จะมีคนโผล่ออกมาหนึ่งคน โดยไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนนั้นทำอะไรกับเขาบ้าง สรุปก็คือเขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก แต่กลับนอนไม่หลับเลย
ให้น้ำในปริมาณน้อยนิด
พอถึงวันที่สี่ก็มีคนมาถามเขา บุคคลนั้นยืนอยู่ท่ามกลางแสงขาวที่สว่างเจิดจ้า ขาวจนมองไม่เห็นหน้า
เขาไม่เข้าใจและรู้สึกแปลกใจกับคำถามของบุคคลนั้นมาก
ทว่าพวกเขาบอกเขาว่า ต้องตอบตามที่พวกเขาสั่ง ซึ่งเนื้อหา น้ำเสียง กระทั่งสีหน้า หรือทุกการตอบสนองต้องเป็นไปตามที่พวกเขาต้องการทุกอย่าง ผิดไม่ได้แม้แต่จุดเดียว
หากทำผิด เขาก็จะไม่ได้นอนไม่ได้กินข้าว
และสิบวันต่อมา พวกเขาให้เขาตอบคำถามที่หลากหลายซ้ำไปซ้ำมา แน่นอน คำถามพวกนั้นเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องอาการบาดเจ็บของคุณเวินทั้งหมด
ตอนเริ่มแรก เขาไม่เข้าใจว่าพวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ จนถึงสิบวันให้หลังหรือบรรลุเป้าหมายที่พวกเขาตั้งไว้แล้ว เขาถึงถูกปล่อยตัวออกจากห้องนั้น
บุคคลสวมหน้ากากปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา ในมือบุคคลนั้นถือเอกสารไว้หนึ่งฉบับ เอกสารฉบับนั้นจดบันทึกทุกการกระทำทุกเรื่องราวที่เขาทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาอย่างละเอียดยิบย่อย เขามีตำแหน่งเฉกเช่นวันนี้ได้ เขามีฐานะทางการเงินที่มั่งคั่งอย่างวันนี้ได้
คงต้องมีความลับที่ไม่อาจเปิดเผยได้อยู่แล้ว
หากความลับพวกนั้นแพร่งพรายเมื่อไหร่ เขามีอันต้องดับสูญเมื่อนั้น
บุคคลนั้นนำเอกสารฉบับนั้นมาข่มขู่เขา เขาจำเป็นต้องยอมจำนง ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นเขายังโดนพวกเขาทรมานแบบไม่ใช่มนุษย์
เขารู้ถึงความน่ากลัวของพวกเขาดี ดังนั้นเขาไม่รับปากไม่ได้
สิ่งที่พวกเขาต้องการให้เขาทำก็คือหลอกลวงเย่ซือเฉิน
หากไม่ได้สัมผัสเหตุการณ์สิบวันนั้น เขาคงหลอกเย่ซือเฉินไม่สำเร็จ
ทว่าบุคคลที่จับตัวเขาตอนนั้น ประเมินสถานการณ์ทุกอย่างไว้เรียบร้อย รวมไปถึงทุกคำถามที่เย่ซือเฉินจะถาม กระทั่งรวมถึงวิธีการกระทบกระเทือนจิตใจเย่ซือเฉินอย่างไร ทำอย่างไรจึงจะทำให้อารมณ์ของเย่ซือเฉินสั่นคลอได้
ทุกอย่างล้วนวางแผนได้อย่างแยบยล ไร้ข้อบกพร่องใดๆ
อีกทั้งบุคคลนั้นยังถามซ้ำทุกคำถามหลายรอบ ถามภายใต้ความกดดันอันหนักหน่วงเรื่อยๆจนกว่าเขาจะตอบได้แบบไร้ที่ติ