ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 886 ความเคลื่อนไหวของคุณชายสามเย่
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 886 ความเคลื่อนไหวของคุณชายสามเย่
ถ้าหากทำเรื่องนี้สำเร็จ เธออาจจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ ถึงตอนนั้นเธอก็ไม่ต้องพึ่งพาเจิ้งฉงแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพื่อแก้แค้น ผู้หญิงที่เป็นเหมือนดอกไม้อย่างเธอคงไม่มาอยู่กับผู้ชายแก่ที่โหนกแก้มเต็มไปด้วยเนื้ออย่างนี้หรอก
หลายปีมานี้ทุกครั้งที่ต้องอยู่กับเจิ้งฉง เธอได้แต่อดทนอดกลั้นต่อความขยะแขยงเอาไว้
เจิ้งฉงไม่ได้จริงใจกับเธอ เธอเองก็ไม่ได้จริงใจต่อเจิ้งฉงเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นเธอมีคนคนหนึ่งอยู่ในใจแล้ว คนที่เธออยากรักแต่รักไม่ได้ คนที่เธอต้องการแต่กลับครอบครองไม่ได้
หลายปีที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ถึงความเจ็บปวดที่อยู่ในใจของเธอ
และที่ยิ่งทำให้เธอเจ็บปวดมากขึ้นไปอีกก็คือผู้ชายที่เธอรักอย่างสุดหัวใจกลับรักคนอื่น……
ผู้ชายที่เธอรักมากมายคนนั้น ดันไปรักคนที่เธอเกลียดชังมากที่สุด!!
มือของไป๋หยิงกำแน่นขึ้น เธอออกแรงกำหมัดจนแน่น จนปลายแหลมของเล็บจิกเข้าไปในผิวหนัง แต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด
เพราะว่าในใจของเธอตอนนี้มีแต่ความเกลียดชัง เธอแทบจะอยากจับเวินลั่วฉิงมาถลกหนังเลาะเส้นเอ็น ฉีกศพออกเป็นชิ้น ๆ
เพราะเกลียดจนเข้ากระดูก ใบหน้าของไป๋หยิงในตอนนี้จึงบูดเบี้ยว ดูน่ากลัวมาก
เจิ้งฉงผละออกจากซอกคอของเธอแล้วแหงนหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าที่ดูบูดเบี้ยวน่ากลัวของเธอ แต่เจิ้งฉงกลับไม่ได้ตกใจ ทว่ากลับยิ่งตื่นเต้นดีใจมากขึ้นด้วยซ้ำ : “ฉันชอบเธอที่เป็นแบบนี้จัง ดูไม่ปลอม ดูมีรสชาติดีจัง”
ผู้หญิงสำหรับเจิ้งฉงนั้นที่จริงก็เหมือนอ้อยเข้าปากช้าง แต่ว่า ประเภทที่อ่อนแอบอบบางนั้นไม่มีอะไรน่าสนใจ เขาชอบแบบดุร้ายอย่างไป๋หยิง ชอบความร้ายกาจของไป๋หยิง
ดังนั้นการที่ไป๋หยิงได้อยู่ข้างกายเขามานานหลายปี จึงไม่ใช่เพียงเพราะไป๋หยิงฉลาดเท่านั้น
“จริงสิ ฉันเตรียมของชิ้นใหม่ให้เธอจำนวนหนึ่ง จะได้ลองใช้ดูพอดีเลย” เจิ้งฉงมองเธอ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเนื้อตรงโหนกแก้มเมื่อยิ้มขึ้นมาทำให้แทบจะมองไม่เห็นดวงตาเลยทีเดียว
เขาที่เป็นแบบนี้มองดูแล้วยิ่งน่าเกลียด บวกกับรอยยิ้มที่น่าขยะแขยงของเขา ทำให้ไป๋หยิงที่ค่อนข้างเป็นคนกล้าหาญ ทำอะไรทุ่มสุดตัวกลับรู้สึกกลัวจนตัวสั่นขึ้นมา
เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าของชิ้นใหม่ที่เจิ้งฉงพูดถึงคืออะไร เธออยู่กับเขามานานขนาดนี้ ย่อมรู้ดีว่าเขาชอบอะไร ผู้ชายคนนี้ไม่เคยอ่อนโยนกับผู้หญิง ถึงขั้นป่าเถื่อนเลยด้วยซ้ำ
อายุยิ่งมาก วิธีการทรมานคนของเขาก็ยิ่งโหดร้ายทารุณมากยิ่งขึ้น ไป๋หยิงเองก็กลัวการทรมานที่ป่าเถื่อนของเขา
ทุกครั้งที่จบลง เธอรู้สึกเหมือนได้ลอกผิวหนังออกหนึ่งครั้ง หลายวันกว่าจะฟื้นตัว ทุกครั้งเธอรู้สึกเหมือนสูญเสียพลังชีวิตไปครึ่งหนึ่ง
แต่ไม่ว่าเธอจะกลัวแค่ไหนก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ และไม่กล้าปฏิเสธด้วย
ไม่เพียงเพราะเธอต้องการใช้หลอกใช้ผู้ชายคนนี้เท่านั้น แต่เป็นเพราะผู้ชายคนนี้ไม่ยอมให้ปฏิเสธเลย ถ้าหากปฏิเสธเขาไป เขาจะยิ่งหาวิธีมาทำให้เธอเหมือนตายทั้งเป็น
ความเกลียดในใจของไป๋หยิงยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้น เพื่อแก้แค้นทำให้เธอต้องทนมาหลายปี ถึงเวลาเธอต้องทำให้เวินลั่วฉิงได้ลิ้มรสความขมขื่นที่เธอได้รับตลอดหลายปีนี้แน่นอน
เจิ้งฉงโอบเธอไว้แล้วพาเดินไปยังในห้องห้องหนึ่ง เป็นห้องที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ ด้านในมีสิ่งของมากมายที่คนนอกคิดไม่ถึง
ร่างกายของไป๋หยิงในตอนนี้แข็งทื่อไปหมด ในใจรู้สึกกลัวและต่อต้าน เมื่อยิ่งต่อต้านร่างกายของเธอก็ยิ่งแข็งทื่อมากขึ้น
เจิ้งฉงที่กำลังโอบเธออยู่ในตอนนี้ รับรู้ได้ว่าเธอตัวแข็งทื่อ แต่เจิ้งฉงไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไรเลย ทว่าเขากลับยิ่งยิ้มอย่างได้ใจมากกว่าเดิม
เขาชอบความรู้สึกแบบนี้ เขาชอบที่เธอกลัวแทบตายแต่กลับไม่กล้าที่จะปฏิเสธเขา
ไป๋หยิงเห็นรอยยิ้มที่ดูได้ใจของไป๋หยิง ก็รู้สึกเกลียดจนตาแดง ทำไม? ทำไมต้องเป็นแบบนี้?
ทำไมต้องทำแบบนี้กับเธอ?
ทำไมเวินลั่วฉิงถึงได้รับอะไรมากมายมาง่าย ๆ ทำไมเวินลั่วฉิงถึงได้รับความรักจากผู้ชายมากมายอย่างง่ายดายขนาดนั้น? ทำไมเวินลั่วฉิงถึงได้กลายเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลถัง? ทำไมถังหลินกับเย่ซือเฉินถึงต้องปกป้องเวินลั่วฉิงขนาดนั้นด้วย?
ทำไมเธอทำได้เพียงยอมรับชะตาที่ต้องถูกทรมานอย่างนี้?
ทำไมผู้ชายคนนั้นที่เธอรักอย่างสุดหัวใจถึงไม่เคยเข้าใจในความรักของเธอ ทำไมผู้ชายคนนั้นที่เธอรักมากถึงไม่เคยให้โอกาสเธอเลยสักนิด
ทั้งหมดนี่เป็นเพราะเวินลั่วฉิง
ตอนนี้ถ้าหากเวินลั่วฉิงอยู่ตรงหน้าเธอ เธอคงใช้มือฉีกเวินลั่วฉิงไปแล้ว คงจะจับเวินลั่วฉิงฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แน่นอน
ไม่สิ เธอไม่มีทางปล่อยให้เวินลั่วฉิงตายง่าย ๆ อย่างนั้นหรอก เธอต้องทำให้เวินลั่วฉิงตายทั้งเป็น ต้องทำให้เวินลั่วฉิงร้องขอชีวิตหรือร้องขอความตายไม่ได้
ร่างกายของไป๋หยิงสั่นเทาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเคียดแค้นที่เอ่อล้น? หรือเป็นเพราะความกลัวที่มีต่อเจิ้งฉง?
หรืออาจจะเป็นเพราะทั้งสองอย่างก็ได้!
เจิ้งฉงมองเธอแวบหนึ่ง แล้วก็ยิ่งยิ้มอย่างได้ใจมากขึ้นไปอีก
ค่ำคืนยังอีกยาวนาน ทั้งหมดนี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
ในคฤหาสน์ เย่ซือเฉินนอนอยู่บนเตียงคนเดียว เขาเปิดอ่านข้อความที่เขาคุยกับเจ้าหญิงน้อยไปมา แล้วก็ยิ้มออกมาไม่หยุด เจ้าหญิงน้อยของเขาช่างฉลาดและน่ารักมากเหลือเกิน
การที่ให้เจ้าหญิงน้อยแอบเป็นสายลับเป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น สิ่งที่สำคัญก็คือการที่เขารู้สึกสนิทกับเจ้าหญิงน้อยโดยไม่มีช่องว่างระหว่างกัน ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็ตาม เจ้าหญิงน้อยจะมาพูดกับเขาทุกเรื่อง ทำให้เห็นได้ว่าเจ้าหญิงน้อยของเขาเชื่อใจเขา
และเห็นได้ชัดว่าในใจของเจ้าหญิงน้อยนั้นเขามีความสำคัญมาก
แน่นอน เขาต้องทำให้ตำแหน่งของตัวเองที่อยู่ในใจเจ้าหญิงน้อยสำคัญมากยิ่งขึ้น เขารู้สึกว่าตัวเองเอาเจ้าหญิงน้อยอยู่หมัดแล้ว วันที่ครอบครัวพวกเขาจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันใกล้เข้ามาทุกทีแล้วล่ะ
เมื่อคิดถึงตอนที่ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า เขาก็นึกถึงเรื่องที่เวินลั่วฉิงปิดบังเขามาโดยตลอด
ลูกสาวของพวกเขาโตขนาดนี้แล้ว เธอกลับไม่ยอมบอกเขา ปิดบังเขามาตลอด เธอคิดอะไรอยู่กันแน่?
เมื่อก่อนยังพอเข้าใจได้ แต่ตอนนี้เห็น ๆ กันอยู่ว่าเธอชอบเขา เธออยากอยู่กับเขา แล้วทำไมต้องปิดบังเรื่องเจ้าหญิงน้อยด้วยล่ะ?
เธอกำลังเป็นห่วงอะไรอยู่เหรอ? เป็นเพราะคนแก่สองคนนั้นของตระกูลเย่เหรอ?
คนแก่สองคนของตระกูลเย่ยิ่งอยู่ยิ่งทำเกินไปแล้ว เมื่อก่อนเขายังถือว่าพวกเขาเป็นผู้อาวุโส ไม่อยากทำอะไรที่มันไร้เยื่อใยเกินไป
แต่ตอนนี้เขาไม่อยากสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว นึกถึงเรื่องที่วันนี้คนแก่ทั้งสองคนของตระกูลเย่ไปดักเวินลั่วฉิงที่ด้านนอกตึกบริษัทเวินซื่อกรุ๊ป ดวงตาของคุณชายสามเย่ก็ดูเย็นชามากขึ้นทันที
เขารับประกันได้เลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย เขาไม่มีทางยอมให้คนแก่สองคนนั้นรังแกภรรยาของเขาอีกเด็ดขาด
ส่วนภรรยาของเขานั้น เขาคิดว่าต่อไปเมื่ออยู่ต่อหน้าภรรยาจำเป็นต้องทำตัวให้ดี ๆ
อืม พรุ่งนี้เขาจะเริ่มลงมือเลยแล้วกัน
เช้าตรู่วันถัดมาเวลาประมาณตีสี่กว่า เวินลั่วฉิงถูกปลุกด้วยเสียงเรียกข้าวของโทรศัพท์
เป็นเยว่หงหลิงที่โทรเข้ามา ในสาย น้ำเสียงของเยว่หงหลิงฟังดูตื่นตระหนกเล็กน้อย : “ฉิงฉิง เธอมาที่ประเทศ M หน่อยได้ไหม?”
“เกิดเรื่องงั้นเหรอ?” เวินลั่วฉิงตกใจทันที เธอรู้จักกับเยว่หงหลิงมานาน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินน้ำเสียงตื่นตระหนกอย่างนี้จากเยว่หงหลิง เธอจึงรู้ได้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้น
และกลัวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่อย่างนั้นเยว่หงหลิงคงไม่โทรศัพท์มาหาเธอเวลานี้หรอก
ตั้งแต่ที่ได้รู้ว่าถังไป๋เชียนทำเรื่องพวกนั้น เธอก็ตั้งใจว่าจะค่อย ๆ ถอยห่างออกมา ไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางนั้นอีก ถึงแม้เธอจะไม่ได้พูดให้ชัดเจน แต่เยว่หงหลิงก็เข้าใจเจตนาของเธอดี และเยว่หงหลิงก็สนับสนุนการกระทำของเธอด้วย
ดังนั้น……